RC:บทที่ 311 คุณลุง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 311 คุณลุง


หลิน เฟิงพร้อมกับคนที่เหลือต่างเดินเข้าไป ผู้คนเห็นพวกเขาแต่ก็ไม่ได้นึกสนใจอะไร ยิ่งไปกว่านั้น พวกนี้ไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไรอีกด้วย จึงยิ่งไม่มีใครให้ความสนใจเข้าไปใหญ่


และเป็นเพราะว่าที่นี่จะมีผู้คนเข้ามานานๆครั้งเท่านั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลยไม่มีผลอะไร


ทั้งสามคนเดินเข้ามาที่นี่ก่อนที่จะหาที่นั่งรอได้ในไม่นาน


หลิน เฟิงสัมผัสได้ถึงพลังที่สะสมของผู้คนที่นี่ได้เล็กน้อย และเขาก็ได้รู้ว่าผู้คนส่วนใหญ่นั้นอยู่ในระดับ B ไม่ก็ระดับ A มีไม่กี่คนที่อยู่สูงกว่าระดับ A และก็มีไม่น้อยเหมือนกัน


เมื่อเริ่มรู้สึกเบื่อๆ หลิน เฟิงจึงล้มตัวลงนอนบนพื้นก่อนจะค่อยๆหลับตาลง พร้อมงีบ  ยิ่งไปกว่านั้น อีกตั้งสามหรือสี่ชั่วโมงกว่าที่โบราณสถานลับจะเปิดออก การที่จะรอทั้งคืนโดยที่ไม่นอนเลยคงเป็นเรื่องยาก


แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานแค่ไหน แล้วทันใดนั้นเอง หลิน เฟิงก็ได้ยินเสียงอื้ออึงดังมาจากฝูงชน บางคนก็กระซิบกระซาบ ส่วนบางคนก็ตะโกนลั่น


เมื่อหลิน เฟิงลืมตาขึ้นมา เขาก็เห็นคนหนุ่มสาวประมาณเจ็ดหรือแปดคนในชุดมังกรกำลังเดินเข้ามาตรงนี้อย่างช้าๆและนั่นก็ยิ่งทำให้ผู้คนฮือฮามากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก


“ดูนั่น ตระกูลหลงที่อยู่ในสิบอันดับแรกมากันแล้ว” บางคนก็พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ


เพียงแวบเดียว หลิน เฟิงก็ได้เห็นใบหน้าอันแสนคุ้นเคย นี่ไม่ใช่วันเดียวกับหลงเฉาเทียนหรอกหรือ


ฉับพลันนั้นเอง หลิน เฟิงได้ขอให้คนอีกสองคนนั่งซ่อนตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการพบเจอกับคนๆนี้ เพราะอีกฝั่งมีผู้คนเยอะแยะ ถ้าเกิดการต่อสู้ต้องแย่แน่


หลิน เฟิงคิดว่าเขาเองคงจะสงบใจได้สักพัก แต่เสียงที่มาจากข้างหลังเขาก็ยังคงอื้ออึงขึ้นเรื่อยๆ จากนั้น ตระกูลดังกล่าวก็ทยอยออกมากันเรื่อยๆซึ่งทำให้ผู้คนต่างหันมาสนใจมากขึ้นไปอีก


“ดูนั่นสิ คนจากตระกูลตงฟางก็มา” หลิน เฟิงเองคาดไม่ถึงว่าสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขาล้วนแต่เป็นศัตรูทั้งนั้น เมื่อเห็นดังนั้น เขาจึงค่อยๆปลีกตัวเข้าไปในมุมด้วยท่าทีแปลกๆมากขึ้นเรื่อยๆ


แม้ว่าหลิน เฟิงจะไม่ได้นึกกลัวคนพวกนั้น แต่อีกฝั่งยังมีผู้คนอยู่มากมาย อีกทั้งแต่ละตระกูลนั้นก็มีเจ็ดหรือแปดคนเลยทีเดียว รวมกันหลายๆครอบครัวก็มีมากกว่าสิบ และคนพวกนั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูกับเขาทั้งนั้น และถ้าจำหลิน เฟิงได้ขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะก็ เตรียมซวยได้เลย


“ดูโน่น คนจากตระกูลตงฟางกำลังมาแล้ว”


“ตระกูลฮวงฝูก็ด้วย”


“ดูสิ ตระกูลมู่หรงก็มา” ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงจึงเหลือบมองไปที่ตระกูลนั้นอย่างรวดเร็ว และก็เป็นไปตามที่คาดไว้ เขาเห็นใบหน้าอันแสนคุ้นเคยของตระกูลมู่หรง นั่นก็คือมู่หรง หลาน


แต่หลิน เฟิงก็ไม่ได้จะเข้าไปกล่าวทักทายหรอกนะ เพราะในเวลานี้คนหลายคนต่างให้ความสนใจกับตระกูลใหญ่นี้อยู่แล้ว ถ้าเขาโผล่ไปคงได้รับการเอาใจใส่ชุดใหญ่แน่


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ละตระกูลก็ทยอยปรากฏตัวกันออกมา 


ผ่านไปสองชั่วโมง ตระกูลใหญ่ๆมาถึงก่อนแล้ว จากตระกูลลำดับสิบที่สิบไปจนถึงลำดับที่แปด และจะมาอีกสองตระกูล ตระกูลหนึ่งคือตระกูลอู่หยางส่วนอีกตระกูลคือหนานกง 


หนึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อท้องฟ้าเริ่มมีแสงเรื่อเรือง ตระกูลอู่หยางก็มาถึงในที่สุด มีคนอยู่แปดคน ผู้ชายห้าคน ผู้หญิงสามคน ทุกคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหลิน เฟิง เพียงแต่พลังที่พวกเขามีนั้นไม่ใช่กระจอก


คนสองคนนั้นไม่สามารถมองหลิน เฟิงได้อย่างทะลุปรุโปร่ง หลิน เฟิงนั้นอยู่ระดับ A ขั้นสูงสุด ส่วนสองคนนั้นอยู่ในระดับ S อย่างเห็นได้ชัด


คนจากตระกูลอู่หยางปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเดินตรงเข้ามา โดยไม่สนใจสายตาที่ใครๆมองมา ทันใดนั้นเอง ชายคนที่เดินนำหน้านั่นดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างก่อนจะมองมาที่พวกเขา


ในตอนแรก หลิน เฟิงก็รู้สึกงุนงง แต่ทันใดนั้นเอง เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าพี่หวังคือสมาชิกนอกตระกูลจากตระกูลอู่หยาง


เมื่อเห็นหวัง ฮ่าวหมิง คนพวกนั้นก็ถึงกับตกใจสุดขีด ก่อนจะเดินมุ่งเข้ามา


“ในที่สุดก็เจอซักที” ในตอนนั้นเอง หวัง ฮ่าวหมิงก็ถอนหายใจออกมา


เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า หลิน เฟิงก็ชักสับสน สถานการณ์ตรงนี้มันอะไรกัน แล้วเจอที่ว่านั่นเจออะไร


คนทั้งแปดคนเดินตรงมาหาหวัง ฮ่าวหมิง ก่อนที่ทั้งหมดจะก้มหัวให้กับหวัง ฮ่าวหมิงพลางกล่าวขึ้น “คารวะคุณลุง”


“ลุง?” เมื่อเห็นแบบนั้น หลิน เฟิงและตู๋กังก็รู้สึกงงงวย ไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น มันดูจะเหลือเชื่อเหลือเกิน


คนพวกนี้มาที่นี่ในนามของตระกูลอู่หยาง พวกเขาล้วนเป็นมังกรและนกฟีนิกส์ สถานะและความสามารถล้วนไร้เทียมทาน ใครจะคิดล่ะว่าคนพวกนี้จะมาก้มหัวให้กับหวัง ฮ่าวหมิงแบบนี้


“เรียกฉันว่าไงนะ ลุงหรือ ฉันเป็นคนนอกตระกูลไปแล้วนะ” หวัง ฮ่าวหมิงจ้องไปที่พวกนั้นพลางหัวเราะ


“เกรงว่าคงไม่ได้ครับ คุณลุงก็คือคนในตระกูลของเรา เราจะกล้าทำอะไรผิดๆแบบนั้นได้อย่างไร” ชายคนที่อยู่ข้างหน้าว่าขึ้น


มองจากภายนอก หลิน เฟิงไม่รู้จะแสดงท่าทีอย่างไรไปชั่วขณะ แต่ละคนล้วนให้ความเคารพกับเขาทั้งนั้น ตามประสาผู้อ่อนวัยกว่าต้องเคารพผู้สูงวัยกว่า


“มานี่ เงยหน้าขึ้น พวกเธอทุกคนนั่นแหละ อย่าให้ฉันดูเป็นตัวตลกหน่อยเลยน่า” หวัง ฮ่าวหมิงรีบพูดขึ้นมา


“ครับ คุณลุง” จากนั้นทั้งแปดคนก็เงยหน้าขึ้น


ในตอนนี้ ชายคนดังกล่าวที่อยู่ตรงหน้าก็หันหน้ากลับไปก่อนจะไปเห็นหลิน เฟิงกับตู๋ กังที่อยู่ใกล้ๆ พลางกล่าวขึ้น “ คุณลุงครับ สองคนนี้เป็นใครกัน”


เมื่อเห็นว่าถาม หวัง ฮ่าวหมิงจึงตอบกลับไป “เพื่อนของลุงเอง หลิน เฟิง แล้วก็เพื่อนของเขาชื่อตู๋กัง” 


จากนั้นเขาจึงหันไปมองหลิน เฟิงก่อนจะกล่าวขึ้น “เสี่ยว เฟิง เด็กๆพวกนี้เป็นหลานชายของฉันเอง เดี๋ยวพอเข้าไปในนั้นแล้วก็ฝากดูแลพวกเขาทีนะ”


เมื่อได้ยินแบบนั้น หลิน เฟิงก็เหมือนจะกระอักเลือด พลางสงสัยว่าหวัง ฮ่าวหมิงกำลังเล่นตลกอะไรกับเขาหรือเปล่า


“นี่ เราต้องให้พวกเขามาดูแลด้วยหรือครับ” ในตอนนี้ คนที่เด็กที่สุดในบรรดาทั้งแปดคนว่าขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นปนดูถูก


นอกเหนือจากตัวเขาคนนี้ คนอื่นๆเองก็แสดงสายตาดูถูกไม่มากก็น้อย พวกเขาน่ะเป็นใคร อัจฉริยะแห่งตระกูลอู่หยางจากตระกูลทั้งสิบเลยเชียวนะ   พวกเขาจำเป็นที่จะต้องให้สองคนนี้ที่ดูโง่ๆมาดูแลพวกตนอย่างงั้นหรือ


ในขณะเดียวกันนั้นเอง ลมหายใจจากคนพวกนั้นก็ทำเอาหลิน เฟิงกับตู๋ กังอึดอัดเป็นอย่างมาก ราวกับกำลังสำรวจพละกำลังของหลิน เฟิงอยู่  ยกเว้นก็แต่ชายคนข้างหน้าที่ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาเลย


เมื่อคนพวกนั้นบางส่วนสัมผัสได้ว่านี่เป็นแค่พลังระดับ A เริ่มต้นกับระดับ A ขั้นสูงสุด พวกเขาก็ยิ่งแสดงท่าทีดูถูกออกมาอย่างชัดเจน เพราะความสามารถขั้นต่ำสุดของพวกเขาก็คือระดับ A ขั้นสูงสุด


“ฮึ่ม” ในตอนนี้ หลิน เฟิงก็ส่งเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอซึ่งทำเอาลมหายใจของคนพวกนั้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ รวมถึงจากตู๋กังก็ด้วย


ทั้งแปดคนถึงกับช็อค จนตอนนี้ พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจราวกับสัตว์ป่าที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น และนั่นก็เล่นเอาลมหายใจของคนหกหรือเจ็ดกระจัดกระจายออกไปในทันที


ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็ถึงกับตกใจมากที่ลมหายใจของพวกแตกกระสานซ่านเซ็นออกไปแบบนั้น พวกเขาสองคนถึงกับถอยไปสองก้าว พลันหน้าของพวกนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ท่าทีพร้อมลุย


“พอได้แล้ว” ในตอนนั้น หวัง ฮ่าวหมิงกับชายคนที่เดินนำหน้ามานั้นต่างพูดขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน


“นี่พวกเธอยังเห็นหัวลุงกันอยู่ไหม” หวัง ฮ่าวหมิงว่าขึ้นด้วยเสียงเรียบเย็น


“ขอโทษครับ คุณลุง พวกเรารู้ตัวแล้วว่าผิด อย่าโกรธไปเลยนะครับ” ชายคนที่เดินนำหน้ามากล่าวขึ้น จากนั้นเขาจึงเหลือบมองไปที่คนบางส่วนที่อยูข้างหลังตน จนพวกนั้นหยุดพูดลงในที่สุด


จากนั้นชายคนดังกล่าวจึงหันไปมองหลิน เฟิง ยื่นพลางมือออกมาก่อนจะพูดขึ้น “สวัสดี ฉันชื่ออู่หยาง หมิงลั่ว เป็นผู้นำของตระกูลอู่หยางในตอนนี้ ยินดีที่ได้พบคุณครับ หวังว่าเราจะได้ดูแลคุณในตอนที่เข้าไปนะครับ”


เมื่อหลิน เฟิงเห็นแบบนั้น เขาก็ปฏิเสธไม่ลง ก่อนจะว่าขึ้น “สวัสดีครับ ผมชื่อหลิน เฟิง”


หลิน เฟิงจึงยื่นมือออกมาก่อนจะจับมือของคนตรงหน้าเขย่า โดยที่ไม่พูดอะไร เพราะเห็นได้ชัดเลยว่าคนพวกนี้น่ะเกลียดเขาจะตาย ฉะนั้นหลิน เฟิงจึงไม่อยากยุ่ง


หลังจากที่ทักทายพอกันเป็นพิธี กลุ่มคนดังกล่าวก็วิ่งไปที่หาหวัง ฮ่าวหมิง ดันพวกเขาไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ก่อนจะชวนหวัง ฮ่าวหมิงคุยไปตลอด


“คุณลุงครับ คุณปู่คิดถึงคุณลุงมากเลย นี่คุณลุงไม่กลับบ้านไปหาท่านหลายปีแล้วนะครับ”


“ใช่ๆ นี่ถ้าเราสัมผัสไม่ได้ถึงปฏิกิริยาตอบกลับที่มีมาแต่เดิมของสายเลือดในตัวของคุณลุงล่ะก็ เราก็คงจำคุณลุงไม่ได้แน่ๆ”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น