RC:บทที่ 348 โม่อู๋ชาง
"หลีกทางด้วย!" ทันใดนั้น ไร้กังวลก็วิ่งไปรอบๆฝูงชนและทิ้งแสงสีทองไว้บนพื้นซึ่งทันใดนั้นมันก็ยกตัวขึ้นเป็นม่านแสง เหล่าโครงกระดูกต่างก็หวาดกลัวแสงสีทองนั้นอย่างสุดขีด!
เพียงไม่นาน ไร้กังวลที่วิ่งวนรอบฝูงชนอยู่นั้นก็วนแสงสีทองล้อมรอบพวกมัน บรรดาโครงกระดูกหายไปอย่างทันทีเมื่อพวกมันได้พบเจอกับแสงสีทอง
เมื่อพวกเขาเห็นเป็นแบบนี้จึงดีใจกันมาก สีหน้าของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความขอบคุณ
ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงถูกโครงกระดูกพวกนั้นทำให้หมดแรงจนตายไปนานแล้ว
หลังจากเตรียมการแสงสีทองเสร็จ ทุกคนต่างก็โล่งใจเพราะพวกโครงกระดูกไม่กล้าเข้าใกล้อีก
สายตาที่ทุกคนใช้มองไร้กังวลเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก และหลายตระกูลก็ได้เข้ามาแสดงความขอบคุณไร้กังวล
"ปรากฏว่าพวกเขาทั้งสองก็คือศิษย์อาวุโสของปรมาจารย์เถียนซินที่ให้ความช่วยเหลือ พี่น้องไร้กังวลและผู้ไร้เมตตาตระกูลอู่หยางขอบคุณพี่น้องทั้งสองอีกครั้งที่ช่วยหยุดโครงกระดูกพวกนี้ไว้ ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ทัน!" อู่หยางกล่าว
"ไม่ต้องขอบคุณหรอก!" ผู้ไร้กังวลกล่าวเสียงเบา
"ตระกูลกงซุนขอขอบคุณปรมาจารย์ไร้กังวลอีกครั้ง!" เวลาเดียวกันนั้นก็มีชายคนหนึ่งก้าวเข้ามาในกลุ่มคนแล้วก้มคำนับเช่นกัน
"ไม่เป็นไรหรอก!" ผู้ไร้กังวลยังคงตอบเสียงเบา
"คนตระกูลมู่หรงที่นี่ขอขอบคุณปรมาจารย์ไร้กังวล..."
"ตระกูลหนานกงขอบคุณท่านไร้กังวล..."
"ตระกูลชางกวน..."
มากกว่าห้าถึงหกตระกูลจากสิบตระกูลต่างก็เข้ามาขอบคุณไร้กังวลเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าคนทั้งสองมีชื่อเสียงด้านความทรงพลังเป็นอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้นแสงสีทองยังถูกซ้อนเป็นชั้นๆเพื่อปิดกั้นโครงกระดูกจากสาธารณชน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของผู้ไร้กังวลและความเสียสละที่น่ายกย่อง
อีกอย่างพวกเขาก็ต้องการให้สิ่งนั้นล้อมรอบเพื่อให้แน่ใจว่าตนเองจะปลอดภัย พวกเขาจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากเกินไป
เมื่อไร้กังวลเรียงแสงสีทองเป็นชั้นๆ ท้ายที่สุดทุกคนจึงได้วางมือลงเพื่อพักสักครู่ และเพื่อพวกเขาจะได้ฟื้นฟูพลังวิญญาณบางส่วนไว้เตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรต่อไป
"ดี ดี ข้าต้องการเลือด, วิญญาณและร่างกาย ข้าไม่ได้สนุกกับมื้อเที่ยงมาหลายพันปีแล้ว เจ๋ง! ดูสิ!" เสียงคำรามอาละวาดกึกก้องในปราสาท
เวลานั้น คนสี่คนที่ถูกแสงสีขาวห่อหุ้มอยู่ก็เปลี่ยนเป็นแสงสีขาวบินตรงเข้าไปในลำแสงสีฟ้า วินาทีถัดมาคนทั้งสี่ก็ปรากฏตัวอยู่ในลำแสงบนท้องฟ้า!
"อะไร อะไรน่ะ?" หนึ่งในนั้นร้องออกมา
ชายคนนี้อยู่ในเสื้อคลุมสีน้ำเงินที่ปักด้วยลวดลายมังกรคู่บารมี ชายผู้นี้คือหลงจี้เทียนแห่งตระกูลหลง
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!
เวลาเดียวกันนั้น มีสามเสียงเกิดขึ้นในอากาศ ปรากฏอยู่ตรงหน้าหลงจี้เทียน
คนทั้งสี่ยืนเป็นรูปสี่เหลี่ยม หลินเฟิงอยู่ในทิศตะวันตก ตรงข้ามกับเขาก็คือหลงจี้เทียน
ในทิศเหนือ มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมหน้ากากของสามองค์กรมืดสำคัญ ไม่มีใครนอกจากหลินเฟิงที่รู้จักชายคนนี้ ตรงข้ามชายหนุ่มมีหญิงสาวผู้เย็นชา เธอสวมผ้าคลุมและใบหน้าของเธอเปล่งแสงสีขาวออกมาจึงทำให้คนอื่นๆ ไม่สามารถมองเห็นหน้าที่แท้จริงของเธอได้ หลินเฟิงรับรู้ได้ถึงพลังของเธอ เขาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงดูพิเศษและช่างคุ้นเคย มันยากที่จะอธิบายแต่บอกได้แค่ว่ามันพิเศษ
หลินเฟิงพยายามมองไปที่หญิงสาวหลายครั้ง แม้จะเปิดใช้น้ำวนสีดำลึกลับเพื่อระบุตัวตนด้วยดวงตาแต่ก็ยังเห็นหน้าได้ไม่ชัดอยู่ดี
การระบุตัวตนด้วยดวงตา คือฟังก์ชันระบุตัวตนในน้ำวนสีดำของหลินเฟิง หลังการเปลี่ยนแปลงของน้ำวนสีดำครั้งล่าสุด มันก็ถูกถ่ายโอนมาในตัว
ด้วยฟังก์ชั่นเวทมนตร์นี้ หลินเฟิงสามารถมองเห็นเนื้อแท้ของทุกสิ่งได้โดยตรงจากการชำเลืองมอง
แต่แม้หลินเฟิงจะมีฟังก์ชั่นเวทมนตร์นี้ เขาก็ยังไม่สามารถเห็นใบหน้าของเด็กสาวได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามขณะที่หลินเฟิงกำลังมองดูหญิงสาว เธอก็ดูเหมือนจะรู้สึกได้ เธอหันหัวมาแล้วมองหลินเฟิงด้วยสายตาเย็นชาซึ่งทำให้เขารีบหันหัวกลับไปอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่หลินเฟิงไม่รู้ก็คือสายตาเย็นชาของหญิงสาวละลายลงอย่างรวดเร็วเมื่อเธอได้เห็นหลินเฟิง
แต่เธอก็รีบปกปิดเอาไว้และไม่มีใครสังเกตเห็นประกายวิบวับอันอ่อนโยนในสายตาของเธอได้
คนทั้งสี่ถูกแสงสีขาวนำมาไว้ตรงนี้อย่างกระทันหันจนทำให้แต่ละคนช็อคไปตามๆกัน เธอมองฉันฉันมองเธอ พวกเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
"แค่ก!"
ทันใดนั้นก็มีเสียงไอออกมา ไม่รู้ว่ามีร่างห้าร่างปรากฏขึ้นมาอยู่ข้างๆพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ หนึ่งคนกับอีกสี่สัตว์
เมื่อหลินเฟิงเห็นเงาเสมือนของชายคนนี้และสี่สัตว์วิญญาณที่อยู่ล้อมรอบเขา เขาก็ตกตะลึงและโพล่งออกมา: "สี่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ผู้พิทักษ์! และคุณ ชายผู้ครอบครองดาบสีทอง? "
ขณะที่หลินเฟิงเปิดปาก อีกสามคนที่เหลือก็มองเห็นชายคนนั้นพร้อมกับสัตว์ร่างใหญ่ทั้งสี่ที่อยู่ข้างๆเขา
ตรงหน้าของพวกเขา ชายคนนั้นถูกลูกบอลสีทองห่อหุ้มเอาไว้ ถึงเขาจะอยู่ใกล้มากๆแต่กลับมองเห็นหน้าได้ไม่ชัดเจน
พวกเขาสามารถรับรู้ได้ถึงพลัง, ความแข็งแกร่ง, ความสง่าผ่าเผย, ความน่าสะพรึงกลัว เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถหยั่งถึงได้
ระดับพลังอำนาจนี้ทำให้พวกเขารู้สึกเกรงกลัว และไม่สามารถต้านทานได้เลย
และเงาเสมือนทั้งสี่ที่อยู่รอบตัวเขาก็ยังทำให้คนเกรงกลัว พวกเขาทุกคนต่างก็เคยฆ่าร่างแยกของเงาเสมือนมาก่อน แต่ในเวลานี้ พวกเขากลับรู้สึกว่าสิ่งนี้กับร่างแยกก่อนหน้านั้นคนละระดับกันเลย
"สวัสดี ผู้คนแห่งอนาคต!" ชายที่ถูกแสงสีทองห่อหุ้มเอ่ยอย่างนุ่มนวล
แม้ว่าชายคนนี้จะให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง, สูงส่งและยอดเยี่ยมมากเท่าไหร่ แต่เสียงของเขากลับดูสุภาพสุดๆราวกับเป็นพี่ชายข้างบ้าน
เมื่อได้ยินเสียงเปิดตัวของชายแสงสีทอง ผู้คนก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรออกไปอยู่สักพัก
"ไม่เป็นไร งั้นแค่ฟังข้าพูดก็พอ!" ชายหนุ่มยิ้มแล้วเอ่ย
"นามของข้าคือโม่อู๋ชาง นี่คือเจตจำนงแห่งพลังที่ยังเหลืออยู่จากสมัยบรรพกาล!" ชายคนนั้นกล่าว
หลินเฟิงไม่รู้ว่าโม่อู๋ชางเป็นใคร เขาเลยไม่ได้ตอบกลับเสียงของชายหนุ่มแต่ชายแห่งองค์กรมืดและสองหลงจี้เทียนที่อยู่อีกฝั่งต่างก็ตกตะลึง
"คนรุ่นก่อนในสมัยบรรพกาลที่ถูกขนานนามว่าจักรพรรดิอู๋ชาง" เวลานี้หลงจี้เทียนกล่าวออกมา
"ฮ่า ฮ่า ดูเหมือนว่าจะศึกษาประวัติศาสตร์ของพวกข้ามาอย่างดี ใช่ ข้าคือโม่อู๋ชาง ผู้ที่ถูกขนานนามว่าเป็นจักรพรรดิอู๋ชางในสมัยบรรพกาล แต่ข้าเป็นเพียงแค่เจตจำนงเท่านั้น โม่อู๋ชางตัวจริงน่ะตายไปตั้งนานแล้ว!" ชายในแสงสีทองเอ่ย
"แต่ข้าก็ดีใจนะที่อย่างน้อยบางคนยังจำชื่อของข้าได้!" ชายหนุ่มยิ้มแล้วกล่าวออกมา
"ในสมัยบรรพกาล บรรพบุรุษของพวกเราได้ต่อสู้กับปีศาจนอกท้องฟ้า ปราบพวกมันและทำให้พวกเขามีชื่อเสียงในโลก แล้วเราจะลืมพวกเขาได้อย่างไร?" ในตอนนี้ วัยรุ่นผู้ลึกลับแห่งองค์กรมืดก็ยังเอ่ยถึง มีเพียงหลินเฟิงและหญิงสาวที่งุนงงสงสัยบ้างเพราะดูเหมือนพวกเขาจะไม่เคยรู้ประวัติศาสตร์มาก่อนเลย
0 ความคิดเห็น