RC:บทที่ 277 จิตวิญญาณที่ดับสูญ

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 277 จิตวิญญาณที่ดับสูญ


 


“500,000! พระเจ้า! นี่มันคนรวยสุดๆเลยนะ! ผลน้ำเต้านี่น่ะ แค่เกินแสนก็นับว่าสุดๆแล้ว นี่มันเกินแสนมาถึง 5 เท่าเลยนะ!”


 


“ถ้าจะแพงขนาดครึ่งล้านแบบนี้ล่ะก็ ใช้ทั้งชีวิตของฉันได้เลยนะ!”


 


“สมเป็นคนรวยจริงๆ พูดราคาห้าแสนได้เหมือนห้าสิบโดยไม่ลังเลเลย...” ผู้คนที่อยู่ด้านล่างต่างช็อกและอิจฉาเขาแบบสุดๆ 


 


“ฮ่าๆๆๆ ในเมื่อคุณลั่วมั่นใจว่าอยากจะได้ผลไม้นั้น เขาก็จะได้มันไป!” หลินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจากภายในห้องส่วนตัวที่ไม่ไกลจากพวกเขานั้น


 


“ฮึ่ม เช็คตัวตนของ 2 คนนั้นซิ!” ลั่วหยูเทียนหัวไปบอกชายที่อยู่ใกล้ๆ 


 


ตอนแรกนั้นลั่วหยูเทียนคิดว่าผลไม้นั่นน่าจะอยู่ราวๆ 300,000 อย่างมากที่สุด แต่เขาจำต้องยอมบิด 500,000 ก็เพราะ 2 คนนั้นเลย เพราะงั้นในตอนนี้ ภายในหัวใจของเขานั้นเริ่มโกรธขึ้นมาแล้ว


 


“ครับ!” เมื่อตอบรับแล้วชายที่อยู่ข้างๆเขาก็หายไป 


 


การประมูลรอบแรกนั้น สินค้าถูกปล่อยออกไปในราคา 500,000 หินวิญญาณ ที่ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในรอบทศวรรษ แต่เพราะอย่างงี้ นี่ไม่ใช่การประมูลรอบสุดท้าย มันดีแล้วที่มีของที่สามารถปั่นราคาได้ถึง 200,000 หินวิญญาณแบบนี้


 


“ยินดีด้วยกับแขกผู้มีเกียรติที่ได้รับผลไม้วิญญาณไปในราคา 500,000 หินวิญญาณ!” เสี่ยวเก้อประกาศให้ทุกคนได้รับรู้จากนั้นเธอก็ให้คนของเธอนำเจ้าสิ่งนี้ลงไป 


 


“เอาล่ะ ต่อไปจะเป็นของชิ้นที่ 2 นั่นคือ ก้นหอยลึกลับ! มันสามารถเป่าให้เกิดเสียงรบกวนได้! เปิดประมูลที่ 50,000 หินวิญญาณ และการบิดแต่ละครับต้องไม่ต่ำกว่า 1000 หินวิญญาณ การประมูล เริ่มได้!”


 


“55,000!”


 


“57,000!”


 


“...”


 


“ยินดีแก่แขกผู้มีเกียรติคนที่ 98 ด้วย! ท่านได้รับก้นหอยลึกลับในราคา 98000 หินวิญญาณ!”


 


“ชิ้นที่ 3 เป็นกำไลที่ดูงดงาม แต่มันไม่ใช่แค่เครื่องประดับเท่านั้น เพราะมันสามารถเก็บของต่างๆไว้ในช่องว่างมิติได้ โดยมีขนาดมิติ 5 ตารางเมตร! เริ่มต้นที่ 80,000 หินวิญญาณ และบิดเพิ่มครั้งละ 1,000 หินวิญญาณขั้นต่ำ! การประมูล...เริ่มได้!!”


 


“85,000!”


 


“88,000!”


 


“90,000!”


 


“...”


 


“ยินดีด้วย คุณ March 173 ได้รับกำไลแสนสวยไปในราคา 170,000 หินวิญญาณ! ท่านจะใช้เองก็ได้หรือจะนำไปให้คนรักของท่านก็ได้ และที่สำคัญ มันเป็นสมบัติที่หายากมากๆ!”


 


การประมูลนั้นยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่นอกจากผลไม้ที่หลินเฟิงนำไปประมูลเป็นชิ้นแรกแล้ว ของอื่นๆก็ดูทั่วๆไปหมด และเขาก็ไม่ได้ต้องการจะประมูลมันอยู่แล้ว 


 


ถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นของดี แต่ก็ไม่มีอะไรทำให้หลินเฟิงสนใจได้ มู่หรงหลานเองก็ใจเย็นยิ่งกว่า เธอดื่มชาและมองเหตุการณ์ตรงหน้าไปเรื่อยๆด้วย 


 


“พี่หลาน พี่คิดไว้หรือยังว่าจะประมูลอะไร?” หลังจากที่มองการประมูลด้านนอกนั้นอยู่นั้น หลินเฟิงก็เริ่มเบื่อมากขึ้นและหันไปถามมู่หรงหลาน


 


“จริงๆก็ไม่รู้หรอก โดยเฉพาะของประมูล 10 อย่างที่หอประมูลเก็บไว้นั้น ซึ่งพวกเขาเก็บมันไว้เพื่อเรียกแขกดังนั้นมันจะไม่ถูกเปิดเผยออกมาเลย เพราะงั้นอาจจะไม่มีคนมาเยอะขนาดนี้ก็ได้” มู่หรงหลานตอบ 


 


“พี่หลาน ถ้านี่ยังไม่มีอะไรถูกใจแล้วพี่เล็งอะไรไว้ล่ะ?” หลินเฟิงถามด้วยความตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็น มู่หรงหลานบอกว่าเธอต้องการประมูลของบางอย่าง แต่ตั้งแต่เริ่มการประมูลมาเธอไม่ได้ให้ความใส่ใจเลย?


 


“ถึงผู้นำการประมูลจะไม่ได้บอกว่าพวกเขาเก็บอะไรไว้ประมูลในช่วงท้าย แต่ตระกูลของฉันก็รู้อะไรมาบางอย่าง เพราะงั้นนายน่าจะเข้าใจนะ?” มู่หรงหลานพูดพร้อมยิ้มให้


 


ความหมายของมันก็คือ ตระกูลของเธอมีสายลับอยู่ภายในหอประมูลแห่งนี้ 


 


“โอ้ เข้าใจแล้ว แล้วพี่รู้อะไรมาบ้างล่ะ? บอกฉันหน่อยสิ!” หลินเฟิงไปหามู่หรงหลานและพูด 


 


“ฉันบอกนายได้นะ แต่ถ้าฉันมีหินวิญญาณไม่พอ นายต้องให้ฉันยืมนะ!”


 


“ของมันแน่นอนอยู่แล้ว เล่าให้ฟังหน่อย!” หลินเฟิงนั้นดูรีบร้อนมากๆเลย 


 


“ฉันเองก็ไม่รู้ของทั้ง 10 อย่างทั้งหมดหรอก แต่รู้ถึง 3 อย่างสุดท้าย!” มู่หรงหลานพูด 


 


“3 อย่างสุดท้ายเหรอ? มันคืออะไรน่ะ?”


 


“อย่างแรกคือโทเคนลึกลับที่ซึ่งบอกๆกันมาว่าคือโทเคนที่เอาไว้ใช้เปิดมิติโบราณ อย่างที่สองคือเกล็ดมังกรดำ ที่แข็งและคมมากๆ ส่วนอย่างที่ 3 คือสิ่งที่ฉันเล็งเอาไว้ มันคือจิตวิญญาณที่ดับสูญ” มู่หรงหลานอธิบายให้หลินเฟิงฟังสองต่อสอง 


 


“เหรียญลึกลับ? เกล็ดมังกรดำ? จิตวิญญาณที่ดับสูญ?” ได้ยินดังนั้นหลินเฟิงก็ทวนชื่อของมันอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็พูด “2 อย่างแรกพอจะเข้าใจได้ แต่อย่างสุดท้ายมันคืออะไรน่ะ? จิตวิญญาณที่ดับสูญนั่น”


 


“มันคือจิตวิญญาณที่ไม่สามารถใช้งานได้แล้ว นายรู้หรือเปล่าว่าทำไมพลังปราณในโลกนี้ถึงค่อยๆเบาบางลงเรื่อยๆ?” มู่หรงหลานไม่ได้ตอบคำถามตรงๆแต่เธอกลับเป็นฝ่ายถามเสียเอง 


 


“อืม ไม่รู้หรอก” หลินเฟิงตอบแบบกระอั่กกระอ่วม


 


“เหตุผลก็คือต้นกำเนิดของพลังปราณเหล่านั้นถูกทำลายไปแล้ว เพราะงั้นมันจึงไม่สามารถสร้างพลังปราณเพิ่มได้อีก และด้วยการที่เรายังคงใช้มันอย่างต่อเนื่อง พลังปราณจึงค่อยๆลดลงมาเรื่อยๆ บางทีในอีก 2-300 ปีข้างหน้า พลังปราณของโลกใบนี้ คงจะหมดเกลี้ยงเลยก็ได้ แม้แต่สัตว์วิญญาณเองก็จะไม่สามารถดูดกลืนมันได้!”


 


“แล้วจิตวิญญาณที่ดับสูญนี่มันทำอะไรได้งั้นเหรอ?” หลินเฟิงถามต่อด้วยความไม่เข้าใจ 


 


“จริงๆแล้ว เมล็ดพันธุ์แห่งจิตวิญญาณคือผลลัพธ์จากการที่ต้นกำเนิดพลังปราณถูกทำลาย หากจะพูดก็คือ เมล็ดพันธุ์แห่งจิตวิญญาณนี้คือเมล็ดพันธุ์ที่มีพลังปราณมากพอที่จะทำให้คนๆหนึ่งมีพลังระดับ SSS ได้ในเวลาอันสั้นเลย! และมันจะทำให้คนอื่นๆเกรงกลัวได้!”


 


“หา? ไอ้เจ้าเมล็ดพันธุ์แห่งจิตวิญญาณนี่สามารถทำให้คนๆนึงอยู่ในระดับ SSS ได้ในเวลาอันสั้นเลยงั้นเหรอ!?” ได้ยินดังนั้น หลินเฟิงก็ตกใจมากๆ


 


“ใช่แล้ว! แต่จิตวิญญาณแห่งการดับสูญนี้ก็ไม่ใช่จิตวิญญาณที่สมบูรณ์ และเพราะมันดับสูญไปแล้ว มันมีค่าแค่กับการวิจัยและไร้ผลลัพธ์ใดๆทั้งสิ้น! แต่นี่น่ะ เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่มีอะไรแบบนี้มาอยู่ในการประมูล ณ ที่แห่งนี้!” มู่หรงหลานพูด 


 


“พี่หมายถึง ไอ้สิ่งที่ตามหาอยู่นี่น่ะ ถูกเปลี่ยนมือมาแล้ว 2 ครั้งงั้นเหรอ?”


 


“ใช่ ในตอนแรก มันถูกปล่อยต่อในราคา 8 ล้านหินวิญญาณ และในครั้งที่ 2 มันก็ถูกประมูลในราคากว่า 4 ล้านหินวิญญาณ ส่วนครั้งนี้ ฉันคิดว่ามันน่าจะราวๆ 1-2 ล้านหินวิญญาณ” เธอกล่าว 


 


“ทำไมดูเหมือนว่าราคามันจะลดลงมาล่ะ?” หลินเฟิงสงสัย


 


“นั่นก็เพราะว่าของชิ้นนี้น่ะมันถูกศึกษาอย่างถ่องแท้มาจากคน 2 คนที่ซื้อไปก่อนหน้าแล้ว การที่พวกเขาจะนำมันมาประมูลอีกรอบนั่นก็แสดงว่ามันไม่มีอะไรจะให้ศึกษาหรือสำรวจแล้ว ดังนั้นมูลค่าของมันก็จะลดลงไปอีก”


 


พอพูดไปแบบนี้ หลินเฟิงก็เข้าใจได้ในทันที 


 


“งั้นในเมื่อมันโดนคนอื่นศึกษาไปจนหมดแล้ว ตระกูลพี่จะเอามันไปทำอะไรอีกล่ะ?” หลินเฟิงถามด้วยความสนอกสนใจ 


 


“แน่นอนว่าต้องศึกษามันแหละ ตอนนี้เทคโนโลยีนั้นพัฒนาไปมากแล้ว บางทีตระกูลเราอาจจะฟื้นฟูมันได้ล่ะมั้ง? ถ้าเป็นแบบนั้นได้จริง ตระกูลของเราก็จะมีคนที่แข็งแกร่งระดับ SSS เพิ่มมาอีก 1 คนแล้ว!” มู่หรงหลานพูด 


 


“อ่า...” หลินเฟิงพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง ทั้งๆที่ไม่มีใครคิดจะยุ่งกับมันแล้วแท้ๆ ทำไมเธอยังดูมันอกมั่นใจขนาดนี้น้า


 


“ตอนนี้ ถึงเวลาของ ของประมูลลำดับที่ 13! นั่นคือ เกราะสงครามระดับสูง!” การประมูลนั้นดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว และในตอนนี้ ของประมูลลำดับที่ 13 นั้นก็คือเกราะของหลินเฟิงนั่นเอง เกราะสงครามที่ล้ำหน้าสุดๆ 


 


“เกราะชิ้นนี้มีคุณสมบัติที่แข็งแกร่งของการป้องการและการเพิ่มพลัง มันสามารถต้านการโจมตีจากความแข็งแกร่งระดับ S ทั่วๆไปได้โดยที่ไม่มีความเสียหายใดๆทั้งสิ้น ในตอนนี้ฉันจะเป็นคนทดสอบเกราะนี่เอง ดังนั้นขอผู้ที่มีความแข็งแกร่งระดับ S ช่วยมาทดสอบเจ้าสิ่งนี้ด้วย!” เสี่ยวเก้ออัดพลังปราณลงไปในเกราะนั้น 


 


ในทันทีที่เกราะนั้นแยกส่วนเป็นชิ้นเล็กๆและลอยเข้าไปประกบบนตัวของเสี่ยวเก้อ เพียงพริบตาเดียวมันก็กลายเป็นเกราะที่สวมอยู่บนตัวเธอไปแล้ว 


 


เมื่อผู้คนได้เห็นการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจนี้ พวกเขาก็พากันอึ้ง โดยทั่วไปแล้ว ไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งระดับไหน หรือมันจะสวมได้เหมือนเสื้อผ้า แต่การที่เกราะแยกชิ้นส่วนและไปประกอบกันด้วยตัวเองได้นั้น คือสิ่งที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน 


 


ในตอนนั้น คนที่มีความแข็งแกร่งระดับ S ก็ได้เข้ามายังส่วนกลาง เขาเป็นชายที่ร่างกายแข็งแรงที่ซึ่งเข้าซัดเสี่ยวเก้อโดยที่ไม่พูดอะไรทั้งนั้น! 


 


ปัง! 


 


เพียงหมัดเดียว ร่างของเสี่ยวเก้อก็กระเด็นลอยออกไปเลย!


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น