SC:บทที่ 56 ประสิทธิภาพของแคปซูลยา VX-D

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

SC:บทที่ 56  ประสิทธิภาพของแคปซูลยา VX-D


หลังจากคิดถึงเรื่องสยดสยองเหล่านี้ หลินเฉิง ส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดนี้ออกไปจากนั้นเขาหันไปมองมู่หยิงเสวี่ยและโคล่าที่หลับไปแล้ว  หลินเฉิง รู้สึกเบื่อกับการขับรถเพียงอย่างเดียวเขาจึงกดปุ่มควบคุมเพื่อเปิดเพลง All-Star จากนั้น หลินเฉิง ร้องเพลงตามจังหวะเบาๆ พร้อมกับเปิดหน้าจอเมนูขึ้นมา


 457 คะแนน!


ก่อนที่เขาจะเข้าร่วมกับขบวนผู้รอดชีวิตเขามีค่าพลังงานเพียง 207 คะแนน และหลังจากที่เขาแลกชุดป้องกันมาเขาเหลือเพียง 157 คะแนน จากนั้นเขาฆ่าตัวกินคน 3 ตัวที่จู่โจมรถบัส หนึ่งในนั้นเป็นตัวกินคนกลายพันธุ์ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าค่าพลังงานที่ได้จากตัวกินคนกลายพันธุ์นั้นจะแตกต่างจากปกติ แต่มันก็ไม่น่าจะเกิน 50 คะแนน ดังนั้นค่าพลังงานในเวลานั้นควรจะเป็น 217 คะแนน


เมื่อคืนที่ผ่านมาเขาอาจฆ่าตัวกินคนไปไม่น้อยกว่า 15 ตัว แม้ว่าเขาจะฆ่าได้ถึง 15 ตัวแต่ก็ได้ค่าพลังงานเพียงตัวละ 5 คะแนน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคะแนนขึ้นมาถึง 300 คะแนน แล้วค่าพลังงาน 457 คะแนนนี้มาจากไหน?


หรือว่าจะมีตัวกินคนกลายพันธุ์อยู่ในกลุ่มที่เขาฆ่าเมื่อคืนนี้?!


 หลินเฉิง ส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดไร้สาระนี้ออกไป หากเมื่อคืนมีตัวกินคนกลายพันธุ์อยู่ในกลุ่มเขาคงไม่สามารถหนีออกมาได้อย่างง่ายดาย ตัวกินคนเหล่านั้นถูกจัดการด้วยมีดของเขาเพียงการฟันครั้งเดียว


เมื่อค่าพลังงานเหล่านี้ไม่ได้มาจากตัวกินคน แล้วค่าพลังงานที่มีส่วนเกินเกือบ 100 คะแนนนั้นมาจากไหน ในที่สุดก็หยุดคิดเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามความจริงที่ว่าพลังงาน 457 คะแนนนั้นมีอยู่ในระบบจริงๆ แม้เขาจะสงสัย แต่ด้วยค่าพลังงานนี้ทำให้พลังงานในปัจจุบันรวมแล้วมาถึงจุด 1,057 คะแนนดังนั้นทำให้ระบบแคปซูลเลื่อนเป็น lv.2!


เนื่องจากตื่นเต้นมากเกินไปจนทำให้ หลินเฉิง ลืมควบคุมรถจึงทำให้เกิดการเซเล็กน้อย  หลินเฉิง จึงหยุดรถข้างริมถนนจากนั้นเข้าไปยังเมนูแคปซูลอีกครั้งเพื่อตรวจสอบแคปซูลยา


หลังจากที่เขาจัดการกับตัวกินคนกลายพันธุ์ที่ผ่านมาทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเอง และในขณะนี้ระบบได้อัพเกรดเป็นlv. 2 แล้ว ควรที่จะมีแคปซูลยาเสริมสร้างร่างกายระดับสูงขึ้น เพราะในตอนนี้ร่างกายของเขาเพียงได้รับยาเสริมสร้างร่างกาย ระดับ E เท่านั้น หากเขาต้องเจอสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ในอนาคตมันอาจทำให้เขาไม่สามารถต่อสู้ในระยะยาวได้


โชคดีที่ระบบแคปซูลของเขายกระดับเป็น Level 2  และปรากฏแคปซูลยาแบบใหม่  หลินเฉิง กดไปยังแคปซูลที่เห็นและอ่านคำแนะนำทันที


คำแนะนำของมันยังคงอธิบายถึงการเสริมสร้างทักษะทางกายภาพและเพิ่มความต้านทาน และเนื้อหาที่อยู่ท้ายสุดทำให้หัวใจของ หลินเฉิง เต้นแรง


ภูมิคุ้มกันในการป้องกันไวรัส!ปลดล็อคพรสวรรค์ที่ไม่รู้จัก!


เมื่อเห็นผลของแคปซูลทั้งสองอย่าง หลินเฉิง แทบอดใจไม่ไหว เพราะในอนาคตเขาอาจจะเจอกับตัวกินคนกลายพันธุ์มากยิ่งขึ้นหากเขาไม่มีภูมิต้านทานเกี่ยวกับไวรัสชนิดนี้การโจมตีเพียงครั้งเดียวที่เกิดรอยขีดข่วนหรือถูกกัด มันหมายถึงเขาต้องติดเชื้อและจบชีวิตลง แต่ด้วยยาชนิดนี้เขาไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไปสำหรับการปลดล็อคพรสวรรค์นั้น หากเขาเข้าใจถูกมันควรเป็นการปรับปรุงความสามารถพิเศษอย่างเช่นเดียวกับตัวกินคนกลายพันธุ์ เช่นทรงพลังขึ้น หรือความเร็ว หรือแม้กระทั่งการโจมตีด้วยเสียง


แม้ว่าระบบจะบอกว่าพรสวรรค์ที่ปลดล็อคนั้นไม่สามารถคาดเดาได้  แต่หลินเฉิง ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก ตราบใดที่เขาเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขามากขึ้นเป็น 2 เท่าพร้อมกับภูมิคุ้มกันไวรัสแค่นี้เขาก็พอใจแล้ว


เมื่ออ่านคำแนะนำของแคปซูลจบ หลินเฉิง แทบไม่กล้าจะมองดูคะแนนที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน แต่เขาก็ต้องดู หลังจากที่เห็นเขาแทบจะเบิกตากว้าง เอามือลูบหน้าผากแล้วเอนหลังลงกับเบาะ


 5000 คะแนน!


ในเวลานี้ หลินเฉิง ไม่มีความตื่นเต้นอีกต่อไป มีแต่ความสิ้นหวังในจิตใจของเขา


พลังงาน 500 คะแนนเขายังต้องใช้เวลาเนินนาน แล้วการสะสมคะแนน 5000 คะแนนล่ะเขาจะทำยังไง ยิ่งในปัจจุบันถ้าเขาใช้การเดินทางโดยรถยนต์ เขาจะไม่สามารถสะสมคะแนนได้ถึง 5000 คะแนน อีกครั้งถ้าเขาไม่มีภูมิคุ้มกันไวรัสเขาคงไม่สามารถไปถึงเมืองเซียงโจวได้!


ในตอนแรกเขาคิดว่าหากเขาเดินทางบนถนนหลวงและอาศัยอยู่ในรถจะไม่มีสัตว์ประหลาดตัวใดสามารถคุกคามเขาได้และเขาจะไปถึงเมืองเซียงโจวได้อย่างปลอดภัย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ทำให้เขาตระหนักได้ว่า แม้ว่าไม่ได้อยู่ในสถานที่ซับซ้อนและไม่พบร่องรอยของตัวกินคน แต่เมื่อผ่านถนนช่วงหนึ่งพวกมันกลับออกมาจู่โจมมนุษย์ได้ นั่นเป็นเพราะพวกมันนั้นขุดหลุมอยู่


นอกจากนี้เขาไม่สามารถอาศัยอยู่ในรถได้ตลอดเวลา และรถของเขามีเพียงการป้องกัน level 1 เท่านั้น มันจะสามารถต้านทานการจู่โจมของตัวกินคนที่วิวัฒนาการแล้วได้นานสักแค่ไหน?


หลินเฉิง ถอนหายใจจากนั้นเปิดหน้าต่างแล้วนำบุหรี่มาจุดสูบ เขาพยายามสงบสติอารมณ์และบังคับให้ตัวเองยอมรับความจริง หลังจากสูบบุหรี่ได้สักพักเขาสะบัดก้นบุหรี่ทิ้งแล้วเหยียบคันเร่งเดินทางต่อไป


อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาก็มีเป้าหมายเพิ่มขึ้น บางทีระบบอาจจะ “เจตนาดี” ที่ต้องการให้เขาเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นไม่ใช่เพียงหวังพึ่งจากเค้กที่ตกลงมาจากฟ้าและหวังจะให้เขาเปลี่ยนเป็นผู้สังหารหมู่อย่างบ้าคลั่ง


“ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหน?”


ในขณะที่ หลินเฉิง กำลังหดหู่ มู่หยิงเสวี่ย ที่ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ถามขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง


“ดูจากป้ายที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะเป็นเฉิงหยาง”เมื่อเห็น มู่หยิงเสวี่ย กำลังงัวเงีย หลินเฉิง ตอบอย่างไม่ใส่ใจ


“ฉันฝันร้าย…” มู่หยิงเสวี่ย หัวเราะอย่างขมขื่นจากนั้นเธอพยายามบิดเอวไปมาบนที่นั่ง เธอยังคงอุ้มโคล่าไว้ในอ้อมแขนของตัวเองและถาม หลินเฉิง ว่า


“โคล่ายังไม่ตื่นขึ้นมาเลย มันจะเป็นอะไรหรือเปล่า?”


 หลินเฉิง ยิ้มและพูดว่า


“มันไม่เป็นอะไร มันคงแค่ง่วงนอน!”


 มู่หยิงเสวี่ย พยักหน้าอย่างมั่นใจเมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม


“ คุณขับรถมาตั้งแต่เมื่อวานตอนนี้ฉันตื่นแล้วเราควรจะเปลี่ยนกันบ้าง!”


เมื่อเห็นทัศนคติของ มู่หยิงเสวี่ย หลินเฉิง พยักหน้ายางเฉยเมยและหยุดรถไว้ข้างถนนทั้งสองคนแลกเปลี่ยนตำแหน่งในการขับรถอีกครั้ง


เมื่อมองไปที่ มู่หยิงเสวี่ย เธอมีความชำนาญในการจัดการกับรถประเภทนี้ หลินเฉิง รู้สึกแปลกใจ


“คุณ...คุณขับรถเป็นมานานแล้วหรอ?”


 มู่หยิงเสวี่ย พยักหน้า


“ฉันขับรถเป็นตั้งแต่เรียนโรงเรียนมัธยมเพราะพ่อของฉันเป็นแฟนตัวยงในการสะสมรถยนต์! ตั้งแต่ที่เขายังเป็นวัยรุ่นเขาสะสมรถทุกชนิดเป็นพิเศษ ฉันเองก็ถูกสั่งสอนมาตั้งแต่ยังเด็กเกี่ยวกับรถยนต์เหล่านี้…”


“แล้วพ่อของคุณ…”หลังจากที่ หลินเฉิง ถามคำถามนี้เพียงครึ่งหนึ่งและเห็นการแสดงออกของ มู่หยิงเสวี่ย นั้นหดหู่เขาจึงหยุดที่จะถามคำถามเพิ่มเติม


หลังจากเงียบลงสักพัก มู่หยิงเสวี่ย ก็พูดออกมาอย่างแผ่วเบาว่า


“พ่อของฉันชื่อ มู่ฮ่าวติง  นายรู้จักบริษัทที่ทำเกี่ยวกับภาพยนตร์ของหยงเฉิงไหม?”


เมื่อเห็นว่า หลินเฉิง พยักหน้าเธอพูดต่อ


“พ่อแม่ของฉันเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์...จริงๆแล้วลุงของฉันมาพบพวกเขาก่อนหน้านี้และบอกว่าสถานการณ์ล่าสุดไม่ค่อยดีนักและต้องการให้พวกเขาพาฉันไปยังเขตทหารเหลียนเฉิง แต่พ่อแม่ของฉันยุ่งมากอีกทั้งลุงของฉันพูดค่อนข้างคลุมเครือดังนั้นพวกเขา จึงไม่ได้สนใจคำพูดของลุง


พวกเขาตายแล้ว….ที่ฉันรู้ก็เพราะว่า...ในตอนที่ฉันอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตฉันกำลังคุยโทรศัพท์กับพวกเขาอยู่และกำลังเล่าเกี่ยวกับหมอกให้พวกเขาฟัง และในขณะเดียวกันฉันก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากปลายสาย จากนั้นฉันก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย และสัญญาณโทรศัพท์ก็ดับไป.. ฉันอยากจะกลับไปเพื่อดูให้แน่ชัดแม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะกลายเป็น….แต่ว่าฉันนั้นอ่อนแอเกินไปอีกทั้งพวกเขายังอยู่ที่หยงเฉิงซึ่งอยู่ไกลจากที่นี่มาก ฉันเองไม่มีปัญญาที่จะไปที่นั่นด้วยตัวเอง….”


เมื่อได้ฟังคำพูดของ มู่หยิงเสวี่ย ที่เธอกำลังเล่าเกี่ยวกับพ่อแม่ของเธออยากขมขื่น หลินเฉิง ถอนหายใจและนึกถึงครอบครัวป้าฉินในเวลานี้


ผู้ปกครองของ มู่หยิงเสวี่ย น่าจะเสียชีวิตอย่างกะทันหันแต่ข่าวครอบครัวของป้าฉินนั้นยังไม่ชัดเจนดังนั้นเขาไม่ยอมแพ้เหมือน มู่หยิงเสวี่ย  เขาจะไปยังเซียงโจวเผื่อได้เห็นกับตาของตัวเอง!


-----------------------------------


แสดงความคิดเห็น

1 ความคิดเห็น