CF:บทที่ 225 การสนทนา

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

 CF:บทที่ 225 การสนทนา


เมื่อผู้คนข้างบนนั้นได้เรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ ผลของการสืบสวนออกมาอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เห็นผลแล้ว รัฐมนตรีหน่วยสืบราชการลับรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ค่อนข้างสับสนเล็กน้อย


“ดูสิ นี่มันเรียกว่าอะไร? แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามตรงเลยนะ”


“ท่านรัฐมนตรี จะโทษพวกเขาก็ไม่ได้หรอกครับ ใครกันล่ะที่ทำให้ฟิวเจอร์กรุ๊ปโด่งดังยิ่งกว่าดาราในตอนนี้ ดูสิครับ ข่าวในหนังสือพิมพ์วันนี้ มากกว่าครึ่งเกี่ยวข้องกับฟิวเจอร์กรุ๊ปทั้งนั้น” ชายหนุ่มร่างผอมกล่าวพร้อมกับหัวเราะ


“ตงตง เจ้าหนุ่ม โปรดระวังด้วย สายลับของครอบครัวนั้นจะทำอย่างไร? มีหลักฐานเพิ่มไหม?”


“ท่านรัฐมนตรี ตามที่เราได้แกะรอยจากซ่งยู่หมิง ชายคนนี้ค่อนข้างระมัดระวังตามที่ได้รับข้อมูลมา เขาไม่ใช่สายลับธรรมดาเลยนะครับ เป็นคนที่สามารถฝึกฝนเป็นสายลับเฉพาะกิจได้” เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับกล่าว


“ใช่แล้วล่ะ สถานการณ์จากรุ่นปู่ของเขาได้ถูกค้นพบแล้ว มันเป็นปัญหาจริงๆ เนื่องจากผลการสืบสวนพบว่า แต่เดิมปู่ของเขาไม่ได้อาศัยอยู่ที่นั่น เขาย้ายมาอยู่ที่นั่นหลักการประกาศชัยชนะของสงครามเกาหลี อีกทั้งปู่ของเขาก็เคยไปต่างประเทศเพื่อเรียนต่อ ซึ่งมันก็ไม่ควรจะเป็นความลับไปได้ในหมู่บ้านในหุบเขาเล็กๆ นั่น”


“ท่านรัฐมนตรี มันไม่ง่ายเลย ปู่ของเขาต้องเป็นสายลับที่ได้รับการฝึกฝนโดยพวกแยงกี้อย่างแน่นอน เป็นเพราะว่าสงคราม เขาไม่ได้ฝึกให้พ่อของชายคนนี้เป็นสายลับ ไปๆมาๆ เขาก็ล้มเลิกและเลือกชายคนนี้”


รัฐมนตรีพยักหน้า และการคาดเดาของหลิวตงตงเหมือนกับผลที่สรุปโดยบุคลากรหน่วยสืบราชการลับ


“ชายคนนี้ยังเป็นคนไม่น่าไว้วางใจ ดูที่เขาได้ประยุกต์ใช้กับบริษัทนี้สิ ตามความเข้าใจของพวกเรา บริษัทนี้เป็นบริษัทที่จัดหาวัตถุดิบของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดสำหรับฟิวเจอร์กรุ๊ป เห็นได้ชัดว่าเขายังคงไม่ล้มเลิก”


“งั้นก็จับตาดูเขาต่อไป”


ซ่งยู่หมิงไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจ อาจพูดว่าภารกิจนี้ของเขาก็เพื่อเก็บข้อมูลของฟิวเจอร์กรุ๊ป ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงล้มเหลว เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์และเริ่มจากภายนอก


คนที่เขาเลือกไม่ใช่ใครอื่น แต่คือลู่เผิงเฟย เป็นเพราะว่าตอนนี้ชายคนนี้เป็นลูกจ้างคนแรกของฟิวเจอร์กรุ๊ปนอกเหนือจากหลิวเหม่ยหรู เขาจะต้องรู้สถานการณ์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปเป็นอย่างดี


แต่โชคไม่ดีที่เขาไม่รู้ว่าไม่มีใครในบริษัทรู้เกี่ยวกับฟิวเจอร์กรุ๊ป


ลู่เผิงเฟยเพียงแค่รู้ข้อมูลความลับ ซึ่งบางทีอาจจะเกี่ยวกับวัสดุเส้นใยพืช อย่างไรก็ตามในอนาคตอันใกล้ดูเหมือนว่าวัสดุเส้นใยพืชคงจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป


ถ้าอู๋ฮ่าวเหรินรู้ว่าชายคนนี้ต้องการที่จะผ่านฝ่ายบุคคลของบริษัท


เขามั่นใจว่าเขาจะหัวเราะเมื่อเขาสอดเข้าไปรู้ความลับของบริษัทได้สำเร็จ


ความลับทั้งหมดของบริษัทอยู่ในหัวของเขา และเขาก็ไม่เคยบอกใคร และเทคโนโลยีที่บริษัทกำลังแสดงอยู่ก็ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป


หลังจากที่เข้ามาในห้องทดลองภายในตัวตึก เขาก็เริ่มแก้ไขแบบของเรือที่ถูกกู้มา บางเทคโนโลยีไม่สามารถปรากฏออกมาได้ในอากาศ เขาสามารถใช้วิธีนี้เพื่อบอกคนอื่นว่าพวกมันคือผลลัพธ์ของการวิจัยของเขา


ในช่วงบ่ายลิ่วหมิงเยว่มาตามหาเขาอีกครั้ง ยังคงเกี่ยวข้องกับการรับรองของดารา


“เจ้านายดูข้อมูลที่เราเพิ่งได้มานี่สิค่ะ ดูเหมือนว่าพวกเขายังไม่ล้มเลิก”


“คอนเสิร์ตงั้นหรือ? ถ่ายหนังงั้นหรือ?”


“ใช่ค่ะคนพวกนี้จะมาที่เมืองหลี่ฉุยเพื่อจัดคอนเสิร์ต และบางคนก็จะมาที่มณฑลหยุนหลงเพื่อมาถ่ายทำหนังและละครทีวี เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของคนพวกนี้ก็คือคุณนะคะเจ้านาย”


“ฮ่าฮ่า สิ่งที่พวกเขาทำไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราเลย”


อู๋ฮ่าวเหรินส่ายหัว ถึงแม้ว่าเขาจะไปที่คอนเสิร์ตแต่เขาก็จะไม่ฟัง ในส่วนของการสร้างหนังและละครทีวี พวกเราก็ยังสามารถมาที่บริษัทเพื่อสร้างมันได้


อย่างไรก็ตามเมื่อข่าวนี้แพร่ออกไปทางอินเตอร์เน็ต มันก็กลายเป็นประเด็นถกเถียงที่ร้อนแรง


“ดาราพวกนี้จะไปจัดคอนเสิร์ตที่หลี่ฉุยอย่างนั้นหรือ? วันนี้ฉันได้อ่านข่าวเรื่องนี้ตั้งสามหัวข้อข่าว” บางคนก็มาแสดงความคิดเห็นว่า “สามหัวข้ออะไรกัน? เท่าที่ฉันเห็น มีดาราอย่างน้อยห้าคนเลยนะ แปลกจริงๆ มันจะมีกิจกรรมอะไรจัดขึ้นที่หลี่ฉุยอย่างนั้นหรือ?”


“ตอนนี้มีบางคนโพสต์ว่าดาราพวกนี้ต้องการจะเป็นปากเป็นเสียงให้แก่ฟิวเจอร์กรุ๊ป แต่พวกเขาถูกปฏิเสธ ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงพร้อมใจกันไปจัดคอนเสิร์ตที่เมืองหลี่ฉุยเพื่อฟิวเจอร์กรุ๊ป ไม่ได้มีเพียงแต่พวกนักร้องนะ แต่รวมไปถึงพวกที่จะไปถ่ายหนังและละครทีวีด้วย


ประชาชนทั้งหลายไม่มีคำจะพูด ดาราพวกนี้ช่างโง่นักที่คิดทำวิธีนี้ อย่างไรก็ตามอิทธิพลของฟิวเจอร์กรุ๊ปในตอนนี้ ถ้าคุณสามารถเอาตำแหน่งโฆษกของฟิวเจอร์กรุ๊ปมาได้ มันก็ต้องเป็นเรื่องแต่งขึ้นอย่างแน่นอน!


“ฉันเพิ่งได้ยินข่าวมาว่าคอนเสิร์ตของดาราพวกนี้จะต้องยกเลิก ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำอย่างนั้น”


“มันช่างน่าแปลกที่อนุญาตให้ดาราตั้งมากมายมารวมตัวกันที่นี่ ถ้าไม่อย่างนั้นจะต้องมีการวิวาทระหว่างแฟนๆ อย่างไรก็ตามฟิวเจอร์กรุ๊ปไม่ได้ยินว่ามันเป็นการค้นหาโฆษกสำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัท ดาราพวกนี้ได้ข้อมูลมากจากภายในอย่างนั้นหรือ?”


สำหรับปัญหานี้พวกเรามีข้อสงสัยบางประการ อุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดและเครื่องผลิตไฟฟ้าจากอุณหภูมิยังไม่เหมาะสมสำหรับการรับรองผลิตภัณฑ์ ดังนั้นมันคือเครื่องมือไฟฟ้าชีวภาพบำบัดแต่อุปกรณ์นี้ต้องการการรับรองหรือไม่?


เป็นที่แน่ชัดว่าในสถานการณ์ปัจจุบันนี้เครื่องมือไฟฟ้าชีวภาพบำบัดซึ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงมันอีก เพราะว่าผลิตภัณฑ์นี้เป็นที่รู้จักมากกว่าดาราคนไหนๆ


“ฉันเพิ่งได้ยินมาจากลูกจ้างของฟิวเจอร์กรุ๊ปว่าบริษัทของพวกเขาไม่ได้กำลังมองหาโฆษก ดูเหมือนว่าดาราพวกนี้ต้องการที่จะเป็นปากเป็นเสียงให้แก่เครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดฟรีๆ”


“พวกเขาต้องการสร้างชื่อเสียงโดยการช่วยโฆษณาผลิตภัณฑ์ พวกเขาไม่ได้กล่าวอะไร”


“ถ้าใครสักคนควรจะได้รับการรับรองเขาต้องผูกพันจริงๆ กับผลิตภัณฑ์นี้และชื่อเสียงของเขาก็จะถูกขับเคลื่อนโดยอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด”


“นิ่วฉา นี่เป็นครั้งแรกที่ดารามากมายพากันแก่งแย่งเพื่อที่จะรับรองผลิตภัณฑ์ให้ฟรีๆ”


“เธอบอกซิ กลุ่มจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไรในอนาคต?”


“ฉันไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องจำเป็นที่จะหาโฆษกนะ ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับผู้รับรอง มันก็จะกระทบกับชื่อเสียงของฟิวเจอร์กรุ๊ป”


“...”


ขณะที่กำลังถกเถียงว่ากลุ่มจะแก้ปัญหานี้อย่างไรในอนาคตบนอินเตอร์เน็ต อู๋ฮ่าวเหรินเองรู้สถานการณ์ดีและได้รับโทรศัพท์จากหลี่เหวินหัว ผู้ที่รู้ว่ามันได้ถูกจัดการแล้วและเขาก็ไม่ได้สนใจ


อย่างไรก็ตาม เพราะเหตุนี้ ดาราพวกนี้ ด้วยความช่วยเหลือจากชื่อเสียงของฟิวเจอร์กรุ๊ป ทำให้เกิดหัวข้อข่าว


ตอนนี้เขาอยู่ที่บริษัท กำลังพูดคุยเกี่ยวกับการจัดตั้งร้านอาหารของเขาเองเพื่อแก้ไขปัญหาการกินของทุกคน


เมื่อพื้นที่หอพักสร้างเสร็จ ร้านอาหารก็ถูกตกแต่งและสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างควรเปิดใช้งานได้ไม่ใช่เพียงแค่การตกแต่ง


การประชุมในวันนี้ อู๋ฮ่าวเหรินพบว่าลูกจ้างของบริษัทดูเหมือนจะฝากความคิดเห็นใหญ่ไว้กับผู้จัดการทั่วไปและทำให้เขาแปลกมาก


“พี่หลิว ผู้จัดการทั่วไปมีปัญหากับงานของเขางั้นหรือ? คุณมีความคิดเห็นอะไรให้แก่เขาไหม?”


พี่หลิวคิดชั่วครู่และกล่าวว่า “มีข้อคิดเห็นบางประการค่ะ ฉันคิดว่ามันคงจะดีกว่านี้ถ้าคุณจะให้ฉันรับผิดชอบบางอย่าง” บริษัททั้งบริษัทอยู่ในรูปแบบสภาพแวดล้อมการทำงานแบบหาตัวจับยาก ทุกคนจะผ่อนคลายเป็นอย่างมากเมื่อมาทำงานในทุกๆ วัน แน่นอนว่ารูปแบบของบรรยากาศการทำงานแบบนี้ขึ้นอยู่กับการความบกพร่องในหน้าที่ของเจ้านายเอง


“เอาล่ะ หลังจากที่ผู้จัดการทั่วไปเข้าออฟฟิศ บรรยากาศในบริษัทก็เริ่มเปลี่ยนไป ทุกคนไม่ได้มีบรรยากาศที่ผ่อนคลายเหมือนแต่ก่อน กฎของเขาอาจจะถูกต้องในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่อื่นแต่บริษัทของเราดูเหมือนจะต่างจากบริษัทอื่น”


อู๋ฮ่าวเหรินพยักหน้า และเขาก็รู้สึกว่าอารมณ์ของพนักงานเปลี่ยนไป นี่คือเหตุผลที่ว่าจะต้องมีการจัดการอย่างจริงจังซะแล้ว


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น