RC:บทที่ 280 ปรมาจารย์เทียนซิน

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 280 ปรมาจารย์เทียนซิน 


 


การประมูลนั้นร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็เพราะว่า 10 อย่างที่มาทีหลังนั้น แต่ละอย่างล้วนก็เป็นสมบัติล้ำค่าทั้งนั้น เพราะงั้นเหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่ซ่อนตัวอยู่นานก็เริ่มบิดประมูลครั้งนี้ด้วย 


 


มีเพียงหลินเฟิงเท่านั้นที่ดูจะเงียบเอาซะมากๆในเวลานี้ เขากำลังคำนวนถึงหินวิญญาณที่ตัวเขาเองครอบครองไว้อยู่ เริ่มจากขายของได้มา 200,000 หินวิญญาณ ขายจิตวิญญาณไฟได้มาอีก 500,000 หินวิญญาณ ขายผลไม้วิญญาณได้ 500,000 หินวิญญาณ ขายเกราะสงครามได้ 300,000 หินวิญญาณ และขายนัยน์ตาปีศาจได้ 500,000 หินวิญญาณ รวมๆตอนนี้หลินเฟิงมีหินวิญญาณถึง 2 ล้านชิ้นแล้ว!


 


การที่ได้มาถึง 2 ล้านนั้น มันเป็นตัวเลขที่น่ากลัวมาก ต่อให้เป็นกองกำลังใหญ่ๆหรือตระกูลใหญ่ก็ยังต้องใช้เวลานานกว่าจะสะสมได้ขนาดนี้ หลินเฟิงใช้เวลาเพียง 2-3 วันเท่านั้นเพื่อให้ได้มันมา อัศจรรย์มากๆ!


 


“ด้วยหินวิญญาณมากขนาดนี้ ฉันต้องชิงเอาเกล็ดมังกรดำมาให้ได้!” หลินเฟิงพูด 


 


“ในตอนนี้ การประมูลของเราได้มาถึงชิ้นที่.. กันแล้ว และนั่นคือ ไม้เท้าทองคำแห่งเซ็น! ราคาเริ่มต้นที่ 300,000 หินวิญญาณ บิดครั้งละไม่ต่ำกว่า 10,000 หินวิญญาณ การประมูล...เริ่มได้!!”


 


สิ่งถัดมานั้นคือไม้เท้าแห่งเซ็น ที่ซึ่งเป็น 1 ในของวิเศษของพุทธศาสนา ตัวมันเองส่งประกายส่งทองวิบวับออกมาราวกับกำลังปลดปล่อยอำนาจสูงสุดอยู่เรื่อยๆ 


 


เพียงแค่เจ้าพนักงานนำเอาเจ้าสิ่งนี้มายังกลางเวที ภายใต้แสงสปอร์ตไลท์ ไม้เท้าแห่งเซ็นทองคำก็ยิ่งเปล่งประกายมากขึ้นกว่าเดิมอีก แสงสีทองนั้นกระจายไปทั่วทั้งเวทีจนคนด้านล่างนั้นเหมือนได้อาบไปด้วยแสงแห่งสัจธรรมนี้ พวกเขาเงียบและสงบลงไปในทันที 


 


“อามิตาพุทธ!”


 


ทันใดนั้น พระที่ดูเฉลียวฉลาดก็ลอยขึ้นมาจากที่นั่งจากบรรดาคนกว่าหมื่นคนที่อยู่รอบๆ เขานั่งไขว้ขาขณะที่ลอยอยู่ในอากาศ ร่างทั้งร่างเปล่งประกายไปด้วยแสงสีทองแห่งพุทธาซึ่งสะท้อนไปมากับไม้เท้าแห่งเซ็นที่อยู่กลางเวที จากนั้นเสียงบทสวดก็ดังขึ้นมาจากทุกทิศของโถงประมูล 


 


“นี่...เสียงบทสวดแห่งเซ็นนี่มีผลในการชำระล้างจิตใจงั้นเหรอ?”


 


“นี่เป็นโอกาสที่ดีเลย! รีบนั่งและฟังบทสวดเร็ว!”


 


ผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนั้น รับรู้ได้ทันทีว่าทั่วทั้งร่างและจิตใจของพวกเขาได้รับการชำระล้างแล้ว พวกเขานั้นทั้งตื่นเต้นและตระหนักได้ในทันทีจึงรีบนั่งลงเพื่อจะได้สดับรับฟังบทสวดแห่งเซนเช่นนี้ 


 


ภาพตรงหน้าสงบเสงี่ยมหากแต่ก็น่ากลัว ผู้คนนั้นนั่งลงไปกับพื้นราวกับเป็นเครื่องแกะสลักไม้ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น 


 


ภายในห้องส่วนตัวเอง หลินเฟิงก็รู้สึกได้ถึงความสบายและความสงบแบบสุดๆ


 


แต่เดิมแล้วนั้นความตื่นตระหนกและความกังวลมันกำลังครอบงำเขาอยู่ และในตอนนี้เขาได้กลับมาสงบเยือกเย็นอีกครั้ง รวมไปถึงทั่วทั้งร่างก็ได้รับการผ่อนคลายไปด้วย 


 


ถ้าหลินเฟิงคนเก่าคือคนที่ฉลาดแหลมคม ในตอนนี้เขาคือผู้สัญจรผ่านมาที่บรรจบทุกอย่างเข้าด้วยกัน ซึ่งนั่นทำให้ไม่มีใครรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของเขา 


 


บทสวดนี้ยาวนานถึง 3 นาที และเมื่อบทสวดนี้จบลง หลินเฟิงก็ลืมตาขึ้น และนั่นทำให้เขาพบว่ามู่หรงหลาน หวังฮ่าวหมิงและเติ้งเทียนฟูยังคงด่ำดิ่งอยู่ในห้วงลึกของบทสวดนี้อยู่


 


ไม่เพียงแค่พวกเขา แต่คนอื่นๆก็เช่นกัน รวมไปถึงพนักงานบทเวทีและเสี่ยวเก้อด้วย 


 


“หืม? มีใครตื่นขึ้นมาจากภายในห้องแล้วหรือ? ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก” พระชราจ้องมองไปยังห้องส่วนตัวของหลินเฟิง เขายิ้มและลูบเคราตัวเองช้าๆ 


 


เมื่อเวลาผ่านไป บางคนก็ค่อยๆตื่นขึ้นมาช้าๆ เช่น ชายหนุ่มหน้ากากมังกรเขียว มู่หรงหลาน และคนอื่นๆที่ตื่นตามๆกันมา 


 


“จงลืมตาตื่นขึ้นเถิด”


 


หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆ หลายๆคนยังคงไม่ตื่นขึ้นมา พระชราจึงโบกมือและปลุกพวกเขาด้วยเสียงที่สงบสุข ซึ่งนั่นทำให้เหล่าคนที่หลับไหลอยู่ค่อยๆตื่นตามมาอีกที


 


พวกคนที่ตื่นขึ้นมานั้น รับรู้ได้เลยว่าพลังวิญญาณในตัวพวกเขานั้นถูกชำระล้างโดยสมบูรณ์แล้ว มันจึงเหมือนว่าพวกเขาเองก็ได้เปลี่ยนไปทีละนิดๆ 


 


“ขอบพระคุณท่านปรมาจารย์มากๆเลย!”


 


“ท่านปรมาจารย์ ขอมากกว่านี้อีก!”


 


เหล่าคนที่ตื่นขึ้นมานั้นเข้าไปเอ่ยขอบคุณพระชรารูปนี้กันอย่างท่วมท้น 


 


“พวกท่านไม่จำเป็นต้องขอบคุณอาตมาหรอก เหล่าท่านผู้มีพระคุณทั้งหลาย นี่คือการสร้างสรรค์ของพวกท่านเอง ใครจะได้มากได้น้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับศักยภาพของตัวพวกท่านแต่ละคน!”


 


พระชราพูดและมองไปยังไม้เท้าแห่งเซน “ท่านผู้มีพระคุณ อาตมาต้องการไม้เท้าแห่งเซนนี้ ขอความกรุณาด้วย”


 


พระชราเอ่ยบอกและยื่นมือไปด้านหน้า จากนั้นไม้เท้าแห่งเซนก็ลอยเข้ามาในมือของเขาเองก่อนจะเปล่งเสียงบทสวดแห่งความสุขออกมา 


 


“แต่เดิมแล้วสิ่งนี้ก็เป็นของศาสนาพุทธมาโดยตลอด ดังนั้นอยู่กับพวกเราก็ล้วนแต่จะเป็นเพียงสิ่งของ อีกทั้งท่านปรมาจารย์เองก็ได้มอบการสร้างสรรค์ที่แสนเลิศล้ำให้แก่พวกเราแล้วด้วย หากใครซักคนต้องการที่จะชิงมันไปจากท่านปรมาจารย์ ฉันจะไปจัดการคนผู้นั้นให้เอง!” ชายผู้มีหนวดเคราเอ่ยขึ้นในทันที


 


“เห้ยๆ ไอ้หนวด พลังของนายมันถึงระดับ A ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?” ด้วยความประหลาดใจจากเพื่อนที่อยู่ข้างๆ ต้าฮั่น พวกเขาจึงถามขึ้นมา


 


“ฮ่าๆๆ ต้องขอบคุณการสร้างสรรค์ที่ท่านปรมาจารย์มอบให้เลย ฉันโชคดีที่ได้ข้ามขั้นพอดี! เพราะฉะนั้น หากใครก็ตามที่คิดจะเป็นปรปักษ์กับท่านปรมาจารย์ ก็คงต้องข้ามศพฉันไปก่อน!” ต้าฮั่นนั่นได้บรรลุขั้นแห่งการฝึกตนไปอีกขั้นแล้ว และตอนนี้เขารู้สึกอยากจะต่อสู้สุดๆ 


 


“ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น! ถึงแม้ว่าฉันจะยังไม่ข้ามขั้น แต่การรังสรรค์เมื่อครู่ที่ท่านปรมาจารย์ได้ชำระล้างจิตใจที่ชั่วร้ายของฉันไปและหลังจากที่ได้ผ่านการฝึกตนอย่างไม่มีข้อจำกัดมาแล้ว ใครก็ตามที่กล้าหือ หลังจากออกจากตลาดมืดนี้แล้ว ฉันจะสั่งสอนให้รู้ซึ้งถึงพลังของฉันเอง!”


 


“ฉันด้วย! ขอบคุณท่านปรมาจารย์มากๆที่ช่วยทำให้ฉันได้ก้าวขึ้นมาอีกขั้นหลังจากที่พยายามมานานเกือบ 10 ปี ท่านปรมาจารย์เปรียบเสมือนครอบครัวที่ 2 ของฉัน...”


 


“.....”


 


พักใหญ่ๆที่คนกว่า 1 ใน 3 ของหนึ่งหมื่นคนนั้นตะโกนก้องเพื่อพระชรารูปนี้ 


 


“ฮ่าๆๆ สงบไว้เถิด ท่านผู้มีพระคุณทั้งหลาย พวกท่านดูเหมือนจะได้รับหลายสิ่งหลายอย่างกันแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย!” พระชราพูดด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าของเขานั้นเปี่ยมไปด้วยเมตตาและสันติสุข 


 


“ชายชราคนนั้นเป็นใครน่ะ? ทำไมถึงมีผู้คนมากมายสนับสนุนเขาขนาดนั้น?” หลังจากที่ทุกคนตื่นขึ้นมา หลินเฟิงก็เอ่ยถามขึ้น 


 


“นั่นคือ 1 ในพระที่มีชื่อเสียงของศาสนาพุทธน่ะ ท่านปรมาจารย์เที่ยนซิน!” มู่หรงหลานมองไปยังพระชราก่อนจะเอ่ยขึ้น 


 


“ปรมาจารย์เที่ยนซิน? อ่า...ดูเหมือนฉันจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน โอ๊ะ ใช่แล้ว! พระสองรูปนั้นที่เป็นลูกศิษย์ คนหนึ่งชื่อไร้เมตตากับอีกคนชื่อไร้กังวล!” หลินเฟิงเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น 


 


“ใช่แล้ว พระหนุ่ม 2 รูปนั้นอยู่ภายใต้การสั่งสอนของเขา คนหนึ่งชื่อไร้กังวล ส่วนอีกคนชื่อไร้เมตตา นายรู้จักด้วยเหรอ?” มู่หรงหลานประหลาดใจ 


 


“ตอนอยู่ในทุ่งหินโบราณ...” หลินเฟิงเล่าถึงตอนที่เขาเปิดได้ประคำเศียรพระพุทธเจ้าโบราณภายในทุ่งหินนั้นให้มู่หรงหลานฟัง 


 


“นายเปิดได้ประคำเศียรพระพุทธเจ้าเหรอ? นายสามารถทำเงินมหาศาลได้เลยนะหากนายสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับศาสนาพุทธได้น่ะ!” มู่หรงหลานพูดออกมาด้วยความช็อก 


 


ศาสนาพุทธนั้นคือองค์การขนาดใหญ่ ที่ซึ่งแข็งแกร่งกว่า 10 ตระกูลลึกลับทั้งปวง แต่พวกเขานั้นไม่ได้ขวนขวายซึ่งทางโลก คนเหล่านี้สละแล้วซึ่งทุกสิ่งและผันตัวไปเป็นผู้ฝึกตนโดยไม่สนใจโลกแทน 


 


หลายๆคนต้องการที่จะสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีกับศาสนาพุทธ แต่ที่แห่งนี้กลับไม่มีประตูให้เข้าถึงแต่อย่างใด ไม่คาดคิดจริงๆว่าหลินเฟิงจะโชคดีขนาดนี้ที่เขาทำให้ศาสนาพุทธเป็นหนี้บุญคุณเขาได้ 


 


“เงินมหาศาลเหรอ? ไม่อ่ะ ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ” หลินเฟิงพูด 


 


“นายยังไม่เข้าใจ สิ่งที่นายได้มานั้นคือประคำเศียรพระพุทธเจ้าโบราณ ซึ่งมันจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่ออยู่คู่กับสายสิญจ์แห่งพระพุทธเจ้า เมื่อสองอย่างนี้รวมกันเป็นหนึ่ง มันสารมารถสยบได้ทั้งปีศาจยันเทพเจ้าเลย มันคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธศาสนา”


 


“เมื่อประคำแห่งพุทธาซึ่งสมบูรณ์แล้วได้อยู่บนคอของปรมาจารย์แห่งธรรม นายก็จะได้เห็นว่าธรรมของพุทธศาสนานั้นลึกซึ้งและมีค่าขนาดไหน ฉันไม่คิดว่านายจะได้มาซึ่งเกล็ดมังกรดำ แต่ในตอนนี้ ฉันเริ่มจะเชื่อแล้วว่าหากปรมาจารย์เที่ยนซินเริ่มเคลื่อนไหว บางทีนายอาจจะได้มันมาก็ได้!” มู่หรงหลานพูด 


 


“ทำไมล่ะนั่น? เขาเก่งเหรอ?” หลินเฟิงถามอีก 


 


“เขาคือคนที่แกร่งระดับ SS ไม่มีใครที่อยู่ในระดับ SS เช่นเดียวกับเขาสามารถอยู่รอดได้ถึง 3 กระบวนท่าของเขา! พวกเราเองก็ค่อนข้างสงสัยอยู่เหมือนกัน บางทีเขาอาจจะก้าวเข้าสู่ขั้น SSS แล้วก็ได้...”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น