RC:บทที่ 437 ข่าวการแต่งงานของหวังหาน
"ซือจี้กับฉันกำลังจะแต่งงานกัน!" หวังหานกล่าวอย่างขัดเขินเล็กน้อย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเฟิงก็ตกตะลึง หลังจากอยู่มานาน เขาก็นึกถึงเดือนที่ผ่านมาได้ ลู่ซือจี้บอกว่าพวกเขาจะแต่งงานกันในเดือนถัดไป ในตอนนั้น หลินเฟิงคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องตลก
"จริงเหรอ?" หลินเฟิงยังคงมีปัญหาอยู่บ้าง
"แน่สิ นี่มันเป็นเรื่องล้อเล่นรึไง? เราบอกนายมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว! " หวังหานกล่าว
"พระเจ้า ยินดีด้วยนะ!" ท้ายที่สุด หลินเฟิงก็กล่าวออกมาได้เพียงแค่คำพูดนี้
หวังหานมีความสุขมากๆเมื่อได้ยินประโยคนี้จากปลานสาย จากนั้นเขาจึงกล่าวว่า: "ขอบคุณ พี่เฟิง แล้วเรื่องขอลา..."
"อนุมัติ ไม่ให้นายลาแค่เดือนเดียว ฉันให้นายลาได้สองเดือน, ค่าฮันนีมูน, ค่าจัดงานแต่ง, ค่าดอกไม้และอื่นๆให้หักจากเงินบริษัทได้เลย!" หลินเฟิงเอ่ย
"นี่..." หวังหานลำบากใจ
"นี่อะไรกัน? ที่จริง ลู่ซือจี้เป็นคนดูแลเงินทุนในตอนนี้ เธอสามารถหักเงินหรือเอาสิ่งที่เธอไม่มีไปจากบริษัทได้เลย!" หลินเฟิงกล่าวออกมาตรงๆ และไม่เห็นแก่ตัว
จากนั้นทั้งสองก็คุยต่ออีกไม่กี่คำ หลินเฟิงพูดจบแล้วก็วางสายลง
เวลานี้ หลินเฟิงรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยวขึ้นมาอย่างทันที!
น้องชายที่แสนดีกำลังจะแต่งงานเร็วๆนี้ แต่เขากลับยังคงโสด แม้เขาจะมีแฟนแล้ว แต่มู่ซินซินก็ไม่ได้ติดต่อเขามานานแล้ว
ที่จริงมู่ซินซินเคยโทรไปหาหลินเฟิงตอนไปทางเหนือหลายรอบ แต่ตอนนั้นหลินเฟิงยุ่งมากๆเลยมักจะกดวางสาย
ตอนนี้ก็ผ่านมานานแล้ว หลินเฟิงและมู่ซินซินติดต่อกันน้อยมากๆ แม้พวกเขาจะคุยกันทางโทรศัพท์เป็นครั้งคราว หลินเฟิงกลับรู้สึกว่าพวกเขาดูเหมือนเป็นคนแปลกหน้ากัน
"เฮ้อ ลืมมันไปซะ อย่าไปคิดถึงมัน! หลังงานเลี้ยงแต่งงานของหวังหานเสร็จสิ้น มังกรดำก็คงสกัดส่วนสำคัญในเลือดมังกรเขียวเสร็จเช่นกัน งั้นก็ไปดูสักหน่อยแล้วกัน! " หลินเฟิงเอ่ยกับตัวเอง
หลังจากนั้น หลินเฟิงก็เดินจากโฮวชานกลับมาบ้าน ในตอนนั้น แม่ของหลินเฟิงกำลังดูทีวีในห้องของเธอ เมื่อเห็นหลินเฟิงเดินเข้ามา เธอจึงเรียกเขา
"อ้า เสี่ยวเฟิง มานี่หน่อยสิลูก!" แม่หยุดหลินเฟิงและโบกมือเรียกเขา
หลินเฟิงจึงเดินเข้าไปโดยไม่ได้คิดอะไรมากและเอ่ยขึ้น "แม่ มีอะไรเหรอ? จะให้ผมทำอะไรเหรอ? "
"มานี่ นั่งลง นั่งลงและมาคุยกัน!" แม่บอกให้หลินเฟิงนั่งลงบนโซฟา จากนั้นก็กล่าว "เสี่ยวเฟิง เสี่ยวหานกำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่วัน ลูกแก่กว่าเขา แล้วเมื่อไหร่จะแต่งงานล่ะ?"
"เอ่อ..." ขณะที่หลินเฟิงได้ยิน คำพูดของเขาก็หยุดไปและไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรออกไป
เมื่อได้ยินคำว่าแต่งงาน หลินเฟิงก็นึกถึงมู่ซินซินและจากนั้นในใจของเขาก็คิดถึงอีกคนขึ้นมา ซูหวานเอ๋อร์
สองชื่อนี้สะท้อนอยู่ในใจของเขาสักพัก
"ผม..." หลินเฟิงไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรออกไป
"ลูกก็ไม่เด็กแล้วนะ ลูกก็อายุยี่สิบสามยี่สิบสี่แล้ว อายุก็เกินแต่งงานแล้ว ตอนนี้ลูกกับหว่านเอ๋อร์ โอ้ไมสิ แล้วซินซินล่ะ? ไม่อย่างนั้นลูกจะแต่งงานตอนไหนล่ะ! " แม่เอ่ย
"เอ่อ มันซับซ้อนนิดหน่อย ผมยังไม่ได้ไปพบพ่อแม่ของซินซินเลย แล้วก็..." ขณะที่หลินเฟิงพูดออกมา ภาพของซูหว่านเอ๋อร์ก็ปรากฏขึ้นมาในใจ
"เอ่อ นั่นเอาไว้ช่วงก่อนแต่งก็ได้ ผมยังไม่อยากแต่งตอนนี้ ยังมีอะไรที่ต้องทำอีกมาก ตอนนี้ผมยุ่งมาก!" หลินเฟิงกล่าวและรีบกลับไปที่ห้องของเขา
"อ่า เด็กน้อยที่มีเด็กสาวสองคนซ่อนอยู่ภายในใจของเขาซึ่งยังคงลังเลและเป็นทุกข์สินะ!" แม่มองตามหลินเฟิงที่วิ่งหนีไปอย่างลำบากใจ เธอไม่รู้ถึงความขัดแย้งที่อยู่ภายในใจของหลินเฟิง
"ว่านเอ๋อร์และซินซินต่างก็เป็นหญิงสาวที่ดีทั้งคู่ แม่หวังว่าลูกจะไม่ทำให้พวกเธอผิดหวังนะ..."
ภายในห้องของหลินเฟิง เขาเอนตัวนอนอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงไม่รู้สึกอะไรเมื่อเขาได้มาถึงเป้าหมาย
"ว่านเอ๋อร์ ซินซิน ลืมไปซะ ปล่อยมันไป!" หลินเฟิงพูดอย่างขอไปที
เดิมที หลินเฟิงคิดว่าหลังจากนั้น เขากับว่านเอ๋อร์จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่ออกมาจากป่าลึกลับโบราณ เขาจะกล้าเข้าไปพัวพันด้วย โดยเฉพาะเมื่อตอนที่เขาได้รับบาดเจ็บจนเกือบตาย ว่านเอ๋อร์พาเขาไปที่จังหวัด S เพื่อรักษาเขาอยู่ถึงครึ่งเดือน
แม้ว่าหลินเฟิงจะไม่รู้ว่าเธอเสียเงินไปมากเท่าไหร่ เขารู้แค่ว่าอาการของเขาสาหัสมากในตอนนั้นจนไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ อย่างไรก็ตาม ซูหว่านเอ๋อร์เป็นดังภาพฝัน เขาเดาไม่ออกเพราะเขาอยู่ทั้งไกลและใกล้ สุภาพและไม่สนใจ
เดิมที เป็นเพราะชีวิตที่แสนวุ่นวายของเขาเลยทำให้ลืมเรื่องความรู้สึกนี้ไป อย่างไรก็ตาม การแต่งงานของหวังหานและลู่ซือจี้ก็ทำให้หลินเฟิงกลับมานึกถึงคนทั้งสองนี้อีกครั้ง
หลินเฟิงไม่รู้ว่าในใจของเขาคิดอย่างไร แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้เลยปล่อยมันไปก่อน ภายในชั่วพริบตาก็ผ่านไปสามวันแล้วและอีกสองวันที่เหลือก็จะถึงวันที่หวังหานและลู่ซือจี้แต่งงานกัน สามวันที่ผ่านมานี้หลินเฟิงไม่มีเวลาว่างเลย
เป็นเพราะสามวันที่ผ่านมา ลู่ซือจี้กับหวังหานขอลาหยุด หลินเฟิงจึงต้องไปทำงานที่บริษัทด้วยตัวเอง นี่ไม่ใช่ที่ของเขา เขาไม่รู้จักความยากลำบากและการทำงานหนักมาก่อน
หลินเฟิงมีเวลาเพียงแค่สามวัน เขารู้สึกว่าสมองมีเนื้อที่ไม่เพียงพอ เขาไม่สามารถคิดเพื่อทำสิ่งต่างๆที่เขายังไม่เข้าใจได้
คำสั่งซื้อ, วิธีการ ตลอดจนเรื่องภายในบริษัท หลินเฟิงพบว่าเขาไม่เก่งเลย โชคดีที่ลู่ซือจี้รู้ดีว่าหลินเฟิงจะต้องทำไม่ได้เลยหาเลขามาให้เขาหนึ่งคน
เลขาคนนี้ถือเป็นมือขวาและมือซ้ายของลู่ซือจี้ในเวลาปกติ เธอรู้เรื่องเงินเป็นอย่างดี เธอช่วยหลินเฟิงให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น
พูดอย่างตรงไปตรงมา หลินเฟิงที่ไปบริษัทและดูแลนั้น เทียบได้กับการมากำกับควบคุมดูแลงาน ดังนั้นโดยรวมแล้วเป็นเลขานุการที่ช่วยเขา
สามวันที่ผ่านสำหรับหลินเฟิงนั้นราวกับปีศาจ เมื่อสิ้นสุดวันที่สาม หลินเฟิงก็ส่งงานของเขาให้เลขาและกลับบ้านไปราวกับทหารหนีทัพ
มันเป็นเพราะงานพวกนี้ไม่ได้ใช้คนเลย หากพวกเขาไม่ได้ทำสัญญาตั้งแต่แรก พวกเขาก็จะไม่รู้ว่าทิศตะวันออกเฉียงใต้หรือตะวันตกเฉียงเหนืออยู่ตรงไหน
"โอ้ย ฉันเหนือยจัง!" หลินเฟิงกลับมาแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง ถอนหายใจอย่างหนัก
ในสามวันนี้ เขาทำแค่เพียงนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และพิมพ์คีย์บอร์ดอยู่ทุกๆวัน หลินเฟิงรู้สึกปวดหลัง เขาไม่รู้ว่าลู่ซือจี้มีชีวิตรอดอยู่ได้อย่างไร
"อีกสองวันพวกเขาก็จะแต่งงานกันแล้ว หวังหานนั้นกล่าวได้ว่าเป็นมือขวาของเขาและลู่ซือจี้ก็เช่นกัน เมื่อพวกเขาแต่งงานกัน พวกเขาต้องได้ของขวัญชิ้นใหญ่สิ!" หลินเฟิงคิดขึ้นมาในใจ
แต่หลินเฟิงกลับนึกไม่ออกว่าควรจะให้อะไรดี
"ส่งรถไปให้ดีไหม?" หลินเฟิงคิด
แต่อีกใจก็รีบแย้ง: "ไม่สิ รถดูเหมือจะธรรมดาเกินไป!"
"ให้อะไรกับพวกเขาถึงจะดูเหมาะสมนะ?
0 ความคิดเห็น