RC:บทที่ 275 ลั่วหยูเทียน

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 275 ลั่วหยูเทียน


 


ชายชรามองไปยังเกราะของหลินเฟิง เมื่อดูอย่างรอบคอบแล้วจึงหยิบขึ้นมาจากมืออีกฝ่ายเพื่อสัมผัสถึงวัสดุที่ใช้ในการทำเกราะชิ้นนี้ วัสดุและแสงที่ดูประหลาดตานี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นไปหมด 


 


เพียงแค่ได้มองเกราะที่เป็นสีม่วงแดงนี้ มันก็รู้สึกเหมือนถูกครอบงำได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น รวดลายลึกลับด้านบน และแสงสีแดงที่สาดส่องนั้นทิ่มแทงตาทุกคนไปทั่ว 


 


เขาอัดพลังปราณลงไปด้านใน และทันใดนั้นเกราะนี่ก็สั่นขึ้นมาจากนั้นเกราะที่ดูไม่มีอะไรนี้ก็กระจายออกเป็นชิ้นๆและลอยไปยังผู้อาวุโสท่านนี้ 


 


เพียงชั่วพริบตา เกราะพวกนั้นก็ค่อยๆเข้าไปประกบบนร่างกายของผู้อาวุโสแล้ว เมื่อพวกมันอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม พวกมันก็เริ่มประกบกันใหม่เป็นชุดเกราะอีกครั้ง ตัวชายชราเองนั้นรู้สึกเหมือนสวมเสื้อผ้าสบายๆอยู่เลย ทั้งๆที่มันเป็นเกราะหนักแท้ๆ


 


“นี่มันเหลือเชื่อมากๆเลย! แขกของฉัน! ฉันขอเดาก่อนเลยว่านายไปเปลี่ยนหน้ากากกับเสื้อมาใช่มั้ย? พวกเรานั้นเคยมีเกราะแนวๆนี้อยู่ 3 ชิ้นที่ซึ่งเคยเปิดประมูลกันมา และถึงแม้มันจะไม่ดีเท่าชิ้นนี้ แต่ฉันเชื่อว่ามันต้องเป็นฝีมือนายแน่ๆ ใช่หรือเปล่า?” ชายชราพูด 


 


“อ่า ใช่แล้ว ที่ทำนี่ก็เพื่อปกปิดตัวตนนั่นแหละ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนหน้ากากกับเปลี่ยนชุดนะ แต่ยังต้องซ่อนลมปราณด้วย!” หลินเฟิงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซ่อนอะไรอีกแล้ว ยังไงซะอีกฝ่ายก็เดาถูกอยู่ดี


 


“เป็นของๆนายจริงๆด้วย! เกราะนี่สามารถนำมาประมูลได้ เอาอีกชิ้นมาเลย!” จากนั้นหลินเฟิงก็นำนัยน์ตารัตติกาลขึ้นมา 


 


แต่ในตอนนั้น นัยน์ตารัตติกาลนั้นไม่ได้ดำเหมือนแต่ก่อนแล้ว นั่นก็เพราะว่าดวงตานั้นหลับอยู่ ราวกับเป็นสิ่งที่ตายไปแล้ว 


 


“นี่มัน...นัยน์ตารัตติกาลที่อยู่ในทุ่งหินโบราณนี่?” เมื่อชายชราเห็นเจ้าสิ่งนี้ เขาก็ช็อกไปเลย 


 


ในขณะเดียวกัน หลินเฟิงเองก็ช็อกยิ่งกว่า เพราะเขาไม่คิดเลยว่าชายชราจะรู้ถึงเรื่องนี้ด้วย ช่างฉลาดเสียจริง ดังนั้นแล้วคงไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย


 


“ฮ่าๆๆ ไม่ต้องตกใจ แขกของฉัน นั่นเพราะว่า ทุ่งหินโบราณกับหอประมูลของพวกเรานั้นทำงานร่วมกันอยู่แล้ว แน่นอนว่าพวกเรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างตั้งแต่ต้นแล้ว!” ชายชราพูด 


 


“งั้นเหรอ ถ้างั้นฉันเข้าไปในหอประมูลก่อนเลยละกันนะ” หลินเฟิงโล่งใจและเดินจากไป 


 


“ช่างเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ ทำให้ตลาดมืดแห่งนี้ครึกครื้นขึ้นมาได้ไม่น้อยเลยนะ” หลังจากที่หลินเฟิงไปแล้ว ชายชราก็มองไปยังเขาพร้อมกับพูดเสียงเบาด้วย


 


ไม่นานนัก เวลา 1 ชั่วโมงก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในตอนนี้ ภายในหอประมูลก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมายเสียแล้ว ที่ชั้น 1 นั้นทุกที่นั่งเต็มไปหมด หลินเฟิงและพรรคพวกของเขานั้นอยู่ที่ชั้น 2 มองไปยังกลุ่มคนที่หนาแน่นด้านล่าง จากการคาดการณ์ที่ด้านล่างน่าจะรองรับคนได้เต็มจำนวนแล้ว 


 


“มนต์ขลังของหอประมูลนี่มันรุนแรงจริงๆแฮะ คนกว่า 1 หมื่นคนมารวมตัวกันที่นี่เพื่อประมูลของ 30 ชิ้นกัน นั่นหมายถึงเกือบจะ 99% ของคนเหล่านี้ก็มาเพื่อดูอย่างเดียวงั้นเหรอ?” หลินเฟิงพูด 


 


“ก็ไม่ใช่ซะทั้งหมดหรอก ที่หอประมูลนี้น่ะยังมีอีกหลายอย่างให้ทำ อย่างของที่โดนคัดออกก่อนการประมูลนั่นน่ะพวกมันไม่ได้ถูกตีกลับในทันทีหรอกนะ หลังจากที่การประมูลจบลงแล้ว ของพวกนี้จะสามารถนำมาขายได และคนเหล่านี้ก็จะรอซื้อของพวกนั้นเหมือนกัน” มู่หรงหลายอธิบาย 


 


“โอ้! เข้าใจแล้ว!”


 


“ยังไงก็เถอะ หลินเฟิง นายเอาอะไรไปประมูลน่ะ?” มู่หรงหลานถาม


 


“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ของทั่วๆไป เดี๋ยวเธอก็รู้แล้ว!” หลินเฟิงยิ้มแบบมีเลศนัยให้เธอ 


 


และเมื่อหลินเฟิงพูดจบ เสียงกระดิ่งเริ่มการประมูลก็ดังขึ้น 


 


“เงียบก่อน เงียบก่อน! ตอนนี้การประมูลกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ช่วยกลับไปยังที่ของทุกท่านอย่างรวดเร็วด้วย ผู้ขายของพวกเราจะเตรียมของชิ้นแรกสำหรับการประมูลกันแล้ว!” เสียงที่ดังขึ้นมาภายในหอประมูลนั้นทำให้ทุกๆคนหยุดและนั่งลงไปในทันที


 


จากนั้นหลินเฟิงก็เห็นหญิงสาวในชุดสีขาวสะอาดเดินเข้ามาท่ามกลางโถงของหอประมูลนี้ และแสงจากสปอร์ตไลท์ก็รวมและส่องไปยังเธอ 


 


“สวัสดีท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน! ฉันคือ เสี่ยวเก้อ เป็นเจ้าภาพในการประมูลครั้งนี้ ยินดีต้อนรับเข้าสู่การประมูลของพวกเรา! เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราจะมาเริ่มการประมูลของชิ้นแรกกันเลย!”


 


เสี่ยวเก้อพูดและโบกมือไปยังด้านหลัง ทันใดนั้นเหล่าคนใช้ก็โผล่ขึ้นมาพร้อมกับจานทรงกลมขนาดใหญ่ ซึ่งนั่นถูกคลุมไว้ด้วยผ้าคลุมสีแดง 


 


“ผลไม้ที่เราจะนำมาประมูลในครั้งนี้...ผลไม้! ” เสี่ยวเก้อพูดขณะที่เปิดผ้าคลุมสีแดงนั้นออกมาอย่างรวดเร็ว ภายในนั้นเป็นผลไม้สีเหลืองที่ซึ่งดูสว่างไสวและส่งกลิ่นหอมรัญจวนออกมา 


 


“หา? ผลไม้เหรอ? ทำไมผลไม้ธรรมดาถึงถูกเอามาประมูลได้? นี่มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ!”


 


“ใช่แล้ว ผลไม้นี่ดูไม่ได้พิเศษพิโสอะไรเลย ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ?”


 


“...”


 


เมื่อบางคนได้เห็นว่ามันคือผลไม้ที่ซึ่งดูไม่ได้มีอะไรพิเศษ พวกเขาต่างก็ตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ 


 


นั่นก็เพราะว่าหลายๆคนในนั้นมีสิ่งที่คิดว่าดีกว่านี้ แต่พวกเขากลับไม่สามารถนำมาประมูลได้ ซึ่งพวกเขาทำได้แค่รอไว้แลกเปลี่ยนมันกับหินวิญญาณเท่านั้น


 


ความห่างระหว่างทั้งสองนั้นมีมากนัก เพราะถ้าของที่เตรียมมานั้นสามารถนำมาประมูลได้ มูลค่าของมันก็จะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ หากคุณอยากได้ราคา 10000 หินวิญญาณ การปั่นราคาของคนภายในนั้นมันจะทำให้ราคาสูงขึ้นกว่าปกติอีกหลายเท่า และขึ้นเร็วราวกับติดจรวดเลย


 


เพราะงั้นเมื่อผู้คนเห็นว่าผลไม้นั้นไม่ได้มีอะไรพิเศษ พวกเขาจึงเริ่มบ่นกัน


 


“อย่าเพิ่งใจร้อนไปทุกๆท่าน มันมีเหตุผล ที่เราเลือกผลไม้ชิ้นนี้ขึ้นมาประมูลเป็นอย่างแรก!”


 


เสี่ยวเก้อรีบส่งสัญญาณให้ทั้งห้องโถงอยู่ในความสงบ เธอยื่นมือออกไปและทำท่าทำทางในความว่างเปล่า และทันใดนั้นคนกว่า 1 หมื่นคนก็เงียบลงไปในทันที 


 


เห็นดังนั้นหลินเฟิงก็ชื่นชมเด็กสาวคนนี้ที่สามารถสยบพายุใหญ่อย่างเสียงวิพากย์วิจารณ์เมื่อครู่และทำให้สถานการณ์สงบลงได้ นี่มันเป็นอะไรที่เยี่ยมยอดมากๆเลย


 


“เอาล่ะ ฉันจะแนะนำเจ้าผลไม้นี่ให้แก่ทุกท่านได้รู้จัก ถึงแม้ว่ารูปร่างนั้นจะไม่ต่างอะไรกับผลไม้ทั่วๆไป แต่กระนั้นแล้วความสามารถของมันนั้นต่างออกไปมาก ผลไม้นี่สามารถเพิ่มขีดความสามารถของพลังได้...” เสียวเก้อพูด และน้ำเสียงของเธอก็ค่อยๆช้าลงและยืดยาวขึ้น 


 


“หา? ผลไม้วิญญาณนั่นสามารถเพิ่มขีดความสามารถของพลังได้งั้นเหรอ? จะเป็นไปได้ยังไงน่ะ? ขีดจำกัดความสามารถนั่นไม่ใช่ว่าธรรมชาติเป็นผู้กำหนดเหรอ?” คนๆหนึ่งพูด


 


“ใช่แล้ว เพราะงั้นพลังมันจะเพิ่มขึ้นได้จริงๆเหรอ? แล้วเพิ่มขึ้นขนาดไหนน่ะ?”


 


“ถ้าเกิดเจ้านี่มันเพิ่มพลังได้จริงๆ จะเป็นไปได้ไหมที่ฉันจะเอามันกลับไปให้ครอบครัว?” ทันใดนั้นมันก็มีสายฟ้าฟาดลงมาท่ามกลางฝูงชน ชายคนหนึ่งยืนขึ้นอย่างตื่นเต้นและพูดขึ้นมา


 


เสียงของชายคนนี้ดังมากๆ แต่พลังของเขานั้นค่อนข้างอ่อนแอ ความแข็งแกร่งของเขาแตะอยู่ที่ระดับ B- เท่านั้น ภายในหอประมูลขนาดใหญ่นี้ เขาเหมือนคนที่ตามหลังคนอื่นอยู่ตลอด และดูเหมือนว่าจะมีคนมากมายที่รู้จักเขา 


 


ไม่เพียงเท่านั้น หลินเฟิงก็รู้สึกได้ถึงพลังปราณมากมายที่ปกคลุมรอบๆชายคนนั้น พลังเหล่านั้นอย่างน้อยๆก็อยู่ในระดับ S เลย ช่างเป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ 


 


“นั่นคือ ลั่วหยูเทียน ไม่คิดเลยว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ด้วย!”


 


“ใช่ๆ ดูเหมือนหลายๆคนที่ดังๆเองก็จะมาที่นี่ด้วยเหมือนกัน!”


 


“ลั่วหยูเทียนนั้นค่อนข้างทรงพลังเลย แต่ก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะอยากกลับเข้าตระกูลด้วย...”


 


พวกกลุ่มคนคุยกันถึงเรื่องการสืบทอดมรดกที่ซึ่งทำให้หลินเฟิงเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา “ลั่วหยูเทียนเป็นใครกันเหรอ?”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น