RC:บทที่ 208 ฝ่าวงล้อม

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 208 ฝ่าวงล้อม


เพราะต้นไม้ประหลาดนี้เล่นงานได้ยาก อีกทั้งความเร็วของมันก็น่ากลัวสุดขีด หลิน เฟิงเข้าใจอย่างลึกซึ้งมาก่อนแล้ว ด้วยเหตุนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าน่าจะเล่นกลอะไรสนุกๆสักหน่อย และสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ บางคนก็ไม่สามารถแตะต้องมันได้ ฝ่ามือบางคนถูกแทงทะลุ ไหล่บางคนเองก็ถูกแทงเช่นกัน รวมถึงหนึ่งในผู้มีพลังระดับ B ขั้นกลางที่ถูกแทงทะลุผ่านคิ้วเลย


“ได้ไงกัน เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง” คนพวกนั้นถึงกับอึ้ง ช่วงเวลาต่อมาก็เริ่มมีคนเสียชีวิต สี่หรือห้าคนได้รับบาดเจ็บ


“ระวังครับ นายน้อย” ในตอนนั้นเอง หวู่เย่วเป็นคนแรกที่เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ 


เมื่อเขามองไปที่หลิน เฟิง ดวงตาก็จับจ้องไปที่เขาอย่างไม่วางตา


ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงก็เข้ามาถึงที่ที่จ้าว หลงยืนอยู่ในที่สุด มือข้างหนึ่งถือกริชอาบเลือดไว้ด้วยท่าทางที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง


 ส่วนมืออีกข้างนั้นกลายเป็นกำปั้นสะท้อนแสงสีแดงที่ปลดปล่อยอุณหภูมิสูงสุดขีด


“ใบมีดเงาสีเลือด หมัดไฟ” หลิน เฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ


ใบมีดเงาสีเลือดนั้นผ่าข้างลำคอจ้าว หลงไปอย่างนุ่มนวล เหลือไว้เพียงรอยเลือดบนลำคอของจ้าว หลง ก่อนที่เลือดจะไหลเป็นทางยาวลงมา


ส่วนแสงสีแดงที่มืออีกข้างนั้นส่องสว่าง ลูกไฟกำลังแผดเผานั้นก็พุ่งตรงไปยังอกของลั่ว จิ้วชานจนร้องเสียงลั่น


“นายน้อย” ในตอนนั้นเอง หวู่ เยว่ก็ตะโกนออกไปก่อนจะรวบรวมพลังใบเลื่อยลมเข้าสับหลิน เฟิง


แต่ทว่าหลินเฟิงในตอนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของหวู่ เย่ว หลิน เฟิงแค่นเสียงออกมาอย่างดูถูก ก่อนจะเตะเสยออกไปด้วยมุมองศาที่แปลกประหลาด พลันหวู่ เย่วก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอก ตัวปลิวกระเด็นออกไปพลางร้องโอดโอย


“เจ้า เจ้าเด็กนี่ อย่าบ้าไปหน่อยเลยน่า” ในตอนนี้ ชายชราพลังระดับ A ก็มีท่าทีตอบสนองกลับมาในที่สุดก่อนจะจับภาพตรงหน้าของหลิน เฟิงเอาไว้ พลันผนึกหัตถาเทวาก็ร่วงลงมาจากฟากฟ้า แล้วเข้าโจมตีหลิน เฟิง


“มังกรดำ มังกรแสง ออกมา” เมื่อเห็นว่าชายชราคนนั้นเข้าโจมตี หลิน เฟิงจึงรีบตะโกนขึ้น จากนั้นก็วิ่งหนีพลางจับตัวหวัง หานและจื้อเฉิงขึ้นมาราวกับกำลังถือไก่อยู่


หลังจากที่หลิน เฟิงหนีออกมา ร่างสองร่างก็ปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ร่างหนึ่งคือแสงส่วนอีกร่างคือสีดำ พวกมันโบยบินไขว้ไปมา ในตอนที่พวกมันปรากฏตัวขึ้น ในปากของพวกมันก็ปรากฏลูกบอลขนาดใหญ่ซึ่งอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกที่พร้อมจะปะทุ


จากนั้นพลังลูกบอลของมังกรดำและมังกรแสงก็ถูกพ่นออกไป ระเบิดหัตเทวายักษ์นั่นของชายชราที่อยู่ระดับ A เสียกระจุย


“ฮึ่ม สัตว์วิญญาณระดับกลางๆกระจอกๆทั้งสองตัวนั่นน่ะรึที่จะหยุดพลังฉันได้น่ะ” ชายชราที่อยู่ระดับ A พ่นลมหายใจอันแสนเยือกเย็นออกมา ก่อนจะเพิ่มระดับพลังวิญญาณที่ปล่อยออกมาใส่มังกรแห่งแสงและมังกรดำ


โฮก


โฮก


มังกรทั้งสองตัวต่างร้องคำรามลั่น จากนั้นลูกบอลไฟทั้งสองที่แต่เดิมพ่นใส่พลังหัตเทวาก็เข้าปะทะกัน ผสานพลังจนเกิดเป็นเสียงเสียดสีกัน แล้วพลังงานอันทรงอานุภาพนั้นก็เริ่มที่จะระเบิด


พลังงานด้านสว่างและด้านมืดนั้นเป็นพลังที่ขัดกัน การที่พลังทั้งสองเข้าปะทะกันนั้นอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าน้ำแข็งเจอกับไฟเสียอีก ในขณะที่ลูกบอลพลังทั้งสองรวมตัวกันอยู่นั้นเอง มันก็ระเบิดพลังหัตเทวายักษ์นั่น


ตูม!


เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่ว พร้อมกับคลื่นแสงอันทรงพลังที่กวาดไปทั่วสนามรบ ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างกระเด็นออกมา แม้แต่ชายชราพลังระดับ A ก็ไม่มีข้อยกเว้น


คนอื่นๆยิ่งตกที่นั่งลำบากมากกว่าเดิม เพราะต่างเจ็บตัวกันไม่มากก็น้อย แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ใกล้กัน อาการบาดเจ็บจึงไม่ได้ร้ายแรงนัก ในขณะที่มังกรดำกับมังกรแสงรวมถึงชายชราพลังระดับ A ได้รับผลกระทบนี้ไปเต็มๆ


ชายสูงวัยระดับ A เพียงแค่เซถอยไปเล็กน้อย ในขณะที่มังกรแสงกับมังกรดำนั้นถอยกระเด็นไปไกล แต่ว่านั่นก็ถือเป็นการยืดระยะห่างระหว่างพวกเขา มังกรทั้งคู่ใช้ประโยชน์จากพายุอันทรงพลังเพื่อหลบหนีไปยังทิศทางที่หลิน เฟิงอยู่


“เวรละ อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้ เร็วเข้า” ในตอนนั้นเอง ขณะที่ตงฟาง เซียงนึกขึ้นได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นนั้น หลิน เฟิงกับพวกที่เหลือก็หนีกันออกไปแล้ว


การกระทำของหลิน เฟิงนั้นเกิดเพียงแวบเดียว โดยเขานั้นใช้กลยุทธ์”โจมตีทิศตะวันออกโดยใช้ทิศตะวันตก” เพื่อเล่นงานทั้งชายที่มีพลังระดับAและฝั่งตงฟาง เซียง


อย่างแรก เขาอยากจะแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอ เลยจำเป็นต้องคุกเข่าและหมอบคลานเพื่อร้องขอชีวิต โดยดึงชายแก่ที่มีพลังระดับ A คนนั้นเข้ามาเล่นด้วย ในตอนนี้ มีคนได้รับบาดเจ็บไปสี่หรือห้าคน คนหนึ่งถูกฆ่าตาย แล้วจากนั้นเขาก็เหยียบไปบนวิชาย่ำเงา ก่อนจะมาหาจ้าว หลงในทันทีเพื่อจัดการปัญหารวมถึงลั่ว จิ้วชานด้วย


เหตุผลที่ว่าทำไมหลิน เฟิงถึงเลือกที่จะไม่ฆ่าหวู่ เย่วนั่นก็เพราะเขาอยู่ในระดับ B ขั้นสูงสุด หลิน เฟิงเลยไม่รู้ว่าจะหลีกเลี่ยงการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้หรือไม่ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะใช้วิชาย่ำเงาเตะหวู่ เย่วกระเด็นออกไป


ในขณะที่ผู้เฒ่าที่มีพลังระดับ A ตอบโต้กลับมา หลิน เฟิงจึงขอให้มังกรทั้งสองหยุดพวกเขาไว้แล้วปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้ก่อน เพราะยังไงทั้งมังกรดำและมังกรแสงสามารถบินไปได้เร็วกว่ามาก


มีลมหายใจเพียงน้อยนิดเท่านั้น ใครจะไปเดาได้ว่าหลิน เฟิงจะสามารถทำอะไรหลายอย่างได้ในระยะเวลาสั้นๆแบบนี้ พวกพลังระดับ B ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ล้มตายอีกหลายคน แล้วจากนั้นก็ชิ่งหนีไป มีใครสักกี่คนกันที่คิดถึงเรื่องนั้น


เดิมที มีคนอยู่ 12 คน ตอนนี้จ้าว หลงและลั่ว จิ้วชานมีผู้ใช้พลังระดับ B ที่ล้วนแต่ตายคาที่ และยังมีห้าหรือหกคนที่ถูกต้นไม้ปีศาจทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นพวกเขาจึงสูญเสียกำลังพลไปมากกว่าครึ่งเลยทีเดียว


“นายน้อย นายน้อย” หวู่ เย่วมองไปที่จ้าว หลงที่นอนราบไปกับพื้น ฟันของเขากระทบกันกึกๆ


ในตอนนี้ มีเลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากบริเวณลำคอของจ้าว หลงหยดลงมาด้วยเล็กน้อย ดวงตาของเขานั้นเบิกโพลงพลางจ้องไปที่ด้านหน้า ตายตาไม่หลับ 


ในขณะเดียวกัน หวู่ เย่วก็ถูกหลิน เฟิงจัดการ แต่อาการบาดเจ็บไม่ได้ร้ายแรงนัก แต่เมื่อจ้าว หลงตาย เขาก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อแล้ว


จ้าว หลงเป็นลูกชายคนเดียวของจ้าว ป๋อ จ้าว ป๋อจะต้องตำหนิเขาแน่ๆที่ปกป้องลูกชายของเขาไม่ดี ทั้งยังจะต้องโกรธเขามากแน่ๆ ในตอนนั้นเองเขารู้สึกสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี


“มัวมองอะไรอยู่ล่ะ ไหนๆจ้าว หลงก็ตายไปแล้ว รีบไปจับพวกมันเถอะ เร็วเข้า จะปล่อยให้พวกมันหนีไปไม่ได้” ตงฟางเซียงเอ่ยอย่างโกรธๆ


เขาจะไปคิดถึงได้อย่างไรว่าหลิน เฟิงจะหนีไปได้ภายใต้สายตาของเขา แถมยังหนีไปได้ท่ามกลางคนอีกสิบสองคนอีก และไม่ใช่แค่หนีนะ แต่ยังฆ่าและทำเอาหลายคนบาดเจ็บด้วย


ถ้าเรื่องยังดำเนินต่อไปแบบนี้ล่ะก็ ตำแหน่งของเขาในตระกูลตงฟางอาจต้องมีอันสั่นคลอนเป็นแน่ซึ่งนั่นถือว่าเป็นความอับอายเป็นอย่างยิ่ง


จากนั้น คนอีกมากมายจึงได้เริ่มตามหลิน เฟิงไปในทางที่เขาหนีกันต่อไป


“ไม่สงสัยเลยล่ะว่านายน้อยตงฟางเซียงน่ะตกอยู่ในกำมือของเจ้านั่นแล้ว ไหวพริบของเจ้าเด็กนั่นน่ากลัวเสียจนฉันเองยังโดนมันหลอกเลย” ชายสูงวัยผู้มีพลังระดับ A รำพึงกับตนพลางถอนใจ


ตอนที่เขาได้รับคำเชิญจากตงฟาง เซียงนั้น เขาเองก็ไม่ได้คิดแบบนั้น


เพื่อจัดการกับผู้มีพลังระดับ B ขั้นกลาง เขาจึงได้เชิญผู้ใช้พลังมากมายและยังขอให้เขามาในฐานะผู้ใช้พลังระดับ A ด้วย ซึ่งนั่นไม่จำเป็นเลยในความคิดของเขา


แต่อย่างไรก็ตาม เพราะตงฟาง เซียงมีที่ยืนแน่นอนแล้วในตระกูลตงฟาง ดังนั้นเขาจึงเห็นด้วยถ้าจะทำเรื่องนี้


แต่ในตอนนี้ เขากลับได้รู้ในที่สุดว่าจะเล่นงานหลิน เฟิงนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะไม่ใช่แค่มีพลังเยอะเท่านั้น แต่ยังฉลาดปราดเปรื่องอีกต่างหาก


คนๆหนึ่งที่ทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณหลายๆตัวในเวลาเดียวกันนั้น ไม่ใช่แค่สัตว์วิญญาณต้องแข็งแกร่งมากเท่านั้น แต่ระดับเลือดยังต้องสูงมากอีกด้วย


ถ้าพวกคนที่เพิ่งหนีไปจากสายตาของเขาเมื่อครู่เติบโตขึ้นล่ะก็ ตระกูลตงฟางของพวกเขาคงได้ก่อกำเนิดศัตรูคนใหม่ที่แข็งแกร่งขึ้นมาแล้วแน่ๆ


และเขาก็เพิ่งเห็นว่าในมือของหลิน เฟิงนั้นมีสิ่งๆหนึ่งซึ่งทำเอาเขาถึงกับอยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป นั่นก็คือกริชสีแดงชาด ซึ่งคล้ายกับ...อาวุธวิญญาณ


“ล่ามัน เจ้าเด็กนี่ต้องตาย...”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น