CF:บทที่ 226 พนักงานที่ลาออกเป็นคนแรก

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

 CF:บทที่ 226 พนักงานที่ลาออกเป็นคนแรก


ไม่นานหลังจากที่พี่หลิวออกไป อู๋ฮ่าวเหรินขอให้หวังหลานเรียกให้ตู้เฟยมาพบ


ตู้เฟย เองก็เหมือนจะรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับงานของเขาและอารมณ์ของพนักงานในบริษัทก็เปลี่ยนไป


“เจ้านาย”


“นั่งลงก่อนสิ เล่าให้ฟังหน่อยสิว่าคุณบริหารงานในบริษัทยังไงในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้” อู๋ฮ่าวเหรินมองดูที่เขาและถาม “คุณรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ของพนักงานหรือเปล่า?”


“คือว่า ตอนนี้พนักงานส่วนใหญ่ดูเหมือนจะต่อต้านผม และทัศนคติเกี่ยวกับการทำงานของพวกเขาก็เปลี่ยนไปด้วยครับ”


“คุณรู้ไหม ที่ผมมาพูดกับคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่เหมือนกับบริษัทอื่นๆ นะ กฎของบริษัทเราและข้อปฏิบัติไม่ได้เข้มงวดขนาดนั้น ตราบใดที่พวกเราไม่ได้ทำผิดกฎ พนักงานของเราก็มีอิสระที่จะทำงานและไม่ได้เข้มงวดถึงตายนะ”


ตู้เฟยคิดอยู่ชั่วครู่และกล่าวว่า “เจ้านายครับ บริษัทใหญ่ๆ ถ้าไม่มีระบบที่สมบูรณ์แบบจะทำให้เกิดปัญหาในการจัดแสดงนะครับ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ของบริษัทเราซึ่งอยู่ในระยะการพัฒนาอย่างรวดเร็ว มันอาจจะยังไม่เป็นปัญหาในตอนนี้ แต่เมื่อการพัฒนาของบริษัทมีแนวโน้มที่จะมั่นคง กฎและข้อปฏิบัติที่ไม่สมบูรณ์แบบเช่นนั้นจะนำไปสู่ข้อขัดแย้งระหว่างพนักงานและบริษัทนะครับ” จริงๆ แล้ว ตู้เฟยอยากจะพูดว่าพนักงานของบริษัทในฟิวเจอร์กรุ๊ปมีอิสระมากเกินไปด้วยซ้ำ เมื่อพนักงานเข้ามาทำงาน หลายคนก็จับกลุ่มเม้ามอยกัน และส่วนใหญ่ก็ทำงานอย่างขอไปที มันดูไม่เหมือนเป็นบริษัทเอาซะเลย ดูเหมือนเป็นกลุ่มเหมือนมาจัดงานปาร์ตี้กันซะมากกว่า


“สถานการณ์ที่คุณกล่าวถึงอาจจะเคยเกิดในบริษัทที่คุณเคยทำงานด้วยมาก่อน ผมพูดได้เลยว่าบริษัทของเราแตกต่างจากบริษัทพวกนั้น ดังนั้นคุณต้องเปลี่ยนสไตล์การทำงานซะนะ บริษัทของเราไม่ได้ต้องการให้พนักงานคิดว่าจะทำเงินให้กับบริษัทได้อย่างไร สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือจัดการกับงานของพวกเขาเอง”


“รับทราบครับ เจ้านาย ผมคงจะไม่มีคุณสมบัติสำหรับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ผมขอลาออกครับ”


ถ้าเป็นไปตามแผนของอู๋ฮ่าวเหริน ตู้เฟยคิดว่าเขาคงไม่เหมาะที่จะเป็นผู้จัดการทั่วไป เป็นความคิดที่พังมาก เขาไม่สามารถที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้เพราะเขาเคยชินในวิธีการจัดการในแบบของเขา


ถ้าคุณยังคงอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปต่อไปคุณก็อาจถูกไล่ออก โดยอู๋ฮ่าวเหริน มันคงเป็นการดีกว่าที่จะลาออกก่อนที่จะเกิดปัญหาขึ้น


เขารู้ดีเกี่ยวกับผลกระทบต่อเขาถ้าเขาถูกกำจัดโดยฟิวเจอร์กรุ๊ป


อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้คาดหวังว่าตู้เฟยจะลาออกโดยตรงเช่นนี้ ซึ่งทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว ผู้จัดการทั่วไปลาออกไปเมื่อทำงานเพียงสองสามวัน แน่นอนว่ามันต้องเป็นข่าวใหญ่


“หรือจะเหมือนกู่เหริน คุณต้องรับผิดชอบโครงการอื่นนะ”


ตู้เฟยส่ายหัว


หรือเลือกที่จะลาออกเพื่อไปจากฟิวเจอร์กรุ๊ป


อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป เขาเห็นชอบกับการลาออก นี่เป็นพนักงานคนแรกที่เข้ามาในฟิวเจอร์กรุ๊ปและลาออกไป ซึ่งเขาก็เป็นผู้จัดการทั่วไปเช่นกัน


ข่าวการลาออกของตู้เฟยนั้น ไม่นานก็แพร่กระจายไปภายในบริษัท พนักงานต่างพากันดีใจเกี่ยวกับข่าวการลาออกของผู้จัดการทั่วไป ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขานั้นไม่เหมาะสมเลยจริงๆ ที่จะบริหารงานฟิวเจอร์กรุ๊ป อู๋ฮ่าวเหรินโทรหากู๋เหรินอย่างไว คิดว่าโชคดีจริงที่มีผู้จัดการทั่วไปอีกคนรออยู่


“เรียกหาผมหรือครับ เจ้านาย”


“นั่งลงก่อนสิ ตู้เฟยลาออกไปแล้ว คุณคิดว่าอย่างไร?”


เมื่อได้ยินข่าวการลาออกของตู้เฟย กู๋เหรินไม่ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย เขาจึงได้รับตำแหน่งนั้น งานในช่วงสองสามวันนี้ ทำให้เขาเข้าใจตัวเลือกของเขาในตอนนั้น ซึ่งมันถูกต้อง ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทนี้ เขาเองก็คงจะต้องลาออกเพียงแต่ไม่เร็วก็ช้า


“ผมไม่รู้อะไรเลย ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ถ้าผมต้องเป็นผู้จัดการทั่วไปบางทีผมก็อาจจะเป็นเหมือนเขาก็ได้”


“โอ้ ทำไมล่ะ?”


“เจ้านาย คุณอาจจะไม่ต้องแสดงตัวก็ได้ พนักงานหลายคนของบริษัทนี้มีอิทธิพลต่อคุณ พวกเราเป็นผู้จัดการทั่วไปที่จัดการบริหารบริษัทแห่งนี้ โดยทั่วไปแล้วจะพิจารณาจากความสนใจของบริษัทซะมากกว่า ดังนั้นในกรณีนี้พวกเราก็จะปล่อยปละละเลยบางสิ่งบางอย่างไป


“แต่ทุกวันนี้ เมื่อพวกเราบริหารบริษัท ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับว่าพนักงานจะนำผลกำไรมาให้บริษัทได้มากเท่าไร”


“สถานการณ์นี้อาจจะต้องทำอะไรบางอย่างกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นสร้างกำไรเป็นอย่างมากและคุณไม่จำเป็นต้องกอบโกยเอาจากพนักงานเลย เพียงแต่นำประโยชน์ที่ได้จากผลิตภัณฑ์มาพัฒนาสวัสดิการของพนักงาน”


อู๋ฮ่าวเหรินได้ยินคำของกู๋เหรินและคิดตาม มันก็จริงดังนั้น กำรผลิตภัณฑ์ของบริษัทสูงมาก ดังนั้นเขาจึงต้องการที่จะปรับปรุงผลประโยชน์ให้แก่พนักงานของบริษัท แต่ปัญหาก็คือพนักงานส่วนใหญ่ของบริษัทมีงานที่ต้องทำเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับกำไรมหาศาลที่ผลิตภัณฑ์สร้างขึ้น


จากเหตุนี้ ก็เกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้น ถ้าเป็นบริษัทอื่น ถ้าพนักงานรู้สึกว่าพวกเขาเป็นฝ่ายถูกบีบ ดังนั้นในอนาคตพวกพนักงานของบริษัทก็จะมีจิตสำนึกในการเป็นหนี้บริษัท พวกเขาจะคิดว่าแรงงานเขาพวกเขาไม่ได้คุ้มค่ากับค่าแรงและผลประโยชน์ที่ได้รับ


แน่นอนว่า เหตุผลของสถานการณ์นี้เฉกเช่นความสามารถในการคัดเลือกที่ชาญฉลาดและทรงพลัง และคุณภาพของพนักงานก็เยี่ยมยอด


“ความสามารถพิเศษแบบไหนที่คุณคิดว่าผมจะต้องนำมาเพื่อจัดการบริษัทของเราครับ?”


“ไม่ต้องมองหาอะไรหรอกเจ้านาย มันหายาก ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทก็ไม่มีผู้จัดการทั่วไปและก็ยังไม่มีปัญหาอะไรเลยซักอย่าง ไม่ใช่หรือครับ ถึงแม้คุณจะไม่ถามบริษัทก็ยังดำเนินไปได้ดีไม่ใช่หรือ?”


นี่ก็เป็นสถานการณ์ของกู๋เหรินในช่วงสองสามวันมานี้ ถึงแม้ว่าฝ่ายบุคคลของบริษัทค่อนข้างจะอีลุ่ยฉุยแฉกแต่ประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขากลับพุ่งขึ้นสูงอย่างน่าประหลาดใจ ยิ่งไปกว่านั้น ก็ไม่มีพนักงานคนไหนจะที่ขี้เกียจก่อนที่ภารกิจจะสำเร็จ


ซึ่งถ้ามีผู้จัดการทั่วไป เขาก็จะต้องเป็นคนขวางโลกอย่างมาก เพราะเขาไม่รู้วิธีการจัดการบริษัทเช่นนี้ ถ้าบริษัทอื่นมีกฎและข้อปฏิบัติที่เข้มงวดให้ปฏิบัติตาม บรรยากาศแปลกๆ ของพนักงานก็จะถูกทำลาย นั่นก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมพนักงานถึงไม่ชอบตู้เฟย


ถ้าพวกเราไม่สร้างความเปลี่ยนแปลงมันก็จะเป็นเพียงการประดับตกแต่งถ้าจะแต่งตั้งผู้จัดการทั่วไปที่ไม่ทำอะไรเลย เมื่อเจ้านายได้รับทราบถึงสถานการณ์ มันช่างเป็นเรื่องขวางโลกซะจริงๆ


กู๋เหรินจากไปแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินนั่งอยู่ในสำนักงานและครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน เขาเองก็เช่นกันจริงๆ แล้ว เขาก็เคยเป็นผู้จัดการทั่วไปที่จะต้องแก้ไขปัญหาเอกสารที่เขาต้องเซ็นในทุกๆ วัน


แต่ตอนนี้ถึงแม้จะมีผู้จัดการทั่วไป และมีเอกสารบางอย่างที่จะต้องเซ็น


จริงๆ แล้ว เขาเองก็รู้สึกปลอดโปร่งใจที่บริษัทสามารถที่ดำเนินการต่อไปได้เพราะผลิตภัณฑ์ที่เขาผลิตนั้นช่างล้ำสมัยนัก ถ้าฉันเปลี่ยนบริษัทของฉันมันก็จะสิ้นสุด


เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่มองหาผู้จัดการทั่วไปคนใหม่ สำหรับทุกโครงการก็เพียงแค่มองหาผู้จัดการโครงการ และสำหรับพนักงานในแต่ละโครงการก็ปล่อยให้ผู้จัดการเป็นคนได้เลือกเอง


สิ่งนี้ไม่สามารถปกปิดได้ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงบางคนบนรายชื่อบุคลากรบนเว็บไซต์หลัก นักข่าวก็ค่อนข้างที่จะอยากรู้ข่าวใหญ่ที่กำลังจะตามมา


จากการก่อตั้งฟิวเจอร์กรุ๊ปที่กินขอบเขตกว้าง ไม่เคยมีพนักงานคนไหนลาออกมาก่อนเลย ในตอนนี้มีใครบางคนได้ลาออก และก็มีเพียงผู้จัดการทั่วไปที่เข้ามาทำงานในสองสามวันนี้ เดี๋ยวก็จะต้องมีข่าวออกมาแน่นอน


ผู้คนต่างออกมาแสดงทัศนะเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาใคร่รู้เกี่ยวกับว่าทำไมผู้จัดการทั่วไปจึงลาออกจากงานแค่ภายในสองสามวันที่เขาเข้ารับตำแหน่งเพราะฟิวเจอร์กรุ๊ปนี้ก็มีสวัสดิการที่ดีและค่าตอบแทนที่สูง?


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น