CF:บทที่ 260 การคัดเลือก

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 260 การคัดเลือก


ในแผนกวิจัยยานยนต์ บรรยากาศในเวลานี้ตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย พวกเขากำลังเลือกผู้เข้าสมัครสำหรับบริษัทยานยนต์ที่ทางรัฐและอู๋ ฮ่าวเหรินขอความร่วมมือที่จะจัดตั้งเครือข่าย


“พวกคุณทุกคนคงเข้าใจสถานการณ์นี้แล้วนะ ไม่จำเป็นต้องให้ผมพูดตั้งแต่แรก ในจำนวนพวกคุณ จะต้องเลือกออกมาห้าคน”


“เจ้านายครับ ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากไปนะครับ แต่ครอบของเราอยู่ที่นี่ คงไม่ได้กลับมาในช่วงสั้นๆแน่ๆ”


 “ใช่แล้วครับ นี่ผมเองยังไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เราไปถึงที่โน่นแล้ว แม้จะได้ยินมาว่าสวัสดิการของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นดีแค่ไหนก็เถอะ แต่ปัญหาก็คือบริษัทที่ร่วมมือด้วยรวมถึงการจัดการก็เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้นการที่จะใช้มาตรฐานของสวัสดิการจากฟิวเจอร์กรุ๊ปคงเป็นไปไม่ได้แน่ๆ”


รัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก  เมื่อเขาได้รับการแจ้งเรื่องนี้ในตอนแรก เขายังคิดเลยว่าต้องมีอะไรผิดพลาด


แต่ต่อมา เขากลับได้รู้ว่านี่ไม่ใช่บริษัทของพวกเขา บริษัทยานยนต์ของทหารทั้งสี่เหล่าต่างหากที่จะต้องดึงคนออกไปตามกฎดังกล่าว


ถ้าปล่อยให้พวกเขาทำงานกับฟิวเจอร์กรุ๊ป พวกเขาก็จะตั้งใจทำงานเพื่อคนหนึ่งร้อยคน


ส่วนผลกำไรและเงินเดือนเป็นที่กล่าวขานอย่างมาก


แต่บริษัทที่ร่วมมือกับฟิวเจอร์กรุ๊ปในเวลานี้กลับไม่มีข่าวออกมาเลยว่ามีบริษัทอะไรบ้าง


“ฉันจะให้เวลานายหนึ่งวันไปคิดเรื่องนี้ พอพรุ่งนี้ถ้านายยังเลือกใครไม่ได้ ก็คงต้องใช้วิธีแบบดั้งเดิม”


ในขณะที่มองผู้คนออกไป ก็มีผู้มาใหม่ซึ่งเพิ่งเข้ามาทำงานในแผนกเทคโนโลยีในปีนี้เดินเข้ามา


“ท่านรัฐมนตรีครับ บริษัทรถยนต์ที่เราจะต้องไปจริงๆนั้นน่ะ ได้ทำอะไรบางอย่างกับฟิวเจอร์กรุ๊ปหรือเปล่าครับ”


รัฐมนตรีฝ่ายเทคโนโลยีรู้สึกงุนงง แต่เขาก็ตอบกลับไป “เป็นเรื่องจริงที่ดูเหมือนว่า อู๋ ฮ่าวเหรินที่มาจากฟิวเจอร์กรุ๊ป ได้ศึกษาเรื่องแรงขับเคลื่อน ดังนั้น เขาจึงต้องการขอความร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อศึกษาเรื่องรถยนต์”


จริงๆแล้ว เมื่อรัฐมนตรีฝ่ายเทคโนโลยีได้ยินข่าวนี้ในทีแรก เขาก็รู้สึกว่าข่าวดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือ อู๋ ฮ่าวเหรินพัฒนาแรงขับเคลื่อนและคิดที่จะสร้างรถ หรือนี่เขาคิดว่ากำลังสร้างของเล่นอยู่หรือไง


“ท่านครับ ผมจะไป ผมจะไปบริษัทนั้นเอง เสนอชื่อผมได้เลยครับ”


“ผมด้วยครับ ผมด้วย ผมจะต้องไปเมื่อไหร่ ถ้ารีบล่ะก็ ผมจะกลับไปหอพักและเก็บของเดี๋ยวนี้เลยครับ”


ชายทั้งสองดูกระตือรือร้นเสียจนท่านรัฐมนตรีถึงกับงงก่อนจะเอ่ยขึ้น “พวกคุณทั้งสองคนไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องนี้หรอก แม้จะมีเทคโนโลยีให้พวกคุณเรียน คุณก็จะได้อยู่ที่โน่นแค่สองปีเท่านั้นเพื่อให้รู้เรื่องเทคโนโลยี”


“ไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องนั้น เรื่องนี้มันเกี่ยวกับว่าผมจะหาลูกสะใภ้ได้หรือไม่เลยนะครับ ก็ต้องคิดสิครับ”


“ลูกสะใภ้ แล้วเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับลูกสะใภ้ เพราะถ้าคุณไป ผมจะต้องใส่ชื่อคุณลงไปในนั้น”


เป็นที่ชัดเจนว่า ท่านรัฐมนตรีไม่ค่อยจะเข้าใจถึงตำแหน่งในปัจจุบันของฟิวเจอร์กรุ๊ปในใจของผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อู๋ ฮ่าวเหรินที่โด่งดังยิ่งกว่าดาราหนังคนนั้น


ด้วยเหตุผลนี้  บริษัทรถยนต์พวกนี้จึงมีปรากฏการณ์แปลกๆ คนสูงวัยบางคนกลัวว่าถ้าไปแล้ว สวัสดิการและการรักษาที่นั่นอาจแย่กว่าที่ที่พวกตนได้รับอยู่ตอนนี้ก็ได้


ส่วนคนที่มีครอบครัวส่วนใหญ่ก็ไม่ชอบ พวกเขาไม่คิดว่าบริษัทที่ให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาลจะมีงานที่ดีไปกว่าที่พวกตนทำอยู่ได้


แต่ตรงข้ามกับคนหนุ่มสาวที่ต่างเข้ามาลงชื่ออย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่มีความกังวลอะไรมากมาย เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว ถ้านี่เป็นโครงการของ อู๋ ฮ่าวเหรินก็ต้องเป็นโครงการที่ดีมากแน่ๆ


ผมไม่เห็นด้วยเลย ในตอนนี้ธุรกิจวัสดุเส้นใยพืชทำให้บริษัทพลาสติกของต่างชาติปิดตัวลง


เทียบกับปัญหาในบริษัทยานยนต์แล้วนั้น สถาบันวิจัยกลับมีปัญหามากกว่าเพราะไม่มีใครอยากไปทำการวิจัยในเมืองเล็กๆอย่างหลี่ฉุย


ในความเห็นของพวกเขา สิ่งนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับที่พวกเขาต้องออกไปจากที่นี่ แต่พวกเขาจะออกไปยังไงนี่สิ


 “ถึงใครอยากจะไป แต่ผมไม่ไป อย่ามาพูดกับผมเสียให้ยาก ไม่มีประโยชน์หรอก”


“เสี่ยว เกา จริงๆแล้วฉันน่ะใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตัวในตอนนี้ ถ้านายเชื่อฉัน มันก็คุ้มค่าที่จะพากลุ่มพวกนายกับฉันไปยังฟิวเจอร์กรุ๊ป มากกว่าอยู่ในห้องทดลองนี้เฉยๆ ถ้าฉันอยากจะผลิตผลลัพธ์ขึ้นมาก็ต้องเรียนในสิ่งที่เรายังไม่รู้”


“ถ้าอย่างนั้น ทำไมท่านถึงไม่ให้ หวัง จวอพาทีมของเขาไปฟิวเจอร์กรุ๊ปล่ะครับ ท่านผู้อำนวยการ เพียงแค่ท่านสั่งการออกไป ผมก็จะไม่พูดอะไรสักคำแล้วก็จะพาพวกเขาไป”


“เฮ้อ นายนี่นะ ถ้าฉันไม่เห็นว่าสมองเด็กๆของนายพลิกกลับไปกลับมาได้ล่ะก็ ฉันจะไม่มีวันให้ส่วนนี้กับนายแน่ ทั้งยอมยกเว้นให้และบอกข้อมูลลับกับนาย...”


หลังจากนั้นเพียงเล็กน้อย ชายคนดังกล่าวก็จ้องไปที่ผู้อำนวยการด้วยตาที่เบิกกว้างก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ท่านครับ นี่เป็นเรื่องจริง มีของแบบนั้นอยู่ที่นั่นด้วยหรือครับ”


 “บ๊ะ นี่นายยังจะสงสัยเรื่องที่ฉันยอมยกเว้นให้อีกงั้นหรือ ถ้าเรื่องนี้มีใครรู้ ฉันก็ต้องรับผิดชอบ และข่าวนี้มีแค่ผู้เข้าร่วมที่รู้ จำไว้นะ เมื่อนายไปแล้ว อย่าแสดงอารมณ์เหมือนกับที่ทำในห้องทดลองอย่างนี้ ทำตัวเองให้ดูกระจอกเข้าไว้ เรียนให้หนัก สุภาพอีกหน่อย ถ้าฉันโดนเล่นเพราะทัศนคติแย่ๆของนายล่ะก็ ฉันไม่เผาผีนายแน่”


 “ไม่ต้องห่วงครับ ท่าน ตราบใดที่ท่านพูดว่ามีเทคโนโลยีแบบนั้น ให้ผมทำให้ทุกอย่างเลยครับ” ดวงตาทั้งสองของ เสี่ยว เกา เป็นประกาย


ที่สถาบันวิจัยหุ่นยนต์ สถานการณ์กลับแตกต่างไปจากที่อื่นๆโดยสิ้นเชิง ผมได้ยินมาว่าพวกเรากำลังจะร่วมมือกับ อู๋ ฮ่าวเหรินที่จะเริ่มสร้างหุ่นยนต์ในอนาคต เพื่อที่จะแย่งพื้นที่ที่มีจำนวนจำกัด กลุ่มจะต้องเริ่มได้แล้ว


 “ครูครับ ให้ผมเป็นผู้นำทีมเถอะ ผมจะไม่ทำให้ครูอับอาย” เจิ้ง หมิงเจิน เริ่มหงายการ์ดคนสนิท


“ทำไมต้องเป็นนายที่มานำ ต้องเป็นฉันสิที่นำ”


“ไม่ต้องเถียงกัน ฉันจะเป็นคนตัดสินเองว่าใครจะเป็นหัวหน้าทีมในครั้งนี้”


“ใครครับ”


ผู้คนต่างฟังว่าจะเป็นใคร พวกเขารู้ว่าพวกตนสามารถเรียนรู้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่ก้าวล้ำที่สุดเมื่อครั้งที่พวกตนเป็นหัวหน้าอยู่ในอดีต


“ผมเอง”


“ครูครับ ครูก็ต้องเป็นคนนำทีมอยู่แล้ว แล้วสำหรับพวกเราที่เป็นกลุ่มสถาบันวิจัยที่นี่ล่ะครับ”


“ง่ายๆเลยนะ กลุ่มสถาบันวิจัยทั้งหมดที่ย้ายเข้ามาใหม่นี้ จะต้องมาช่วยเราตระเตรียมสถาบันการวิจัยแห่งใหม่ ดังนั้น ตอนนี้ไม่ต้องทะเลาะกัน”


ทุกคนนิ่งอึ้งไป พวกเขาเองก็คาดไม่ถึงว่าสถาบันวิจัยหุ่นยนต์ทั้งหมดจะต้องย้ายไปที่นั่น


โจ้ว เซว่หองตัดสินใจพูดออกไปแบบนี้หลังจากขบคิดมาทั้งคืน


เทคโนโลยีหุ่นยนต์ล่าสุดของพวกเขา รวมถึงการออกแบบด้วยและการใช้เทคโนโลยีนั้น อู๋ ฮ่าวเหรินเป็นคนทำให้เห็นได้ชัดว่า เขารู้เรื่องเกี่ยวกับหุ่นยนต์มากกว่าที่พวกเขารู้ ด้วยแรงขับเคลื่อนในเวลานี้ เขาจึงตัดสินใจย้ายสถาบันหุ่นยนต์ทั้งหมด


 “อีกสักครู่ ให้พวกคุณเก็บอุปกรณ์ เราต้องจัดการกับทุกอย่างเพื่อที่จะย้ายไปที่โน่นในวันมะรืน”


“ครูครับ งั้นเรามาทำความสะอาดกันเลยเถอะ วางใจได้เลย เรื่องย้ายที่น่ะ แป๊บเดียวครับ”


 ทั้งสถาบันตอนนี้จึงยุ่งกันไปหมด


ทางฝั่งของจื่อหยงนั้น เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าในตอนนี้เขาจะได้รับข้อมูลจาก อู๋ ฮ่าวเหรินและลากเขาเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย


“ผู้อำนวยการครับ ท่านต้องการให้ผมบริหารบริษัทรถยนต์ที่นี่งั้นหรือครับ”


 “ใช่ นายจะต้องติดต่อเด็กๆพวกนั้นเพราะนายอาจแก้ไขเรื่องนี้ได้ง่ายกว่า ฉันเองก็เกรงว่าจะมีเรื่องเข้าใจผิดในกลุ่มคนที่เบื้องบนส่งมา นายต้องใส่ใจในเรื่องนี้หน่อยนะ”


“แล้วจะส่งใครมาอีกไหมครับ”


“เด็กจากบริษัทผลิตรถยนต์นั่นคงไม่ได้ตั้งใจส่งใครมาจัดการเรื่องนี้ มีเพียงคนๆเดียวที่จะออกจากบริษัทมาจัดการกับบริษัท คนส่วนใหญ่เองก็โดนดึงตัวมาจากหลายๆแผนก นายไม่รู้เลยหรือว่าเกิดอะไรผิดปกติขึ้นกับคนพวกนั้น”


จื่อหยงพยักหน้าอย่างเข้าในจสิ่งที่ผ.อ.พูด การที่คนพวกนั้นอยากได้ผลประโยชน์จากเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดในคราวที่นั้นแล้วเป็นเรื่องจริง นี่ถ้าทางกองทัพไม่ยื่นมือเข้ามาแทรกแซงล่ะก็ พวกเขาจะต้องเจอปัญหาแน่


และเครื่องผลิตไฟฟ้าจากอุณหภูมิประเทศนั้นได้เงินจากเครื่องมือตัวนี้มหาศาล คนพวกนั้นจึงเข้าใจว่าถ้ามีใครกล้าเข้าไปวุ่นวายกันเรื่องพวกนี้ ก็ไม่รับประกันว่าจะโชคดี


ส่วนวัสดุเส้นใยพืชนั้นไม่ได้มีแนวโน้มว่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ กระบวนการทั้งหมดต้องใส่ใจกันไปยาวๆ ทุกคนที่ย้ายมาเร็วนี้ล้วนอยู่แต่ในที่กักกันความลับ


แต่ในตอนนี้กลับต่างออกไป สำหรับบริษัทไหนที่ให้ความร่วมมือกับรัฐนั้น ผู้คนเองก็ไม่อยากจะพลาดโอกาสนี้เลย


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น