RC:บทที่ 342 เสาแห่งแสง
ถึงอย่างนั้นหลินเฟิงก็ไม่ได้แปลงเป็นร่างสัตว์หรือปล่อยสัตว์สงครามของเขาออกมา แม้เขาจะถูกฮวงฝูเทียนหนานกดดันมากจนได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายครั้งก็ตาม หลินเฟิงเรียกอาวุธต่อสู้ระดับสูงออกมาและในมือของเขาก็ยังมีสิ่งประดิษฐ์ระดับสูงอยู่ก่อนแล้ว เขาทำเพียงแค่รับการโจมตีจากฮวงฝูเทียนหนานและโจมตีกลับไปบ้างภายใต้พรของพระพุทธเจ้าจากไร้กังวล
ฉากนี้สร้างความประหลาดใจให้กับซวนหยวนยู่หลงและคนอื่นๆ พวกเขาไม่คิดว่าไร้กังวลทำแบบนี้ด้วยการสวดพระธรรมเพียงไม่กี่คำ
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าการสวดพระธรรมได้เพิ่มพลังให้กับวัชระกำราบปีศาจของไร้เมตตาได้ก็ยังเข้าใจได้ว่าเขาเป็นสาวกของพระพุทธศาสนา แต่แม้แต่หลินเฟิง ตู๋กังและคนอื่น ๆ อีกสามคนก็ยังสามารถเพิ่มพลังได้อย่างยอดเยี่ยมซึ่งมันน่าเหลือเชื่อมาก
ในเวลานี้ หลินเฟิงก็รู้สึกช็อคมากเช่นกัน สำนักสงฆ์แห่งนี้คงไม่ธรรมดาแน่ วิถีแห่งคิงคองของไร้เมตตาแห่งการกำราบปีศาจนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก ภายใต้พรพุทธมนต์ของไร้กังวล มันสร้างความกล้าหาญและอยู่ยงคงกระพันเพื่อเอาชนะซวนหยวนยู่หลงได้
บนสนามต่อสู้ ในจำนวนสี่คนที่ได้รับพรจากคำสวดของพระพุทธเจ้านั้น หลินเฟิงกับตู๋กังได้รับผลกระทบมากที่สุดเพราะมันทำให้พวกเขาได้บรรลุไปถึงระดับ a เลยทีเดียว
นอกจากนี้ ตู๋กังตอนแปลงเป็นร่างสัตว์อสูรนั้นมีพลังเทียบเท่ากับระดับ s ได้เลย และแม้จะเข้าใกล้ระดับ s ขั้นกลางจนเกือบถึงขั้นปลายภายใต้พรของไร้กังวลนั้น ผิวของเขาก็ยังคงหยาบและหนาซึ่งเหมาะแก่การต่อสู้และต้านทานได้เป็นอย่างดีจึงไม่ส่งผลอะไรในหลายๆเวลาที่ตงฟางเชาหยางระเบิดพลังออกมา
สำหรับหลินเฟิงแล้วอาจกล่าวได้ว่าเขานั้นเป็นผู้เผด็จการเพราะติดอาวุธตั้งแต่หัวจรดเท้า ภายใต้การสนับสนุนจากไร้กังวล แม้จะไม่ช่วยเพิ่มความได้เปรียบแต่เขาก็ไม่ได้พ่ายแพ้
หลินเฟิงกับพวกทนได้ แต่ซวนหยวนยู่หลงกลับไม่สามารถทนรับวัชระกำราบปีศาจของไร้เมตตาได้อีกแล้ว พระพุทธเจ้าเบื้องหลังพวกเขาดูเหมือนจะบ้าคลั่ง ท้ายที่สุดพวกเขาก็เลยระเบิดใส่ซวนหยวนยู่หลงจนกระเด็นออกไป
ในเวลาเดียวกัน หูของไร้กังวลก็ขยับราวกับว่าได้ยินบางอย่างและจากนั้นเขาก็กล่าวกับคนทั้งสี่: " ไปกันเถอะ มีกลุ่มคนด้านหลังพวกเขากำลังไล่ตามมา!"
เมื่อได้ยินเสียงของไร้กังวล หลินเฟิงก็สะบัดดาบออกแล้วเหวี่ยงฮวงฝูให้กระเด็นไปทางทิศใต้ ตู๋กังร้องคำรามแล้วเหวี่ยงหมัดขนาดใหญ่ในร่างสัตว์อสูรของเขาไปยังตงฟางเชาหยาง
นอกจากนั้นปาเต๋าก็เอาดาบปลายปืนแทงใส่ดาบใหญ่จนร่วงลงบนพื้น จากนั้นก็ควักใบมีดที่น่ากลัวออกมาอย่างรวดเร็วแล้วฟันใส่ซือหม่าอี้ชางจนทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน มันฉีกแบ่งพื้นดินออกแล้วฟันใส่ซือหม่าอี้ชางโดยทิ้งรอยเลือดขนาดใหญ่ไว้บนหน้าอกด้านซ้ายของเขา
พวกเขาทำมันอย่างเงียบเชียบ หลังจากที่พวกเขาฟันใส่ศัตรูของตัวเองก็รีบถอยร่นกลับไปทีละคนและบินจากไปยังที่ไกลๆพร้อมกับไร้กังวล
กว่าที่ซวนหยวนยู่หลงกับคนอื่นๆ จะรู้สึกตัว พวกเขาก็จากไปไกลและหายไปอย่างไร้ร่องรอยเรียบร้อยแล้ว
"บัดซบ!" ซือหม่าอี้ชางสบถออกมาพร้อมกับกุมบาดแผลไว้
"ไร้กังวลนั่นเป็นใครกัน? ข้ารู้แค่ว่าเป็นบทสวด แต่มันกลับสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับคนพวกนั้นได้เป็นอย่างมาก ถ้ารู้อย่างนี้ข้าคงจะฆ่าคนผู้นั้นไปนานแล้ว! " ซือหม่าอี้ชางเอ่ยอย่างมั่นใจมาก
"ไร้กังวลกับไร้เมตตาเป็นสาวกที่โดดเด่นที่สุดของชาวพุทธในยุคนี้ พวกเขาเป็นสองลูกศิษย์คนโปรดของนักบวชเถียนซิน ความสามารถของพวกเขาไม่สามารถคาดเดาได้และมีคาถาทางพุทธศาสนานับไม่ถ้วน จึงไม่ผิดหรอกหากว่าเราจะแพ้!" ฮวงฝูเทียนหนานเอ่ยขึ้นมา
"ถูกต้อง คนที่เป็นตัวปัญหามากที่สุดในคนกลุ่มนั้นก็คือไร้กังวล เขาทำเพียงแค่ท่องหลักธรรมะไม่กี่ข้อก็ทำให้พวกเราอับอายขายขี้หน้าแล้ว ถ้าเขาท่องมันอีกเมื่อไหร่ พวกเราคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกนั้นแน่!" ซวนหยวนยู่หลงกล่าว
เมื่อพวกเขาจากไปได้สักครู่คนกลุ่มใหญ่ที่ไล่ตามมาก็มาถึง คนกลุ่มนั้นก็คือคนตระกูลซือหม่าและซวนหยวนนั่นเอง แต่พอพวกนั้นมาถึง พวกเขาก็หายตัวไปแล้ว
ลึกเข้าไปในป่า พวกเขาวิ่งมาตลอดทาง ขณะที่กำลังวิ่งเขาก็มองไปที่นักบวชไร้กังวลที่สร้างความตกตะลึงให้แก่เขาเมื่อนึกใคร่ครวญถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ไร้กังวลเป็นคนหนึ่งที่ใช้ธรรมะให้พรแก่คนทั้งสี่ได้ในเวลาเดียวกัน อย่างหลินเฟิง แม้ว่าเขาจะทำแบบนี้ด้วยตัวเองไม่ได้แต่ก็เห็นได้ว่าความแข็งแกร่งของคนผู้นี้จะต้องน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
แม้ระดับขั้นของไร้กังวลจะไม่สูงมาก แต่เกรงว่าความแข็งแกร่งของเขาจะมีมากกว่าตระกูลทั้งสี่ในตอนนี้ซะอีก การเดินทางไปสถานที่ลึกลับในครั้งนี้ต่างก็เต็มไปด้วยพยัคฆ์และมังกรที่หลบซ่อนอยู่จริงๆ
"ใช่ พวกเขาไม่ได้ตามมา!" หลินเฟิงกับเพื่อนของเขามุ่งไปทิศตะวันออกมาตลอดทาง พวกเขาวิ่งมานานและหยุดลงเมื่อได้ยินคำพูดของไร้กังวล
"โอ้ย ข้าเหนื่อยชะมัด!" ตู๋กังนอนลงบนพื้นโดยไม่เอ่ยสิ่งใดเพราะเขาเหนื่อยจนหมดแรงแล้ว แม้หลังจากเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์อสูรแล้วจะทำให้เขาแข็งแกร่งมากและไม่รู้จักเจ็บปวดแต่พลังวิญญาณของเขาก็ถูกใช้ไปเยอะมาก
เกราะรบกับดาบวิญญาณระดับสูงของหลินเฟิงก็ถูกเก็บไปแล้ว เขาเอนพิงต้นไม้ใหญ่เพราะใช้พลังงานไปมาก อีกทั้งยังสูญเสียพลังไปกับการกระตุ้นเกราะรบกับดาบวิญญาณระดับสูงในปริมาณมาก
ถึงกระนั้น ไร้กังวลกับไร้เมตตาก็ไม่มีแม้แต่อาการหอบ หลินเฟิงไม่รู้ว่าพวกเขาทำมันได้อย่างไรทั้งๆที่ตู๋กังนั้นเปียกโชกไปด้วยเหงื่อและแทบจะหมดแรง หลินเฟิงรีบมอบหินวิญญาณระดับสูงที่อยู่ในแหวนเก็บวิญญาณให้ทุกคนในกลุ่มอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ดูดซับพลังวิญญาณเข้าไปในปริมาณมาก สีหน้าของแต่ละคนก็ดูดีขึ้นมาทันที
ในเวลานี้ก็มีลำแสงสีฟ้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในที่ไกลออกไป มันพุ่งเข้าไปในท้องฟ้าจนทะลุผ่านก้อนเมฆและตั้งอยู่ระหว่างสวรรค์กับโลก!
ลำแสงที่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลให้ทั้งสวรรค์และโลกสั่นสะเทือน ท้องฟ้าสั่นและโลกสะเทือนจนดูเหมือนว่าจะมีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ หลังจากนั้นสักพักมันก็สงบลง
เหลือเพียงลำแสงสีฟ้าที่ยังคงสว่างไสวและส่องประกายอยู่บนท้องฟ้า สร้างความตกตะลึงไปทั่วทั้งสี่ทิศ มีคนสี่คนที่รับรู้ได้ถึงเสียงเรียกที่ทรงพลัง
ที่ทิศตะวันตก คิ้วของหลินเฟิงส่องประกาย จากนั้นรูปพยัคฆ์ขาวก็เปล่งแสงสีขาวออกมา ดูเหมือนมันกำลังถูกบางสิ่งที่มีทิศทางมาจากลำแสงอัญเชิญออกมา
ที่ทิศตะวันออกก็ส่งผลต่อชายที่มีพลังแข็งแกร่งคนหนึ่งที่สวมชุดลายมังกรซึ่งครอบครองตราสีเขียว เขาขมวดคิ้วมองไปที่ลำแสงสูง
ที่ทิศใต้ หญิงที่สวมหน้ากากผู้หนึ่งมีตราสีแดงและจ้องมองไปยังลำแสงที่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผู้มีพลังมืดทั้งสามที่ทิศเหนือร่วมมือกันประคองตราเต่าดำที่อยู่ในมือของชายคนหนึ่งที่เขาก็รับรู้ได้ถึงแสงสีฟ้าในที่ไกลออกไป วัตถุสีดำในมือของเขากำลังถูกเรียกหาและสั่นไหว
จากนั้น คนจากทั้งสี่ทิศก็รีบพุ่งไปที่เสาแห่งแสงในเวลาเดียวกัน เหล่าคนในที่ลึกลับเมื่อได้เห็นเสาแห่งแสงขนาดใหญ่ก็รีบไปยังจุดที่เสาแห่งแสงนี้สถิตย์อยู่
เมื่อเหล่าผู้คนทั้งหมดมาถึง ก็มีเงาร่างหนึ่งที่เต็มไปด้วยพลังอันน่ากลัวและรายล้อมไปด้วยพลังวิญญาณยืนอยู่ข้างเสาแห่งแสงอยู่แล้ว รูปร่างและใบหน้าของมันไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
นอกจากเงาร่างนี้แล้ว ยังมีเงาขนาดใหญ่สี่ตนที่หมุนอยู่รอบตัวมัน ถ้าพวกเขามองเห็นได้ก็คงจะประหลาดใจเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ในถ้ำที่เต็มไปด้วยกองกระดูกก็มีคนกลุ่มหนึ่งรีบออกมา เมื่อพวกเขาเห็นเสาแห่งแสงสีฟ้านี้แล้ว พวกเขาต่างก็ตะโกนและหัวเราะออกมาอย่างตื่นเต้น
คนเหล่านี้แต่งกายด้วยชุดและหมวกสีดำ ถึงจะมองเห็นรูปร่างได้แต่ก็ไม่ใช่รูปร่างที่แท้จริง
หนึ่งในนั้นเป็นชายร่างสูงที่มีกลิ่นตัวเหม็นเน่า กำลังมองไปยังเสาแห่งแสงที่อยู่ไกล ๆ พร้อมกับกล่าวออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง : "ในที่สุดผนึกก็ถูกคลายออกแล้ว ไปกันเถอะ! ไปหาเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเรา ทำลายผนึกเพื่อการกลับมา และนำพวกเราไปสู่ชีวิตอันเป็นนิรันดร์... "
0 ความคิดเห็น