SC:บทที่ 68 พี่น้องซู

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

SC:บทที่ 68 พี่น้องซู


เมื่อมองแผ่นหลังของ มู่หยิงเสวี่ย ที่เดินจากไปสีหน้าของ เต๋าไค่ ไม่ค่อยดีนัก เขาพยายามเก็บอารมณ์ของตัวเองและรีบเข้าไปตรวจสอบเพื่อนผู้หญิงของเขา เมื่อเห็นว่าเธอมีเพียงอาการไอ จากการถูกบีบคอและไม่มีบาดแผลอื่นบนร่างกายมันทำให้เขารู้สึกโล่งใจ


จากนั้นเขาขอให้คนรอบๆพาเธอกลับไปพักผ่อนอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขากลับมาคุยกับ หลินเฉิง อีกครั้งและมองไปที่ซากศพของชายวัยกลางคนที่กองอยู่กับพื้น เขาได้แต่ส่ายหัวด้วยความรังเกียจ


“ นายยังเป็นเหมือนเดิม...แต่หลิวหยวนเป็นคนไม่ดีจริงๆ แม้พวกเราเคยเห็นพฤติกรรมของเขาเราเองก็ไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้แต่ไม่คาดคิดว่าชายเห็นแก่ตัวคนนี้จะมาเจอนาย..”


 หลินเฉิง ไม่สนใจคำพูดของ เต๋าไค่  เขาถามขึ้นว่า


“นายยังไม่ได้บอกเลยว่ารอดชีวิตมาได้ยังไง?”


 เต๋าไค่ โบกมือและพูดว่า


“สถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะที่จะคุยกัน ตามฉันมา!”


หลังจากที่พูดกับ หลินเฉิง เต๋าไค่ หันไปคุยกับคนรอบข้างเพื่อให้คนเหล่านั้นช่วยเหลือจัดการศพของหลิวหยวน จากนั้นเขาพา หลินเฉิง ไปยังบาร์เล็กๆแห่งหนึ่ง ที่มีชื่อเรียกว่า


“วิหารกลางดึก”ซึ่งอยู่ถัดจากซุปเปอรฺมาเก็ต


 ในบาร์เล็กๆมีพื้นที่ไม่กี่สิบตารางเมตรและตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก พวกเขาหลายคนกำลังถือเบียร์และไวน์อยู่ในมือ  เต๋าไค่ เดินนำ หลินเฉิง ผ่านคนพลุกพล่านเหล่านั้นมายังห้องเล็กๆที่อยู่ลึกเข้าไป เมื่อเข้าไปในห้องเล็กนั้นเขาปิดประตูเพื่อปิดกั้นเสียงจากภายนอกและส่งขวดเบียร์ให้กับ หลินเฉิง ก่อนจะเริ่มพูดคุย


“ห้องนี้เป็นที่ที่ผู้นำทุกทีมใช้ประชุมกัน ฉันอยากอธิบายบางอย่างให้นายฟัง หากฉันรู้ว่านายอยู่ในเมืองนี้ฉันคงไปหานายเป็นอันดับแรก”


เมื่อฟังคำพูดของ เต๋าไค่ หลินเฉิง ส่ายหัวอย่างเฉยเมยและพูดว่า


“ไม่ต้องพูดเยอะ บอกฉันเกิดอะไรขึ้น และทำไมถึงมาอยู่รวมกับทีมใหม่”


“จะพูดยังไงดีล่ะ….เราได้สร้างพันธมิตรกลุ่มผู้รอดชีวิตขึ้น เอิ่มได้พบกับ  ซูฉิน หญิงสาวที่นายเกือบฆ่าเมื่อสักครู่เธอเป็นน้องสาวของผู้นำขบวนนี้ และเป็นหัวหน้าของหลิวหยวนคนที่นายเพิ่งฆ่าไป”


“ในความเป็นจริงแล้วซูฉิน ไม่ได้สนิทสนมกับหลิวหยวนนัก การกระทำของหลิวหยวนที่ใช้เด็กสาวตัวเล็กๆทำหน้าที่ขออาหารคนอื่นนั้น ไม่ได้เป็นที่สนใจ ในยุคภัยพิบัตินี้เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะไม่สนใจเรื่องของคนอื่น ซูฉิน เป็นผู้หญิงที่มีความสามารถและความยุติธรรมแต่เธอเป็นคนอารมณ์ร้อน เธอมักจะชักปืนออกมาก่อนที่จะพูดคุยกัน ที่เธอเป็นแบบนี้ก็เพราะอาชีพเดิมของเธอ เธอเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธ…..”


เต๋าไค่ พยายามที่จะอธิบายถึงตัวตนของ  ซูฉิน  หลินเฉิง ขัดจังหวะการอธิบายของเขาและพูดว่า


“นอกเหนือจากเธอแล้วยังมีกี่ทีมที่อยู่ในเมืองนี้”


 เต๋าไค่ พบว่า หลินเฉิง ไม่ต้องการฟังเรื่องเกี่ยวกับ ซูฉิน อีกต่อไปเขาหัวเราะแล้วพูดว่า


“ นอกเหนือจากเธอแล้วยังมีทีมอื่นๆเล็กใหญ่อีกประมาณ 16 ทีม”


“ ฉันจำได้ว่า พันธมิตรของผู้รอดชีวิตตั้งกฎไว้ว่า ห้ามมีการฆ่ากันในเมืองแห่งนี้ใช่ไหม แล้วทำไมในตอนที่ฉันฆ่าชายคนนั้นต่อหน้าสาธารณชนถึงไม่มีผู้นำคนอื่นๆเข้ามายุ่งเกี่ยว?”


“โอ้ เป็นเรื่องธรรมดามากใครจะกล้าแตะต้องคนที่ทรงพลังอย่างนาย? อีกอย่างกฏก็เป็นเพียงการพูดปากเปล่าไม่มีใครต้องการยุ่งเรื่องของคนอื่น…”


เมื่อ หลินเฉิง ได้ยินดังนั้นเขาส่ายหัวแล้วถามว่า


“แล้วนายล่ะรอดชีวิตมาจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้อย่างไร?”


“เฮ้อ ฉันไม่อยากจะพูดถึงมันเลย สถานการณ์ในตอนนั้นเร่งด่วนมากทุกคนต่างพากันวิ่งหนี เฉินหยงกัง วิ่งเร็วที่สุดเขาไปที่รถของตัวเองแต่ดูเหมือนว่ารถของเขาเชื่องช้าเกินไปจึงทำให้เขาถูกแยกชิ้นส่วนโดยตัวกินคน อู่เหล่ย และฉันหนีไปที่รถของพวกเรา เมื่อพวกเราหลบหนีออกมาพวกเราได้รวมตัวกับคนอื่นๆและสร้างขบวนผู้รอดชีวิตขึ้นมาใหม่”


เต๋าไค่ พูดถึงประสบการณ์เดินทางของเขาให้ หลินเฉิง ฟัง  หลินเฉิง เข้าใจแล้วเขาพยักหน้าและยืนขึ้นจากนั้นพูดว่า


“ ตอนนี้ฉันพอรู้สถานการณ์บ้างแล้วฉันขอตัวล่ะ ถ้ามีอะไรเราค่อยคุยกันทีหลัง”


 หลินเฉิง ลุกขึ้น เต๋าไค่ เองก็ไม่ได้ขัดขวาง แต่ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกจากด้านนอก ชายหญิงหลายคนเดินเข้ามาคนนำหน้าเป็นชายหนุ่มร่างผอมสูง อายุประมาณ 30 ปี  ซูฉิน เองก็อยู่ในกลุ่มเช่นกัน แต่เวลานั้นเองเมื่อเขาเห็นว่า หลินเฉิง กำลังลุกขึ้นชายผอมสูงรีบเข้าไปหยุดและพูดด้วยรอยยิ้มว่า


“ไงเพื่อน จะไปแล้วหรอ”


ทันใดนั้นใบหน้าของเต๋าไค่ก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาเห็นชายร่างผอมสูงนี้อีกทั้ง ซูฉิน ยังอยู่ด้านหลังของชายคนนี้   หลินเฉิง ได้ยินคำถามเขาขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น


“นายเป็นใคร?”


 เต๋าไค่กล่าวอย่างรวดเร็วว่า


“เขาคือ….”


“ฉันชื่อซูหยวน เป็นพี่ชายของหญิงสาวที่นายพึ่งสั่งสอน”


ชายร่างสูงผอมขัดจังหวะการพูดของ เต๋าไค่  เขามอง หลินเฉิง และเริ่มแนะนำตัวเอง เมื่อ เต๋าไค่ ถูกขัดจังหวะด้วย ซูหยวน  เขาทำได้เพียงแต่ยิ้มอย่างอับอายและกลับไปนั่งลง


เมื่อมองเห็นความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดระหว่างชายทั้งสองคน หลินเฉิง ไม่ได้สนใจอะไรมาก  หลินเฉิง หันไปยิ้มให้กับ ซูหยวน


“ คุณมาที่นี่เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับน้องสาวของคุณอย่างนั้นหรอ?”


 ซูหยวน ยิ้มและโบกมือ


“เปล่า นายได้กำจัดเดนมนุษย์ให้กับทีมของเรา ฉันจะสร้างปัญหาให้กับนายได้ยังไง สำหรับเรื่องเสี่ยวฉิน.”


เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซูหยวน หันหน้ากลับไปมอง ซูฉิน  และพูดขึ้นว่า


“อารมณ์ของน้องสาวฉันค่อนข้างเป็นคนอารมณ์ร้อน บางทีอาจจะเป็นเรื่องดีที่มีใครบางคนได้สอนบทเรียนให้กับเธอ!”


“แม้ว่าสิ่งที่คุณทำจะโหดร้ายแต่เธอก็อารมณ์ร้อนเช่นเดียวกัน ดังนั้น ฉันขอเป็นตัวแทนไก่เกลี่ยสันติภาพของพวกเรากันเถอะ เอาล่ะนั่งลงแล้วดื่ม จากนั้นพวกคุณสองคนก็ขอโทษกัน ดีไหม?”


 “ผมเกือบโดนน้องสาวของคุณยิงไม่สิผมควรจะพูดว่าผมเกือบจะฆ่าน้องสาวของคุณ ในฐานะที่คุณเป็นพี่ชายคงเหนื่อยกับการแก้ปัญหาให้กับน้องสาวแบบเธอสินะ อีกอย่างผมไม่ต้องการขอโทษ เพราะผมไม่ได้ทำผิดอะไร”


“ไอ้บัดซบ เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม นายมีดีก็เพราะตอนมีมีดอยู่ในมือเท่านั้นแหละ! ดูซิคราวนี้ฉันจะฆ่านายยังไง!”


เมื่อได้ยินเสียงพูดเยาะเย้ยของ หลินเฉิง   ซูหยวน กำลังที่จะพูดไกลเกลี่ยแต่ทันใดนั้นน้องสาวของเขา  ซูฉิน ก็ไม่สามารถระงับอารมณ์ร้อนของตัวเองได้และตะโกนใส่ หลินเฉิง!


------------------------------------------


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น