RC:บทที่ 279 สงครามเมื่อ 30 ปีที่แล้ว
“สิ่งสุดท้ายก็คือเมล็ดพันธุ์แห่งจิตวิญญาณ! ฉันจะไม่พูดถึงสิ่งนี้อีกแล้ว เพราะว่านี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เจ้านี่ถูกประมูลในหอประมูลนี้ ฉันเหนื่อยที่จะอธิบายเหลือเกิน”
เสี่ยวเก้อถอยออกไป และปล่อยให้คน 10 คนที่เรียงแถวเรียบร้อยแล้วขึ้นมาบนเวที ซึ่งแต่ละคนก็ถือจานที่มีของประมูลต่างๆอยู่
“เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา การประมูลรอบที่ 21 จะเริ่ม ณ บัดนี้!” เมื่อเสี่ยวเก้อพูดจบ ผู้คนที่อยู่บริเวณด้านซ้ายของเวทีก็เดินไปยังกลางเวที เขาดึงผ้าคลุมสีแดงออก และเหล่าคนที่จ้องจะประมูลก็เป็นบ้ากันไปหมด
ระหว่างที่การประมูลกำลังดำเนินไปเรื่อย หลินเฟิงก็อยู่ภายในห้องส่วนตัว นั่นเพราะว่าเขากำลังหน้าแดงสุดๆจนต้องนั่งลงไปกับพื้น ในหัวของเขามันเหมือนจะระเบิดออกตลอดเวลาเลยจริงๆ
“มังกรดำ เงียบก่อน!” ในท้ายสุดหลินเฟิงก็เริ่มโกรธและโจมตีเจ้ามังกรดำกลับภายในช่องว่างระหว่างมิตินั้น
นอกจากนั้น เขายังสั่งให้มังกรแสง เสี่ยวเฮ่ยและต้นไม้ปีศาจภายในมิติสัตว์วิญญาณเข้าโจมตีมังกรดำอีกด้วย
ตอนนี้ภายในมิติของหลินเฟิงนั้นต่างก็วุ่นวายไปหมด เสียงของมังกรดำนั่นกู่ร้องและเกือบจะสลบไปแล้ว
พวกเขาต้องสยบมังกรดำให้ได้ ไม่งั้นพวกเขาจะเดือดร้อนแทน โชคดีที่หลังจากที่ต้นไม้ปีศาจได้ซึมซับต้นไม้ไม้แห่งพระเจ้าโบราณทองคำมา ความแข็งแกร่งของมันก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพียงแค่แส้สีทองสะบัดไปเพียงครั้งเดียว มันก็ผูกรัดร่างของมังกรดำไว้แน่นและทำให้มันขยับไปไหนไม่ได้เลย และการที่ให้สัตว์วิญญาณตัวอื่นเข้าโจมตีนี้ ก็เพื่อที่จะระงับความเกรี้ยวกราดของมังกรดำก่อน
มังกรดำที่โดนแส้ของต้นไม้ปีศาจมัดไว้แน่นแล้วพร้อมกับโดนสัตว์วิญญาณอีก 2 ตนเข้าโจมตีด้วย ในท้ายที่สุดสิ้นกำลังภายในมิติของหลินเฟิงนั้น จากนั้นดวงตาสีแดงก็ค่อยๆหายไป และสติของเขาก็ค่อยๆฟื้นกลับมาอีกครั้ง
“นายท่าน ข้าขอโทษ...แต่ได้โปรดช่วยข้านำมาซึ่งเกล็ดสีดำนั่นด้วย หากข้าได้เกล็ดของข้าคืนมา นายท่านสามารถปลุกเลือดที่หลับไหลในตัวของข้าได้ และพลัง 1 ใน 10 ของข้าก็จะกลับคืนมา!” เสียงของมังกรดำนั้นเบาบางลงไปมากๆ
“ไม่ต้องกังวล ฉันจะพยายามเอามันมาให้ได้เพื่อนายละกัน” หลินเฟิงพูด
“เกิดอะไรขึ้นกับนายน่ะ หลินเฟิง?” มู่หรงหลานเดินมาหาหลินเฟิงและถาม
ในตอนนี้ หลายๆคนเห็นแล้วว่าหน้าของหลินเฟิงนั้นแดงไปหมด แดงจนถึงหู นอกจากนั้นสีหน้าของเขายังหม่นหมองและเส้นเอ็นมันก็เกร็งจนเห็นได้ชัด ร่างทั้งร่างมันไม่ฟังคำสั่งจนพวกเขาที่มาเห็นก็ไม่รู้จะทำยังไงดี
โชคดีที่ท้ายสุดหลินเฟิงก็รอดมาได้และทุกๆอย่างก็กลับไปสู่ปกติ แต่มันก็ยังทำให้ทุกๆคนที่เห็นนั้นกังวลอยู่ดี
“ไม่เป็นไรๆ แค่ร่างกายมันไม่บาลานซ์ขึ้นมาซะดื้อๆเฉยๆน่ะ เอ้อ พี่หลาน เมื่อกี้เจ้าภาพพูดเกี่ยวกับสงครามล่ามังกรกับราชาทมิฬไว้ว่ายังไงนะ? เกิดอะไรขึ้นกับสงครามนั้น?” ถึงแม้ว่าหลินเฟิงจะเป็นบ้าไปครู่หนึ่งเพราะมังกรดำอาละวาดในห้วงมิติ แต่เขาก็ยังพอได้ยินเรื่องที่เสี่ยวเก้อพูดอยู่
“เสี่ยวเก้อพูดถึงสงครามล่ามังกรเมื่อ 30 ปีก่อน” มู่หรงหลานตอบ
“ช่วยอธิบายให้ฟังถึงรายละเอียดหน่อยได้มั้ย?” หลินเฟิงถามอย่างตื่นเต้น มือของเขานั้นจับแขนของมู่หรงหลานแบบไม่ได้ตั้งใจ มันสำคัญกับเขามากจริงๆ เพราะดูเหมือนว่าเรื่องนี้ จะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดกับมังกรดำได้
“อ๊ะ ขอโทษ!” หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็พบว่ามีบางอย่างผิดพลาด เพราะงั้นเขาจึงรีบชักมือออกมาอย่างรวดเร็ว
“ในสงครามเมื่อ 30 ปีก่อน ตอนนั้นมีมนุษย์ที่แข็งแกร่งระดับ SSS 5 คนและระดับ SS อีกโหลนึง พยายามห้อมล้อม 1 ใน 10 ราชาที่ยิ่งใหญ่แห่งสัตว์วิญญาณไว้อยู่ พวกเขาเป็นเพียงกลุ่มเดียว ที่ยืนหยัดสู้พลังที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 3 ของโลกสัตว์วิญญาณอย่างราชาทมิฬได้!” ถึงแม้ว่าบนใบหน้าของมู่หรงหลานนั้นจะแสดงออกถึงความใจเย็น แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลินเฟิงเองก็รู้สึกได้ว่าเธอกำลังหวาดกลัวอยู่
“ระดับ SSS 5 คน กับราชาทมิฬจาก 1 ใน 10 สัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก?” หลินเฟิงไม่เข้าใจพวกนี้ทั้งหมดเลย
“ใช่แล้ว มันคือการกระทำที่ต้องการที่จะกำจัดราชาทมิฬที่ซึ่งริเริ่มความคิดโดยตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ฉันไม่รู้ถึงรายละเอียดของเหตุผลในครั้งนี้หรอกนะ แต่ 5 คนที่ถูกส่งออกไปนั้นล้วนแต่แข็งแกร่งระดับ SSS ทั้งสิ้น แล้วไหนจะระดับ SS อีกกลุ่มนึงด้วย ท้ายสุดแล้วก็เหลือกลับมากันแค่ 8 คน 2 คนจากในนั้นเป็นคนที่แข็งแกร่งระดับ SSS และครึ่งหนึ่งของพวกเขาแข็งแกร่งในระดับ SS” มู่หรงหลานพูดออกมาแม้เธอกำลังรู้สึกสั่นคลอน
“หา? ระดับ SSS 3 คนกับ SS อีก 6 คนตายหมดเลยงั้นเหรอ?” ได้ยินข้อมูลที่น่ากลัวนี้หลินเฟิงก็กลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ก่อนจะพูด “1 ใน 10 ราชา ราชาทมิฬ ไอ้คำพวกนี้หมายความว่ายังไงน่ะ?”
“10 ราชา คือชื่อที่พวกเราใช้เรียก 10 สัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกใบนี้ เป็นสัตว์วิญญาณที่มีพลังในการกลืนฟ้าและทลายปฐพีได้ตลอดเวลา ราชาทมิฬคือ 1 ในนั้น และเราคาดการณ์ไว้ว่ามันน่าจะอยู่เป็นลำดับที่ 3! จริงๆแต่เดิมมันเคยถูกเรียกว่า ราชามังกรทมิฬ เมื่อในอดีต แต่พอการเวลาผ่านมาเราก็เลยย่อชื่อให้เรียกได้สั้นลงเป็น ราชาทมิฬ”
“ในท้ายที่สุด ราชาทมิฬถูกฆ่าลง และคนกว่าครึ่งที่ส่งไปต่างก็ตายกันถ้วนหน้า อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ราชาทมิฬตายไปแล้ว ชายผู้ที่แข็งแกร่งระดับ SSS ก็ปรากฏตัวขึ้นมาและชิงร่างของราชาทมิฬไปจากเหล่าผู้ที่แข็งแกร่งระดับ SSS 3 คนที่เหลือ”
“แต่สิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงก็คือ อีก 30 ปีต่อมา เกล็ดของราชาทมิฬก็กลับมาปรากฏอีกครั้ง ฉันไม่รู้ว่านี่เป็นของจริงหรือเปล่า แต่ถ้าใช่ และผู้ดำเนินการประมูลนั่นกล้าที่จะเอามันออกมา แสดงว่าพวกนี้ต้องมีความมั่นใจมากๆเลย!”
“เข้าใจแล้ว!” หลังจากที่ได้ฟังมู่หรงหลานอธิบาย หลินเฟิงก็เข้าใจ
แต่นี่ก็ยิ่งทำให้หลินเฟิงช็อกมากขึ้นไปอีก เพราะถึงแม้ว่าเจ้าสิ่งที่เรียกว่า ราชาทมิฬจะตายไปแล้ว แต่การที่มันสามารถกำจัดระดับ SSS ได้ถึง 2 คนรวมถึงแข็งแกร่งเทียบเท่าระดับ SS ทั่วๆไปก็นับว่าเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมื่อตอนเจ้าภาพงานนี้ถึงพูดแบบนั้น มังกรดำถึงได้คลั่งขึ้นมา ดูท่ามันจะเป็นอย่างที่ตำนานเล่าจริงๆ
“ถ้าเป็นอย่างที่พูด มังกรดำน่าจะเคยเป็นราชาทมิฬมาก่อนที่จะตาย เพราะงั้นเกล็ดนี่ก็คือของเขา ยังไงก็คงต้องเอามาคืนให้ได้” หลินเฟิงพูดขึ้นมาในใจ
“นายดูเหมือนจะสนใจเกล็ดนั่นไม่น้อยเลยนะ แต่ครั้งนี้นายคงต้องเจออุปสรรคหนักหน่อยแล้วล่ะ เพราะพวกคนจากตระกูลมังกรเองก็ต้องการที่จะได้มาซึ่งเกล็ดมังกรนี่เหมือนกัน!” มู่หรงหลานพูด
“ตระกูลมังกร?” หลินเฟิงชะงักไป เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนจากตระกูลมังกรถึงต้องการเกล็ดนี่
“ใช่ คนจากตระกูลมังกร นายเองก็น่าจะรู้ว่าตระกูลมังกรนั้นเป็นตระกูลที่ทรงพลังที่สุด และอยู่บนจุดสูงสุดท่ามกลาง 10 ตระกูลหลัก พวกเขามักจะเป็นผู้นำในทุกๆด้าน เพราะตัวตระกูลเองก็ครอบครองสัตว์วิญญาณจำพวกมังกรอยู่”
“เพราะงั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกนี้จะยอมปล่อยให้เกล็ดมังกรดำตกไปอยู่ในมือคนอื่น นี่คือเหตุผล ที่ทำไมตระกูลของฉันถึงไม่เลือกที่จะประมูลสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งเกล็ดนี่ เพราะงั้นนายเองก็ควรจะยอมแพ้ด้วย” มู่หรงหลานพูดเสริม
“ยอมแพ้? ไม่มีทางหรอกน่า!” หลินเฟิงพูดอย่างมั่นใจ
“ต่อให้นายได้มันไป มันก็ไร้ประโยชน์ เพราะนายไม่สามารถเก็บมันไว้กับนายได้ ฉันไม่กลัวที่จะบอกนายด้วยซ้ำว่าพวกตระกูลมังกรนั้นมีระดับความแข็งแกร่งถึง SS แถมพวกเขาเองยังมีมังกรหนุ่มคอยหนุนหลังด้วย คนๆนั้นก็คือชายหนุ่มที่สวมหน้ากากมังกรสีเขียวนั่นแหละ! เป้าหมายที่เขามานั่นก็เพื่อเกล็ดมังกรดำโดยเฉพาะเลย!” มู่หรงหลานพยายามเตือนหลินเฟิง
แต่กระนั้น เธอก็ไม่รู้ว่ามังกรดำที่อยู่ในมิติของหลินเฟิงนั้น ความทรงจำได้ตื่นขึ้นมาแล้ว และเขารู้ตัวดีในฐานะของราชาทมิฬ เขาสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า ในตอนนี้ เขานี่แหละที่เป็นราชาทมิฬ
“นายท่าน อย่าได้เกรงกลัวไป ตราบใดที่ข้าได้เกล็ดนั้นมา ข้าก็จะฟื้นคืนพลัง 1 ใน 10 ของข้าที่เคยมีในอดีตได้ เพราะงั้นมันจะไม่เป็นปัญหาถ้าต้องเจอกับพวกที่ระดับ SS!” เสียงของมังกรดำนั้นดังขึ้นในหัวของหลินเฟิง
“ดี งั้นมาลองกันซักตั้ง ไม่ว่าจะต้องประจัญหน้ากับมังกรหรือบุกถ้ำเสือ พวกเราก็ต้องทำมัน!” หลินเฟิงพูดกับมังกรดำ
กรร!
เหล่าสรรพสัตว์ภายในมิติของหลินเฟิงนั้นคำรามออกมาพร้อมกันจนทำให้ท้องฟ้าเกิดการสั่นสะเทือน
“ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน ฉันก็ต้องนำเกล็ดมังกรดำนี่มาให้ได้...”
0 ความคิดเห็น