SC:บทที่ 33 การกล่าวโทษ
ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย มู่ หยิงเสวี่ย เงยหน้าขึ้น เธอมองเห็น หลินเฉิง ยืนอยู่ตรงหน้าของเธออย่างเต็มตาเธอได้แต่อ้าปากค้างด้วยความเหลือเชื่อ
“ นาย...นาย…”
มู่ หยิงเสวี่ย พูดไม่ออกและรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก หลินเฉิง ได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้เขาคุกเข่าลงแล้วแตะไปที่หน้าผากของเธอ ตัวของเธอร้อนทำให้ หลินเฉิง ขมวดคิ้วและพูดว่า
“ ฉีรุย เก็บข้าวของของ มู่ หยิงเสวี่ย เธอจะต้องเปลี่ยนสถานที่เพื่อระบายอากาศ!”
จากนั้น มู่ หยิงเสวี่ย ไม่ได้สนใจผู้หญิง 2 คนอีกต่อไปเขาอุ้ม มู่ หยิงเสวี่ย ขึ้นในอ้อมแขนของเขาและเดินออกไป จากนั้นเขา วาง มู่ หยิงเสวี่ย ลงบนโต๊ะทำงานของโกดังสินค้า หลินเฉิง เปิดหน้าต่างเพื่อนรับอากาศบริสุทธิ์จากด้านนอกและกลับเข้าไปที่โกดังอาหารที่ เฉินเจี้ยน เคยอาศัยอยู่มาก่อน จากนั้นดึงผ้าปูที่นอนทั้งหมดออกมาและกลับมาที่สำนักงานอีกครั้ง เพื่อนำมาคลุมให้กับ มู่ หยิงเสวี่ย ที่อยู่ในอาการโคม่า
หลังจาก หลินเฉิง จัดการสถานที่อยู่ของ มู่ หยิงเสวี่ย เรียบร้อยเขาเตรียมตัวที่จะไปร้านขายยาฝั่งตรงข้ามเพื่อหายาลดไข้ แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่ามีผู้รอดชีวิตจำนวนมากอยู่ที่นี่ แม้คนเหล่านี้จะไม่กล้าปรากฏตัวตั้งแต่เกิดการขัดแย้ง เขาไม่แน่ใจว่าผู้รอดชีวิตเหล่านี้มีนิสัยเหมือน เฉินเจี้ยน หรือไม่ดังนั้นเขาจึงให้ปืนพกที่ได้จาก เฉินเจี้ยน ให้กับ ฉีรุย แล้วบอกให้เธอดูแล มู่ หยิงเสวี่ย เอาไว้และรอเขากลับมา หากใครเข้ามายังห้องแห่งนี้ให้ยิงได้เลย จากนั้น หลินเฉิง รีบออกจากช่องที่เขาเจาะรูเข้ามาและตรงไปที่ร้านขายยาฝั่งตรงข้าม
หลินเฉิง ใช้เท้าเตะที่ประตูร้านขายยาที่เปิดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง เขาตั้งใจที่จะเรียกซอมบี้ที่อยู่ในร้านออกมาเขาไม่ต้องการเสียเวลารอ จากนั้นเพียงชั่วครู่เขาก็สามารถกวาดล้างซอมบี้ที่อยู่ในร้านยาทั้งหมด หลินเฉิง กวาดล้างพวกซอมบี้หมดแล้วเขารีบค้นหายาลดไข้
แต่เดิมเขาเพียงแค่ต้องการหายาลดไข้แต่เมื่อเขาเข้ามาในร้านขายยามันอาจจะงี่เง่าเกินไปถ้าไม่หยิบอย่างอื่นๆไว้สำรองด้วย เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงเอามาม่า 2 กล่องออกมาจากแคปซูลจัดเก็บ จากนั้นเขาก็ใช้พื้นที่ว่างที่เหลือเก็บยาที่อยู่ในตู้ทั้งหมด
เมื่อเห็นแคปซูลจัดเก็บเต็มอีกครั้ง หลินเฉิง จึงหยุดพี่จะเติมของเข้าไปในแคปซูล จากนั้นเขาถือยาลดไข้ 2 กล่องไว้ในมือและกลับไปยัง ซุปเปอร์มาเก็ต เมื่อเขากลับเข้าไปในซุปเปอร์มาเก็ต ฉีรุย แสดงใบหน้าอย่างประหลาดใจ หลินเฉิง ไม่ได้สนใจเธอเขาหยิบยาออกมาและดูคำแนะนำในการใช้ยาลดไข้
เมื่อเห็นของเหลวใสใส่เข้าไปในร่างกายของ มู่ หยิงเสวี่ย ทีละน้อย หลินเฉิง ถอนหายใจอย่างโล่งอกจากนั้นเขาหันไปมอง ฉีรุย และถามเธอว่า
“พวกเธอยังไม่ได้ตอบคำถามเลยว่าทำไมพวกเธอทั้งสองคนถึงมาอยู่ที่นี่?”
ฉีรุย ที่กำลังแอบมองการกระทำของ หลินเฉิง ตกใจเมื่อ หลินเฉิง พูดขึ้นเธอตอบด้วยความประหม่าว่า
“ฉัน..พวกเราสองคนตื่นมาตอนเช้าและมาซื้ออาหาร เป็นเพราะมีหมอกเกิดขึ้นเมื่อเราเห็นข้อความเตือนจากรัฐบาลแนะนำให้ผู้อยู่อาศัยห้ามออกไปด้านนอกแต่พวกเราต้องการที่จะตุนสิ่งของไว้ในหอพักดังนั้นพวกเราจึงมาที่นี่”
“ แล้วเธอ ไปอยู่กับ เฉินเจี้ยนก่อนหน้านี้ได้ยังไง?”
“เป็นเพราะ เสี่ยวเสวี่ยป่วยหนัก เฉิน..ลูกพี่เฉิน ผลักดันให้พวกเราต้องเอาชีวิตรอดเขาสัญญากับฉันว่าถ้าฉันทำหน้าที่ได้ดีที่สุดเขาจะมอบยาลดไข้ให้กับฉัน….ฉันจำเป็นต้องทำ…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ดวงตาของ ฉีรุย เป็นสีแดงกร่ำ เธอฟุบหน้าลงบนเข่าของตัวเองและร้องไห้อย่างขมขื่น
เมื่อได้ยินดังนั้น หลินเฉิง อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
ในความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องให้เธอพูดออกมาเขาก็พอจะคาดเดาเหตุการณ์ทั้งหมดได้ เหตุผลที่นักศึกษาคนหนึ่งจะยอมทำอะไรบางอย่างนั้นก็เพราะถูกกดดันผลสุดท้ายพวกเธอทำได้เพียงยอมแพ้ต่อพฤติกรรมของ เฉินเจี้ยน เท่านั้น
หลินเฉิง เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของ มู่ หยิงเสวี่ย อีกครั้งและรู้สึกได้ว่าหน้าผากของเธอค่อยๆลดอุณหภูมิลง หลินเฉิง หันไปหา ฉีรุย ที่ยังคงร้องไห้จากนั้นเขาพูดว่า
“ผมไม่รู้ว่ามู่ หยิงเสวี่ยบอกอะไรกับคุณ แต่ผมจะบอกคุณว่าผมไม่เคยสนิทสนมกับ มู่ หยิงเสวี่ย มาก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอหลังจากนี้ถือว่าเป็นโชคชะตาก็แล้วกัน ตราบใดที่เธอพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นเวลา 2 วันเธอควรมีอาการดีขึ้น ผมมีบางอย่างต้องทำอย่างนั้นขอตัวก่อน”
หลังจากที่ หลินเฉิง พูดเสร็จเขายืนขึ้นแล้วหยิบถุงปีนเขาของเขาเตรียมพร้อมที่จะจากไป แต่ ฉีรุย คว้าแขนของเขาไว้อีกครั้ง
เมื่อ หลินเฉิง รู้สึกว่าแขนของเขาถูกคว้าเอาไว้ เขา ปวดหัวทันทีเขารู้อยู่แล้วว่าเรื่องมันจะไม่จบง่ายๆ
“นายไปไหนไม่ได้!เสี่ยวเสวี่ยเพิ่งได้ยาเข้าไป เธอยังคงหลับอยู่ฉันจะบอกกับเธอว่าอย่างไรเมื่อนายจากไปแล้ว?”
ฉีรุย ที่คว้าแขนของ หลินเฉิง หยุดร้องไห้ทันทีและเริ่มกระวนกระวายใจ หลินเฉิง ผลัก มือเล็กๆของ ฉีรุย ออกไป การที่เขาถูกรั้งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
“อย่างน้อยในตอนนี้….นายก็ห้ามไปไหน!มีคนจำนวนมากอยู่ฝ่ายเดียวกับ เฉินเจี้ยน ในตอนนี้พวกเขาไม่กล้าแสดงตัวออกมาเพราะเห็นว่านายมีปืน หากนายจากไปในตอนนี้พวกเขาจะแสดงตัวออกมาเพื่อกดขี่เราอีกครั้ง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของ ฉีรุย ใบหน้าของ หลินเฉิง แสดงออกอยากเย็นชา
“คุณใช้ชีวิตยังไงก่อนหน้าที่ผมจะมา?ในโลกใบนี้คุณต้องปรับตัวให้เข้ากับการเอาชีวิตรอดให้ได้ และในตอนนี้คุณมีปืนอยู่ในมือ หากสิ่งนี้ยังไม่สามารถรับประกันความอยู่รอดของตัวคุณในซุปเปอร์มาเก็ตแห่งนี้ได้ ผมคิดว่าคุณควรจะฆ่าตัวตายซะดีกว่า เพราะนั่นหมายความว่าคุณไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่รอดในโลกที่วุ่นวายนี้!”
หลินเฉิง ตำหนิ ฉีรุย อย่างเย็นชา ฉีรุย รู้สึกตกตะลึงสักครู่ในไม่ช้าเธอก็ปล่อยมือที่เหนียวรั้ง หลินเฉิง เอาไว้ หลินเฉิง รู้ว่าเขาได้ทำทุกอย่างที่ควรทำแล้วและเขาก็ได้พูดในสิ่งที่ควรพูดแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวปล่อยมือที่รั้งเขาเอาไว้ หลินเฉิง หันหลังและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่ก่อนที่เขาจะเดินจากไป หลินเฉิง หันกลับมาหยิบกล่องกระสุนส่งให้กับ ฉีรุย และพูดว่า “ ผมจะไม่ขอปืนจากคุณคืน และกระสุนกล่องนี้ถือว่าเป็นมิตรภาพ 4 ปีของเพื่อนร่วมชั้น หากคุณไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นี่คุณสามารถลองไปที่สถานีตำรวจถนนเทียนหมิงซึ่งอยู่ห่างออกไป 2 ช่วงตึกเพื่อไปพบกับตำรวจสาวที่ชื่อ เกาหยู เธอเต็มใจที่จะรับคุณเข้าไปรวมกลุ่มอย่างแน่นอน ถ้าหากว่าคุณกล้าที่จะออกไปด้านนอกละนะ!”
“หากคุณไม่ไปสถานีตำรวจ มหาลัยเองก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ถ้าคุณมีความกล้าพอคุณก็สามารถออกจากที่นี่ได้ ผมเองจะออกจากซงโจวเพื่อตามหาญาติ ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะพาคุณไปด้วย หวังว่าจะได้พบกันอีก…”
หลินเฉิง ได้พูดทั้งหมดในใจของเขาออกไปแล้วจากนั้นเขาพยักหน้าให้กับ ฉีรุย และเดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว
0 ความคิดเห็น