SC:บทที่ 46 เอาชนะ หลินเฉิง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

SC:บทที่ 46 เอาชนะ หลินเฉิง


“ คุณมาทำอะไรที่นี่?”


 หลินเฉิง ถาม มู่ หยิงเสวี่ย ที่กำลังเฝ้ามองคนยกรถ เมื่อ มู่หยิงเสวี่ย เห็นว่าคนที่ดึงเธอเป็น หลินเฉิง นั้นเธอค่อนข้างรู้สึกโล่งอกเธอก็พูดว่า


“นายทำให้ฉันกลัว! ฉันมาดูเหตุการณ์เพราะว่าเผื่อว่าจะช่วยอะไรได้ นายเองก็ทำตัวแปลกๆแว๊บไปแว๊บมายังกับผี!”


เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่มีความรู้สึกหวาดกลัววิกฤตในสถานที่แห่งนี้ หลินเฉิง เองก็อดถอนหายใจไม่ได้


“ในสถานที่แบบนี้ เธอยังลงมาจากรถอีกหรอ เธออยู่รถคันไหน เปลี่ยนมานั่งรถของผมแทน!”


เมื่อ มู่หยิงเสวี่ย ได้ยินคำพูดของ หลินเฉิง เธอรู้สึกตกตะลึงกับการขอร้องอย่างเฉียบพลันของ หลินเฉิง  หลังจากนั้นเธอพูดด้วยความเขินอายว่า


“ไม่ดีมั้ง….กลุ่มผู้รอดชีวิตทั้งหมดนำโดย เต๋าไค่  และพวกเราอีกหลายคนฉันเองต้องอยู่ตำแหน่งด้านหน้าทีมเพื่อรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของทุกคน..”


“รับผิดชอบความปลอดภัย?ในสภาพแวดล้อมแบบนี้นะ เธอควรที่จะรับผิดชอบชีวิตของตัวเอง ส่วนหน้าที่ที่รับผิดชอบความปลอดภัยของทุกคนควรเป็นลุงของเธอซึ่งเป็นรองผู้บัญชาการ สำหรับเธอแล้วเธอต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เธอสัญญากับผม!”


 มู่ หยิงเสวี่ย ไม่ใช่คนโง่ถึงแม้ว่า หลินเฉิง จะไม่ค่อยพูดบ่อยนักแต่เธอก็ไม่สามารถขัดแย้งคำพูดของเขาได้ หลังจากที่ถูกไล่ออกมาจากฝูงชนโดย หลินเฉิง มู่ หยิงเสวี่ย ไม่ได้พูดอะไรอีกเธอเดินไปที่รถบัสด้านหน้าเพื่อหยิบของของตัวเอง


แม้ว่าเธอจะถูกบังคับให้ทำแบบนี้แต่เธอก็ไม่ได้ขัดแย้งใดๆ กลับกันเธอก็อดไม่ได้ที่จะมีความสุขเล็กๆ หลังจากที่ทักทาย ฉีรุย ที่กำลังนั่งอยู่บนรถเพื่อให้ตัวเองอบอุ่นมากที่สุด หญิงสาวไม่ได้อธิบายอะไรกับเพื่อนสาวของเธอมากนักพวกเธอซุบซิบกันเล็กน้อยและเดินกลับไปที่รถ G65 กับ หลินเฉิง โดยตรง


เมื่อ โคล่า เห็นว่าเจ้านายของมันพาผู้หญิงสวยกลับมาที่รถมันรู้สึกตื่นเต้นมันกระโดดลงมาจากที่นั่งและพุ่งตรงไปยังอ้อมแขนของหญิงสาวทันที  มู่หยิงเสวี่ยเองก็ตกใจจนแทบจะกรีดร้องอีกครั้ง


อา…


เมื่อหญิงสาวต้องเผชิญหน้ากับการอ้อนของโคล่ามันทำให้ หลินเฉิง รู้สึกอับอายขายหน้า เมื่อเขาเห็นว่า มู่ หยิงเสวี่ย ยังคงตกใจเขาทำได้เพียงแต่หัวเราะและอธิบายให้เธอฟังว่า


“เอิ่ม..เจ้าตัวเล็กนี้ไม่เคยเห็นคนมีชีวิตมานานพอสมควรดังนั้นพอเจอใครสักคนมันเลยตื่นเต้นนิดหน่อย..แต่มั่นใจได้ว่ามันจะไม่ทำให้เธอตกใจอีก!”


หลังจากเขาพูดเสร็จ  หลินเฉิง จ้องมองไปที่สุนัขของเขา และคิดอยู่ในใจว่ามันทำให้เขาต้องอับอาย


แม้ มู่ หยิงเสวี่ยจะหวาดกลัวเล็กน้อยแต่เธอก็อดหัวเราะไม่ได้  รอยยิ้มของเธอเหมือนดอกบัวบานสะพรั่งในน้ำแข็ง แม้แต่ หลินเฉิง ซึ่งเป็นคนควบคุมอารมณ์ความรู้สึกได้ดียังรู้สึกอิ่มเอิบในใจ


หลังจากที่ หลินเฉิง เพลิดเพลินต่อการจ้องมองมู่หยิงเสวี่ยเต็มที่แล้วเขาหยิบกระเป๋าของ มู่ หยิงเสวี่ย นำไปวางไว้ที่ท้ายรถ และสังเกตเห็นว่าในที่สุดรถบัสที่ล้มอยู่ก็ถูกยกขึ้นมาเรียบร้อย ดังนั้นเราจึงเรียกมู่ หยิงเสวี่ยเข้ามานั่งในรถพร้อมที่จะออกเดินทาง


หลังจากที่รอสักพักทั้งสองคนพบว่าขบวนรถยังไม่เคลื่อนที่ไปไหน  มู่ หยิงเสวี่ย รู้สึกกังวลใจว่าจะเกิดเหตุการณ์ด้านหน้า เธอจึงลงจากรถและไปดูสถานการณ์ด้านหน้าหลังจากนั้นไม่นานก็เห็นคนมากมายเดินมาที่รถของ หลินเฉิง


 เมื่อเห็นคนที่เดินมายังรถของ หลินเฉิง โดยมี มู่ หยิงเสวี่ยนำหน้า พบว่าต่างเป็นคนที่คุ้นเคยทั้งสิ้น นั่นคือเพื่อนสาวของเธอ ฉีรุย   ฉูไต๋เกอ ที่หลินเฉิง เพิ่งสั่งสอนไป และลุงเฉินเจ้าของรถบรรทุกที่อยู่ด้านหน้า


ผู้คนเหล่านี้มองมาที่รถของ หลินเฉิง  ในขณะที่ มู่ หยิงเสวี่ยเองรู้สึกอับอาย  หลินเฉิง อดไม่ได้ที่จะก้าวลงจากรถและถามว่าหญิงสาวว่า


“ เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรอ?”


ในขณะที่ มู่ หยิงเสวี่ย กำลังจะตอบ   ฉูไต๋เกอ ซึ่งทนไม่ไหวก็พูดออกมาว่า


“จะมีอะไรซะอีก ก็เรื่องที่แกขับรถโกโรโกโสนี้และยังต้องการให้เสี่ยวเสวี่ยนั่งไปกับแก?แกคิดว่านั่งกับแกแล้วปลอดภัยอย่างนั้นหรอ เสี่ยวเสวี่ยเป็นหนึ่งในหัวหน้าทีมดังนั้นมันอันตรายเกินไปที่จะมันนั่งกับแกเพียงลำพัง!”


ไม่รู้ว่าบทเรียนที่ หลินเฉิง เพิ่งสั่งสอน  ฉูไต๋เกอ ไปนั้นอยู่ในความทรงจำของเขาบ้างหรือไม่แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่กล้าที่จะพูดรุนแรงเกินไปนัก แม้ว่าเขาจะรู้สึกอิจฉาก็ตาม การที่ หลินเฉิง ขอให้ มู่ หยิงเสวี่ย มานั่งรถกลับชายหนุ่มมันทำให้เขารู้สึกทนไม่ได้ แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เย็นชาของ หลินเฉิง เขารีบหุบปากและไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก


 หลินเฉิง มองไปที่  ฉูไต๋เกอ  จากนั้นส่ายหัวยังไม่สนใจและเดินไปถามมู่ หยิงเสวี่ยว่า


“เกิดอะไรขึ้นทำไมพวกเขายังไม่ออกเดินทาง?”


ในเวลานี้ลุงเฉินได้พูดกับเขาอีกครั้งว่า


“ หลินเฉิง ใช่ไหม  ใช่ไหมสวัสดี ชื่อฉันคือเฉินหยงกัง เป็นเจ้าของรถบรรทุกคันแรก หลังจากที่เรายกรถบัสที่คว่ำขึ้นมาได้แม้ว่ามันจะอยู่ในสภาพที่ดีแต่น้ำมันของรถบัสนั้นหกจนหมด ทำให้น้ำมันสำรองที่เราเตรียมไว้นั้นไม่เพียงพอ..และเนื่องจากคุณมู่เป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มขบวนนี้และมีเพียงไม่กี่คนที่คุ้นเคยกับจุดบริการน้ำมันบนถนนสายนี้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องให้คุณมู่อยู่ด้านหน้า ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่ฉันคงไม่ขอร้องและฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจและปล่อยให้คุณมู่ไปอยู่รถด้านหน้าเพื่อชี้แจงเส้นทางให้กับเรา…”


หลังจากฟังคำอธิบายของ เฉิยหยงกังแล้ว หลินเฉิง พยักหน้าจากนั้นหันหน้าไปหา มู่หยิงเสวี่ย และพูดว่า


“ผมมีกระดาษและปากกาในรถ ดังนั้นคุณสามารถที่จะเขียนเส้นทางบนถนนให้กับลุงเฉิน ให้เขาสามารถหาจุดหยุดพักได้!”


หลังจากนั้นเขาหันไปหาเฉินหยงกังแล้วพูดว่า


 “มู่ หยิงเสวี่ย เป็นคนสำคัญสำหรับผมมากดังนั้นผมไม่อยากปล่อยให้เธอเป็นอะไร!หากพูดตามตรงผมไม่เชื่อมั่นในการป้องกันของพวกคุณ หากเธออยู่ข้างผมผมสามารถปกป้องเธอได้อย่างดีที่สุด!ผมเข้าใจถึงความกังวลของคุณดังนั้นผมจะให้เธอวาดแผนที่ให้กับคุณ และผมหวังว่าคุณจะเข้าใจในวิธีการของผมหลังจากได้รับแผนที่ไปแล้วควรที่จะรีบออกเดินทาง!”


เฉินหยงกังรู้สึกไม่พอใจเมื่อเขาได้ยิน หลินเฉิง พูด ดังนั้นเขาจึงพูดว่า


“น้องชายนายเองก็ดูอายุไม่มากแต่ทำไมหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ นายต้องการที่จะครอบครองหญิงสาวและทำตัวเท่อย่างนั้นหรอ?นายควรต้องถามคุณมู่ ว่าเธอคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายควรที่จะให้เธอตัดสินใจด้วยตัวเอง?”


หลินเฉิง ขี้เกียจโต้เถียงระหว่างพวกเขาดังนั้นเขาจึงพูดว่า


“นี่เป็นเรื่องระหว่างพวกเราดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ? มู่ หยิงเสวี่ย  วาดแผนที่เสร็จหรือยัง เมื่อเสร็จแล้วมอบให้เขาไปซะ!”


 มู่ หยิงเสวี่ย รู้สึกว่า หลินเฉิง กลายเป็นคนน่ากลัวมากกว่าเดิม หลังจากที่เธอตกตะลึงนั้นเธอรีบเขียนแผนที่และส่งให้กับเฉินหยงกัง


เมื่อเฉินหยงกังเห็นพฤติกรรมของ มู่ หยิงเสวี่ย เขาจึงรู้แน่ชัดว่าหญิงสาวได้ตัดสินใจแล้ว ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าและรับแผนที่ไปอย่างไม่เต็มใจ


-------------------------------


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น