SC:บทที่ 67 คนรู้จัก

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

 SC:บทที่ 67 คนรู้จัก


หลินเฉิง ถือมีดเดินตรงไปด้านหน้าของชายวัยกลางคนและใช้ปลายมีดชี้ที่คอของเขาจากนั้นพูดเบาๆว่า


“นายบอกว่าต้องการให้ฉันส่งผู้หญิงให้อย่างนั้นหรอ?”


แม้ว่าชายวัยกลางคนจะหวาดกลัว หลินเฉิง แต่เขายังคงขู่อย่างดุเดือด


“ไอ้เด็กน้อยอย่าคิดว่าแกจะทำอะไรได้ทุกอย่าง ถ้าแกทุบตีฉันน้องสาวฉินจะไม่ปล่อยแกไปแน่!”


หลินเฉิง สูดหายใจลึกแล้วกดมีดลงบนมือของชายวัยกลางคนจากนั้นก็เตะชายวัยกลางคนออกไปจนเขากลิ้งหลายตลบ


“ถ้าฉันเป็นนายฉันจะไม่คุกคามใครในสถานการณ์แบบนี้!”


ชายวัยกลางคนลุกขึ้นนั่งและกุมมือของตัวเองดูเหมือนว่านิ้วมือของเขาจะหายไปหมดสิ้น ในขณะที่เขากำลังโอดครวญด้วยความเจ็บปวดนั้น หลินเฉิง เดินเข้ามาและฟันมีดอีกครั้งที่เท้าซ้ายของชายวัยกลางคน


กลุ่มชนที่ล้อมรอบต่างมองเห็นฉากนองเลือดนี้พวกเขากรีดร้องด้วยความสยดสยอง  หลินเฉิง ไม่ได้สนใจเขายังคงพูดกับชายวัยกลางคนว่า


“ ถ้าปล่อยเสือกลับไปยังภูเขามันจะต้องกลับมาแก้แค้นแน่ ดังนั้น ฉันตัดสินใจที่จะมอบความตายให้กับนายแทน!”


เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินคำพูดของ หลินเฉิง เขารู้สึกหวาดกลัวจนจับหัวใจ เขาพยายามลุกขึ้นและคุกเข่าลงต่อหน้า หลินเฉิง  จากนั้นจับขากางเกงของ หลินเฉิง แน่นพร้อมกับร้องไห้อย่างเศร้าใจ


“ ไม่...ได้โปรด...พี่ชายอย่าทำแบบนี้...ผมมันคนปากเสียพี่ชายได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย...ตราบใดที่พี่ชายไว้ชีวิตผมผมจะไม่ปรากฏตัวให้คุณเห็นอีก!”


 หลินเฉิง ไม่ได้ขยับเขยื้อน ตอนนี้เขากำลังมองขากางเกงที่เปื้อนเลือดของชายวัยกลางคน เขาขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดและแทงมีดไปที่ไหล่ของชายวัยกลางคน


“อ้าก!!!”


ชายวัยกลางคนกรีดร้องอีกครั้งทำให้ฝูงชนที่อยู่รอบๆรู้สึกขนลุก ผู้รอดชีวิตบางคนเริ่มถอยหนีจากกลุ่มอย่างเงียบๆ มีเพียงบางคนที่ต้องการเข้าไปช่วยเหลือชายวัยกลางคน  แต่ หลินเฉิง ไม่ได้สนใจคนเหล่านั้น เขาเพียงเหล่ตามองเงียบๆ เมื่อคนเหล่านั้นพุ่งเข้ามาจู่โจม หลินเฉิง เพียงกระพริบตาพวกเขาทั้งหมดก็นอนกองอยู่กับพื้นแล้ว!


 เมื่อหลินเฉิง มองไปที่ชายวัยกลางคนที่เต็มไปด้วยเลือดในตอนนี้ เขายิ้มและก้มหัวลง จากนั้นเขาชี้นิ้วไปที่ มู่หยิงเสวี่ย และ  หลิวยูฉิน ที่อยู่ในระยะไกล  จากนั้นถามขึ้นว่า


“เธอเป็นลูกสาวของนายหรือเปล่า?”


ใบหน้าของชายวัยกลางคนซีดเซียวเพราะเสียเลือดมาก เขาพยักหน้าอย่างอ่อนแอเมื่อได้ยินคำพูดของ หลินเฉิง


“ดูเหมือนว่านายเองก็พอมีเพื่อนฝูงอยู่บ้างแต่ทำไมถึงสั่งให้เธอออกไปหาอาหาร?”


ในเวลานี้ชายวัยกลางคนดูเหมือนจะยอมรับชะตากรรมชีวิตของตัวเอง เขาจ้องมอง หลินเฉิง ด้วยความเกลียดชังแต่ไม่พูดอะไรออกมา  หลินเฉิง เองก็ไม่สนใจเช่นกันเขาเพียงแค่ถามคำถามเรื่อยเปื่อยเท่านั้น เมื่อเห็นชายวัยกลางคนไม่สนใจที่จะตอบคำถามของเขา  หลินเฉิง เองก็ขี้เกียจที่จะทรมานชายคนนี้ต่อไปเขาพร้อมที่จะจบชีวิตของชายคนนี้ด้วยมีดของเขา


“หยุดนะ!”


ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงออกมาจากฝูงชน เป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งที่อายุประมาณ 20 ต้นๆเธอแทรกตัวออกมาจากฝูงชน!


อย่างไรก็ตาม หลินเฉิง ไม่ได้สนใจกันตะโกนของหญิงสาว เขาตัดศีรษะของชายวัยกลางคนด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว จากนั้นหันไปมองหญิงสาวที่แทรกตัวออกมาจากฝูงชน หญิงสาวเองจ้องมอง หลินเฉิง ด้วยความโกรธ


“นายไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันพูดอย่างนั้นหรอ!” เธอตะโกน


“ประโยคไหนล่ะ?”


หลังจากตัดหัวของชายวัยกลางคนแล้ว หลินเฉิง หันไปมองหญิงสาวคนนั้นพูดยังไม่สนใจ


“ฉันบอกให้นายหยุด!”


เมื่อหญิงสาวคนสวยเห็นว่า หลินเฉิง ไม่สนใจคำพูดของเธอ ในใจของเธอลุกไหม้ไปด้วยความโกรธ เธอรู้สึกอึดอัดแน่นและตะโกนเสียงดัง


“โอ้..ผมได้ยินนะ!”


“แล้วทำไมนายไม่หยุด!”


“ทำไมผมต้องหยุด?เพียงเพราะคุณต้องการให้ผมหยุดอย่างนั้นหรอ?ขอโทษด้วยคุณไม่ใช่แม่ของผมสักหน่อย!”


เมื่อหญิงสาวสวยได้ยินคำพูดของ หลินเฉิง เธออดไม่ได้ที่จะดึงปืนไรเฟิลออกมาจากด้านหลังและตะโกนด้วยความโกรธพร้อมชี้ปืนไปที่ศีรษะของ หลินเฉิง


“ ปากเก่งนักนะ!ดูซิว่าจะปากเก่งไปได้อีกนานแค่ไหน!”


เมื่อมองเห็นปากกระบอกปืนกำลังชี้มาที่ หลินเฉิง ใบหน้าของ หลินเฉิง แสดงออกอย่างเยือกเย็น เพียงแค่กระพริบตา หลินเฉิง ก็วิ่งไปหาเธอก่อนที่เธอจะทันตอบโต้


“แกร็ก!”


ปืนไรเฟิลของเธอถูกฟันออกเป็น 2 ซีก


หลังจากทำลายปืนไรเฟิลด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว หลินเฉิง วางมีดไว้บนคอหญิงสาวอย่างไม่ลังเล


“ต้องการแก้แค้นให้คนของตัวเองอย่างนั้นหรอ?ช่างไม่รู้จักประมาณตัว?”


เมื่อมองเห็นหญิงสาวที่แสดงใบหน้าอึดอัดและกลายเป็นสีแดงด้วยความอับอาย หลินเฉิง พูดอย่างเย็นชา ด้วยความโกรธอีกครั้งหญิงสาวพยายามใช้มือและเท้าของเธอโจมตี หลินเฉิง  แต่ด้วยความเร็วของเธอไม่สามารถสัมผัสแม้แต่มุมเสื้อของ หลินเฉิง  เมื่อเห็นหญิงสาวยังไม่ยอมแพ้ หลินเฉิง จึงใช้มือของเขาบีบคอเธอ จากนั้นยกขึ้นจากพื้น ทันใดนั้น หลินเฉิง ก็ได้ยินเสียงตะโกนจากระยะไกล


“ หลินเฉิง! หลินเฉิง! หยุดก่อน นั่นคือคนของฉันเอง!”


เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกอย่างคุ้นเคย  หลินเฉิง เงยหน้าขึ้นและเห็นชายคนหนึ่งสวมหมวกเบสบอลกำลังวิ่งมาทางนี้พร้อมกับหายใจหอบ หลังจากที่วิ่งมาถึงด้านหน้าของ หลินเฉิง ชายที่สวมหมวกเบสบอลดึงหมวกออกและคว้าแขนของ หลินเฉิง เอาไว้จากนั้นพูดว่า


“ ฉันเอง...ฉันเอง หลินเฉิง! พวกเราเป็นพวกเดียวกัน”


 หลินเฉิง ขมวดคิ้วและสังเกตเห็นว่าชายที่เต็มไปด้วยหนวดเคราด้านหน้าเขาในตอนนี้มีลักษณะคล้ายกับเพื่อนร่วมชั้นของเขา  เต๋าไค่ ที่ไม่ได้เห็นหน้านาน


“นายยังไม่ตายอย่างนั้นหรอ?”


เมื่อเห็นว่าเป็น เต๋าไค่ หลินเฉิง คลายมือออกจากรอบคอของหญิงสาว จากนั้นเหวี่ยงหญิงสาวลงไปบนพื้นด้านข้างทำให้เธอสามารถกลับมาหายใจได้อีกครั้ง


เมื่อ เต๋าไค่ เห็นว่า หลินเฉิง หยุดการลงมือมันทำให้เขารู้สึกโล่งอก เขาสูดหายใจลึกและหัวเราะอย่างขมขื่นว่า


“ใช่..ฉันไม่คิดว่า….”


ก่อนที่ เต๋าไค่ จะทันพูดอะไร มู่หยิงเสวี่ย ที่อยู่ในระยะไกลรีบวิ่งมาหา เต๋าไค่ ทันทีพร้อมกับ หลิวยูฉิน ในอ้อมแขนของเธอ จากนั้นเธอรีบคว้าคอของ เต๋าไค่ และถามอย่างใจร้อน


“ เต๋าไค่ นายยังไม่ตายอย่างนั้นหรอ?  ฉีรุย ล่ะ? ฉีรุยอยู่ไหน?”


มู่หยิงเสวี่ย จับ คอเสื้อของ เต๋าไค่ แน่นจนทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก


“เดี๋ยว..ปล่อยมือก่อน!”


หาก มู่หยิงเสวี่ย ไม่ปล่อยมือจากคอเสื้อของเขาอาจทำให้หายใจไม่ออก


“อย่าเปลี่ยนเรื่อง! ฉีรุย อยู่ไหน นายทิ้งเธอไว้คนเดียวแล้วหนีเอาตัวรอดใช่ไหม?”


 เต๋าไค่ ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า


“น้องสาว ผมจะทิ้งเธอและหนีได้อย่างไร แต่ผมไม่รู้จริงๆว่าเธออยู่ที่ไหน ในเวลานั้นเธอก็รู้นี่ว่าเกิดอะไรขึ้น…”


เมื่อได้ยินคำพูดของ เต๋าไค่  มู่หยิงเสวี่ย รู้สึกเหมือนโดนทุบ ใบหน้าของเธอแสดงออกอย่างผิดหวัง จากนั้นหญิงสาวก็เดินจากไปอย่างเงียบๆกับ หลิวยูฉิน ด้วยความสิ้นหวัง


----------------------------------------


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น