SC:บทที่ 47 บนท้องถนน

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

SC:บทที่ 47 บนท้องถนน


  ฉูไต๋เกอ และเฉินหยงกังจากไป พวกเขาไม่มีความกล้าหาญพอที่จะเผชิญหน้ากับ หลินเฉิง เพียงลำพัง อย่างไรก็ตาม ฉีรุย ที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นเหตุการณ์ตลอดว่า หลินเฉิง สามารถชนะการโต้เถียงนี้ได้อย่างสมบูรณ์ เธอจึงเดินเข้ามาหา หลินเฉิง และพูดว่า


“สุดหล่อ หลินเฉิง ของเรานั้นแข็งแกร่งอยู่แล้ว ฮีโร่ต่อสู้กลับกองกำลังชั่วร้ายเพื่อเทพธิดา น้องสาวตัวน้อยของฉันคงดีใจเป็นอย่างมาก!!”


สำหรับการหยอกล้อของ ฉีรุย หลินเฉิง ไม่ได้สนใจ แล้วเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตัวน้อยลังเล หลินเฉิง จึงพูดขึ้นว่า


“บนรถผมเหลือเพียงพื้นที่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นที่ขอมู่หยิงเสวี่ย!”


เมื่อเห็นว่าความคิดเล็กน้อยของ มู่ หยิงเสวี่ย นั้นถูก หลินเฉิง มองเห็นอยากทะลุปรุโปร่ง  ฉีรุย ขดริมฝีปากและย่นจมูกจากนั้นหันหลังเดินจากไป


ในที่สุด ฉีรุย ก็จะไปจากจุดที่พวกเขาอยู่ หลินเฉิง ส่ายหัวอย่างไรประโยชน์และมอง มู่ หยิงเสวี่ย ที่ยังยืนอยู่ด้านข้างจากนั้นตบไหล่เธอเล็กน้อย เพื่อให้เธอเข้าไปนั่งยังที่ข้างคนขับ การเคลื่อนที่ของขบวนผู้รอดชีวิตกำลังเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง


 มู่ หยิงเสวี่ย อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวานในใจเล็กน้อยเมื่อเห็น หลินเฉิง ขับรถให้เธอนั่ง เธอเป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกอ่อนแอและไม่สามารถตัดสินใจเรื่องง่ายๆให้เด็ดขาดได้ เธอต้องการที่จะนั่งรถของ หลินเฉิง ตั้งแต่ต้นแต่เธอเองเขินอายเกินกว่าที่จะอ้าปากพูด แต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่พวกเธอออกมาจากเมือง หลินเฉิง ก็ขอให้เธอมานั่งรถกับเขาเพื่อความปลอดภัย


แม้ว่าบุคลิกของเธอจะอ่อนแอแต่จิตใจของเธอนั้นเข้มแข็งและเฉลียวฉลาด  หลินเฉิง กล่าวว่าเพื่อความปลอดภัยของเธอตลอดเส้นทางเธอรู้ว่า หลินเฉิง หมายความอย่างนั้นจริงๆและไม่มีความคิดอื่นแอบแฝง แต่เธอไม่ได้สนใจตราบใดที่เธออยู่ใกล้กับ หลินเฉิง เธอก็รู้สึกพึงพอใจมากแล้ว


แม้ว่าเธอจะได้นั่งอยู่บนรถของ หลินเฉิง แต่เธอก็ยังคงเป็นกังวลกับสถานการณ์ของขบวนผู้รอดชีวิตนี้ หากเป็นดั่งตอนแรกเธอคงติดอยู่กับ  ฉูไต๋เกอ และเฉินหยงกัง แต่โชคดีที่ หลินเฉิง นั้นสามารถตอบโต้คนเหล่านั้นได้จนทำให้เธอสามารถอยู่กับเขาได้ แม้จะเป็นระยะทางเพียง 600 กิโลเมตรเท่านั้น…


 มู่ หยิงเสวี่ย นั่งเงียบๆด้านข้างคนขับและกำลังคิดถึงเรื่องต่างๆ โคล่านั่งอยู่ในอ้อมแขนของเธอและกำลังเลียมือของเธอเบาๆ เธอทำได้เพียงลูบหัวของโคล่า  หลินเฉิง เลิกสนใจหญิงสาวและมุ่งมั่นกับถนนด้านหน้า


“ถ้าผมจำไม่ผิดตอนที่คุณอยู่มหาวิทยาลัยคุณดูเหมือนจะเป็นดอกไม้ประจำภาควิชาของเรา?”


เมื่อเห็นว่า หลินเฉิง ผู้แสนจะเย็นชาเริ่มพูดออกมา มู่ หยิงเสวี่ย ตอบกลับอย่างอายๆว่า


“ ใช่แล้ว...ฉัน...เอิ่มฉันก็ไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไหร่..”


เมื่อเห็นว่ามู่ หยิงเสวี่ยแสดงออกด้วยความเขินอายเล็กน้อย หลินเฉิง ยิ้มและพูดว่า


“ ผมไม่ได้มีความหมายอื่นเพียงแค่จะบอกว่า...ความงามนั้นคือหายนะ….มันจะชักนำผู้ไม่พึงประสงค์มาถึงประตูบ้านของคุณ”


 มู่ หยิงเสวี่ย ตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่มเธอพูดขึ้นมาว่า


“นาย...นายรู้ได้ยังไง?”


“ทำไมผมจะไม่เห็นสิ่งที่แสดงออกอย่างชัดเจนในตอนนี้?การที่คุณเป็นที่ต้องการของบุคคลทั่วไปแม้แต่เด็ก 3 ขวบอย่างเข้าใจ..”


 เมื่อได้ยิน หลินเฉิง พูดดูถูกใบหน้าของ มู่ หยิงเสวี่ย รู้สึกอับอายและพูดว่า


“ฉัน...ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้..ในตอนที่เรารวบรวมผู้รอดชีวิตลุงเฉิน กระตือรือร้นมาก เขาช่วยเหลือพวกเราและยังให้อาหารพวกเราจำนวนมาก แต่ไม่นานมานี้ฉันสังเกตเห็นว่าเขาจ้องมองฉันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ”


เมื่อพูดถึงเรื่องนี้มู่ หยิงเสวี่ยรู้สึกเศร้าใจ  หลินเฉิง เหลียวมอง มู่ หยิงเสวี่ย ที่กำลังหดหู่ เขาจึงหยุดพูดและตั้งใจขับรถต่อไป ขบวนผู้รอดชีวิตยังคงดำเนินไปเรื่อยๆท่ามกลางสภาพอากาศที่เต็มไปด้วยหิมะตก แต่เนื่องจากมีรถยนต์และยานพาหนะถูกทิ้งอยู่บนถนนมันเป็นการปิดกั้นเส้นทาง จึงทำให้ขบวนผู้รอดชีวิตเดินทางช้าลง ตอนนี้เริ่มใกล้มืดแล้วพวกเขาเดินทางได้น้อยกว่า 50 กิโลเมตรซะอีก


 หลินเฉิง เหยียบเบรคอย่างนุ่มนวลในขณะที่ตามหลัง volvo XC90 รถของเขาค่อยๆชะลอตัวลงและเตรียมที่จะหยุดพัก


หลังจากหยุดรถ หลินเฉิง ผิวปากเพื่อเรียกโคล่าที่นอนอยู่บนขาของ มู่ หยิงเสวี่ย ออกเพื่อให้ มู่ หยิงเสวี่ย สามารถลุกขึ้นจากที่นั่งได้ หลังจากนั้นเธอก็ออกไปจากรถและยืดแขนยืดขา


เมื่อ มู่หยิงเสวี่ย ได้ลงจากรถแล้วเธอจึงเดินไปด้านหน้าเพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์ในตอนนี้  หลินเฉิง ขี้เกียจเกินไปที่จะสนใจเรื่องนี้ เขานำโคล่าเข้าไปยังป่าข้างทางเพื่อทำธุระส่วนตัว จากนั้นเขายืนพิงประตูรถยนต์พร้อมกับสูบบุหรี่เพื่อรอมู่ หยิงเสวี่ยกลับมา


ไม่นานมู่ หยิงเสวี่ยก็กลับมาแต่มีคนตามเธอมาด้วยนั่นคือ เต๋าไค่


“ เป็นยังไงบ้าง?พวกเขาจะหยุดพักผ่อนกันก่อนหรือเปล่า?”


เมื่อเห็น มู่ หยิงเสวี่ย เดินกลับมา หลินเฉิง ถามเธออย่างตั้งใจ และเมื่อได้ยินคำถามของ หลินเฉิง มู่ หยิงเสวี่ย หันไปมอง เต๋าไค่ ที่อยู่ด้านหลังเพื่อให้เขาเป็นคนอธิบาย


“พวกเราได้ปรึกษากันถึงเรื่องนี้ ว่าพวกเราจะถึงทางออกของเขตหนิงอันในอีก 5 กิโลเมตร แต่จำนวนซอมบี้นั้นมีมากเกินไปพวกเราจึงตัดสินใจที่จะพักที่นี่และในตอนกลางคืนเราต้องผลัดกันดูรถของพวกเราดังนั้น…”


เมื่อได้ยินคำพูดของ เต๋าไค่ หลินเฉิง ไม่มีความคิดเห็นอื่นๆในโลกที่เต็มไปด้วยภัยพิบัตินี้พวกเขาควรคิดอย่างรอบคอบดังนั้นเราจึงพยักหน้าเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขานั้นเข้าใจ


เมื่อเห็นว่า หลินเฉิง ไม่มีความคิดเห็นอื่น เต๋าไค่ ยิ้มและกล่าวลาจากนั้นเดินไปด้านหลังของทีมเพื่อดำเนินการเฝ้าระวังต่อไป


เมื่อมองเห็น เต๋าไค่ ซึ่งทำหน้าที่ผู้นำได้อย่างระมัดระวัง หลินเฉิง ก็ไม่ได้สนใจอีกต่อไปเขาสังเกตเห็น มู่ หยิงเสวี่ย นั้นตัวสั่นเทาด้วยความเหน็บหนาวดังนั้นเขาจึงสั่งให้เธอกลับขึ้นไปบนรถอย่างเงียบๆ


 หลังจากขึ้นมาบนรถกลับ มู่ หยิงเสวี่ยหลินเฉิง ได้นำอาหารสุนัขออกมาจากเบาะหลังและโยนให้กับโคล่า จากนั้นเขาหยิบน้ำแร่อุ่นออกมา 1  ขวดซึ่งนำออกมาจากตู้เก็บอุณหภูมิขนาดเล็กและส่งให้กับ มู่ หยิงเสวี่ย เพื่อบรรเทาความเหน็ดหนาวจากนั้นเขาหยิบขนมปังและแฮมออกมาส่งให้กับเธอ


แม้ว่า มู่ หยิงเสวี่ย ต้องการที่จะปฏิเสธ แต่เธอรู้ถึงความสำคัญของอาหารในยุคภัยพิบัตินี้  หลินเฉิง จ้องมองเธอทำให้เธอเองไม่กล้าที่จะปฏิเสธขนมปังและแฮมที่ชายหนุ่มมอบให้


เธอนั่งกินขนมปังและแฮมในขณะที่ดวงตาของเธอยังคงสังเกต หลินเฉิง  จากนั้นเธอถามคุณว่า


“ หลินเฉิง.. ฉันอยากถามนายตลอด ดูเหมือนว่านายกระวนกระวายใจมากเมื่อเราอยู่บนถนน มันมีอะไรผิดปกติอย่างนั้นหรอ?”


---------------------------------


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น