RC:บทที่ 165 นายต้องรับฉันเป็นอาจารย์
“นี่ๆ...มันเกิดอะไรขึ้น” ใบหน้าของหลิน เฟิงยุ่งเหยิง บางทีนี่อาจจะเป็นเพราะช่วงสองวันนี้เขารู้สึกเหนื่อย จึงได้หลับไปทันทีที่เขาหลับตาลง และที่แปลกไปกว่านั้นก็คือมู่ ซินซินนั้นไม่รู้ว่ามาหลับอยู่บนตัวหลิน เฟิงตั้งแต่เมื่อไหร่
ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงรู้สึกอายสุดๆพลางไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี พอจะลุกก็กลัวว่าจะทำมู่ ซินซินตื่น ถึงตอนนั้น เขาคงรู้สึกอายยิ่งกว่านี้แน่
“ช่างเถอะ นอนต่อดีกว่าเรา” หลังจากคิดไปคิดมา หรือไม่งั้นหลับต่อน่าจะดีที่สุด ด้วยเหตุนั้นหลิน เฟิงจึงหลับตาลงนอนต่อ
หลิน เฟิงแสร้งทำเป็นหลับเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง แถมมู่ ซินซินเองก็ยังไม่ตื่นอีกด้วย เธอยังคงนอนอยู่บนอกเขาอย่างสบายใจ
ในตอนนี้ หลิน เฟิงไม่รู้จริงๆว่าจะทำอะไรดี เขาหวังแค่ให้มู่ ซินซินตื่นก่อนเท่านั้น
“ซินซิน หลิน เฟิง...” ทันใดนั้น หลิน เฟิงก็ได้ยินเสียงเรียกมาแต่ไกล แต่ไม่รู้ว่าใครเรียก เขาก็เลยไม่ได้นึกสนใจ
เขาไม่ต้องการตกเป็นเป้าสายตาของผู้คน เพราะเดี๋ยวก็เอาไปพูดกันปากต่อปากไม่รู้จักจบจักสิ้น
“หลิน เฟิง ซินเอ๋อร์ นี่พวกเธอทำอะไรกันน่ะ”
ในตอนนี้ ชายวัยกลางคนๆหนึ่งก็เดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งคู่ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความงงงวย
“จบสิ้นแล้วไง” ในตอนนี้ หลิน เฟิงจึงนึกออกแล้วว่าเป็นใคร นี่เป็นลุงของมู่ ซินซินนั่นเอง มู่ เทียนเฉิง
“เอาน่า แกล้งตายเอา ไม่อย่างงั้นล่ะตายแน่” หลิน เฟิงคิดอยู่ในใจ ก่อนจะหลับตาลง กรนสนั่น
“น..น...น...นี่มันเกินเหตุไปแล้วนะ ซินเอ๋อร์ ลุกขึ้นมา” จากนั้นมู่ เทียนเฉิงก็ตะโกนขึ้น
มู่ เทียนเฉิงปลุกมู่ ซินซินให้ตื่นขึ้น
“เอ๊ะ นี่เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย ลุง ยังไงพวกเราก็ต้องนอนต่ออีกหน่อยอยู่แล้ว อย่ามากวนหนูสิ แล้วนี่ผ้าห่มหนูไปไหนแล้วล่ะ” เมื่อมู่ ซินซินได้ยินเสียงร้องของมู่ เทียนเฉิง เธอก็ยังนึกว่าตัวเองยังนอนอยู่บนเตียง
จากนั้นมู่ ซินซินก็ยื่นมือออกมาหยิบ ไขว่คว้าไปมาในอากาศราวกับหาผ้าห่ม ก่อนจะไปโดนหัวของหลิน เฟิง หน้า ปากรวมถึงจมูก โดนไปทั่วทั้งตัว
“เอ๊ะ นี่คุณเป็นใคร มานอนบนเตียงฉันได้ยังไง” มู่ ซินซินลุกขึ้นมานั่งในทันทีก่อนจะตะโกนขึ้น
ในตอนที่เธอลุกขึ้นมานั่งนั้นเอง คนทุกคนก็ถึงกับอึ้ง เพราะรอบๆนั้นไม่มีอะไรเลยที่เรียกว่าเตียง กลับเป็นสนามหญ้าโล่งกว้าง
แล้วเธอก็หลับดีเลย นั่นก็เพราะนอนบนอกของหลิน เฟิงนั่นเอง ทั้งอบอุ่นและแข็งแรง
“กรี๊ด”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ มู่ ซินซินก็ร้องกรี๊ดด้วยความอับอาย
“เฮ้อ หยุดกรี๊ดเสียทีเถอะ เธอก็ด้วย แสร้งหลับไปแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” มู่ เทียนเฉิงว่าเสียงลั่น
เมื่อมู่ เทียนเฉิงเดินเข้ามา เขาก็รู้สึกได้เลยว่าหลิน เฟิงนั้นตื่นแล้ว มีแต่มู่ ซินซินนั่นแหละที่หลับสบาย
“อ๊ะ” แล้วหลิน เฟิงก็ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับเขินเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่มู่ เทียนเฉิง เขาล่ะอยากจะขำแต่ก็ไม่กล้า
“นี่ ตาบ้าหลิน เฟิง นายฉวยโอกาสกับฉันอีกแล้วนะ” มู่ ซินซินว่าขึ้นพลางจะทุบหลิน เฟิงแต่มู่ เทียนเฉิงเข้ามาห้ามไว้ก่อน
“หยุดก่อนๆ นี่หนูกำลังนอนอยู่บนอกคนอื่นเขานะ กลิ่นหอมน่าดูล่ะสิ ฮ่าๆ” มู่ เทียนเฉิงดูเคร่งเครียดมาก แต่เขาก็หัวเราะออกมาขณะที่พูดเรื่องนี้
“ฮ่าๆๆๆ” แล้วจู่ๆหลิน เฟิงก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“นี่ทุกคนแกล้งฉันนี่” มู่ ซินซินหน้าขึ้นสีก่อนจะรีบออกไป
“นี่ พ่อหนุ่ม นายทำได้นี่ ฉันเองก็ไม่รู้วิธีที่จะเอาด้านนั้นของพวกผู้หญิงออกมายังไง และยิ่งหลานสาวฉันก็ไม่ง่ายด้วย” มู่ เทียนเฉิงว่าขึ้น
หลิน เฟิงคิดว่ามู่ เทียนเฉิงคงจะต้องโกรธแน่ๆ แต่ใครจะรู้ว่าเขานั้นไม่ได้โกรธเลย แต่กลับพูดอะไรแบบนี้ออกมาแทน
จริงๆแล้วหลิน เฟิงเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรเพราะเขาเองยังไม่ทันทำอะไรแล้วจู่ๆก็หลับไป
แล้วนี่มู่ ซินซินมานอนทับอกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนี่ เขาไม่รู้จริงๆ
“ท่านอธิบดี จริงๆแล้วผม...” หลิน เฟิงแค่อยากจะอธิบายเมื่ออธิบดีมู่มาหยุดอยู่ที่เขา
“ตัวตนของซินเอ๋อร์น่ะไม่ธรรมดาหรอกนะ แม้ว่าจะมีพละกำลังอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่พอ ฉันเองก็ไม่อยากไปแทรกกลางเรื่องของพวกเธอ และฉันเองก็ไม่รู้ว่าเธอจะไปไกลได้แค่ไหนกัน”
“แต่สิ่งที่ฉันอยากจะบอกเธอก็คือว่าสิ่งที่ยากที่สุดคือการเข้าหาพ่อแม่ของเธอ พ่อของเธอก็เป็นผู้มีอิทธิพล ตัวตนของแม่เธอเองก็ไม่ธรรมดา และถ้านายไม่มั่นพอล่ะก็ อย่าได้ทำตัวห้าวเป้งเชียวล่ะ” มู่ เทียนเฉิงไม่รอให้หลิน เฟิงได้พูดอะไรเลย แต่เป็นตัวเขาที่พูดเอาๆ
การที่มู่ ซินซินและหลิน เฟิงนอนอยู่ตรงนี้ด้วยกันเป็นเวลานานนั้นไม่ใช่เรื่องน่าสงสัยเลย และสิ่งที่พวกเขาทำทำให้ชายคนนี้คิด
“ท่านครับ หลานสาวของคุณกับผม จริงๆแล้ว...” หลิน เฟิงถูกแทรกก่อนที่จะพูดจบ
“เรื่องรักแท้น่ะมันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ผู้ชายก็ต้องมีพละกำลัง พลัง ตัวตนและภูมิหลัง นายเข้าใจไหม เดี๋ยวฉันจะบอกนายให้มากที่สุดถ้าฉันบอกได้อ่ะนะ นี่มันไม่เร็วเกินไปหรอก องค์กรราตรีนั้นมีแนวโน้มว่าจะบุกโจมตีคืนนี้ล่ะ งั้นฉันไปก่อนนะ” หลังจากนั้น มู่ เทียนเฉิงก็เดินหายไปจากสายตาหลิน เฟิง
“เฮ้ย นี่ฉันยังไม่ได้ทำหรือพูดอะไรเลยนะ นี่ฉันทำเรื่องใหญ่แบบนี้ไปได้ยังไงนี่” หลิน เฟิงรู้สึกกดดันสุดๆ
“ตัวตนของมู่ ซินซินนั้นไม่ธรรมดางั้นหรือ แถมพ่อก็เป็นคนใหญ่คนโต แบบนี้เราซวยแน่ๆ” หลิน เฟิงเองเมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธขึ้นเรื่อยๆ
“เฮ้อ ช่างมันเถอะ” หลิน เฟิงถอนหายใจ
“พ่อหนุ่ม ยังนึกเสียใจอยู่ไหมที่ไม่นับถือฉันตอนนี้” ในตอนนั้นเอง ชายชราผมขาว เคราและคิ้วขาวก็เดินออกมาจากบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากที่หลิน เฟิงยืนอยู่ ชายชราคนนี้ที่ต้องการจะเอาหลิน เฟิงเป็นศิษย์เขาให้ได้
“คุณเองงั้นหรือครับ มาทำอะไรที่นี่” หลิน เฟิงรู้สึกกังวลขึ้นแล้วตอนนี้ ทั้งยังทุกข์ใจเพราะเขาไม่ได้อยากจะยุ่งกับชายคนนี้แล้ว
“หึ ลองดูตัวนายสิ นายต้องขอบใจฉันให้มากๆนะ ฉันรู้ว่าเด็กสาวคนนั้นน่ะชอบนาย แต่ฉันไม่รู้ว่าจะเผยออกไปให้เห็นได้อย่างไร” นักบวชคิ้วขาวว่าขึ้น
“พูด ฉันรักเธอ ล่ะมั้งครับ” หลิน เฟิงสบถ
“นี่ หนุ่มน้อย อย่าโกรธกันเลยน่า นี่ฉันช่วยนายอยู่นะ นายไม่คิดบ้างหรือว่าฉันอาจจะทำให้มีงานแต่งงานขึ้นมาได้โดยการทำอะไรแบบนี้” นักบวชคิ้วขาวลูบเคราสีดอกเลาบริเวณคางของตนพลางยิ้มๆ
“คุณน่ะหรือช่วยผม โอเค อย่าบอกนะว่า...” แล้วจู่ๆหลิน เฟิงก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมา
“ฮ่าๆ ใช่แล้ว ฉันนี่ล่ะที่ทำให้เด็กสาวคนนั้นไปนอนบนอกนายเอง ฉันน่ะมองพวกเธอสองคนนอนด้วยกันด้วยล่ะ ขอสารภาพแบบเขินๆเลยนะ ฉันต้องช่วยนาย ฉะนั้น นายต้องขอบใจฉัน” นักบวชคิ้วขาวเผยแววตาอันทะลึ่งที่ไม่สามารถบรรยายได้ถูก
“ให้พึ่งคุณหรือ ตาลุงตัวเหม็นหึ่ง คุณจะไม่ได้รับการนับถือในฐานะผู้อาวุโสด้วย แต่คุณน่ะดูเหมือนคนที่มีพลังเหนือใครๆในโลก แต่ผมก็คาดไม่ถึงว่าคุณจะคิดอะไรสกปรกแบบนี้” หลิน เฟิงโกรธจัด
“เอาน่า ฉันรู้ว่าเธอกังวลเรื่องอะไร แถมตอนนี้ท่านอธิบดีมู่เองยังบอกด้วยว่าพ่อแม่ของเธอนั้นเป็นผู้มีอิทธิพล จริงๆแล้วฉันเองก็รู้จักพ่อแม่ของเธอแถมยังเคยเจอกันแล้วด้วย ถ้าเธอบอกไปว่าเธอเป็นลูกศิษย์ของฉันล่ะก็ ฉันสัญญาเลยว่าพวกเขาจะยกลูกสาวให้นายแต่งงานโดยที่ไม่พูดอะไรเลยล่ะ และถ้าพวกเขากล้าปฏิเสธล่ะก็ ฉันจะฉีกพวกเขาเดี๋ยวนั้นเลย” นักบวชไป่เหมยพูดราวกับตัวเองเป็นคนเดียวบนโลกนี้
“นี่ คุณ ถ้าอยากให้ผมรับคุณเป็นอาจารย์นักล่ะก็ ก็ลองพยายามดู!”
หลิน เฟิงไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เป็นอีกครั้งแล้วที่เขาเอาชนะชายคนนี้ไม่ได้เลย ช่างหน้าด้านหน้าทนจริงๆ
แล้วเขาก็ทำอะไรไม่ได้เลย
0 ความคิดเห็น