RC:บทที่ 164 โอเค

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 164 โอเค


 “เอาล่ะ ตอนนี้ก็ลงทะเบียนเสร็จแล้ว เดี๋ยวฉันหาที่ให้นายพักเองนะ” จากนั้นมู่ ซินซินก็เจอสถานที่สำหรับหลิน เฟิงที่หนึ่งพลางรอวันพรุ่งนี้ที่จะมาถึง


เช้าตรู่ของวันถัดมา หลิน เฟิงก็ลุกขึ้นก่อนจะวิ่งไปด้วยพลังวิญญาณในกายที่มี เขารู้สึกสบายตัวสุดๆ


หลังจากนั้นเพียงครู่ หลิน เฟิงก็ออกมาและพร้อมที่จะเดินเล่นตามปกติแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม หลิน เฟิงก็รู้สึกว่าบรรยากาศในวันนี้ดูเงียบและแย่สุดๆนั่นทำเอาเขาถึงกับอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย


อีกอย่าง เขาก็คิดได้ว่าอาจเป็นเพราะสถานีตำรวจอาจจะถูกโจมตีในวันนี้ก็ได้ เมื่อเปรียบเทียบกับสถานีตำรวจแห่งนี้แล้วนั้น ที่นี่ก็ดูเตรียมพร้อมโจมตีอยู่


“หลิน เฟิง ตื่นแล้วสินะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะตื่นเร็วแบบนี้” ในขณะที่หลิน เฟิงกำลังเดินเล่นๆไปตามทางอยู่นั้นเอง มู่ ซินซินก็เดินเข้ามาพลางทักขึ้น


เมื่อหลิน เฟิงเงยหน้าขึ้นไป เขาก็ถึงกับอึ้ง เพราะในตอนนี้ มู่ ซินซินเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเลย


วันนี้เธอไม่ได้ใส่ชุดตำรวจอย่างเคยแล้ว แต่เป็นชุดเดรสยาวสีม่วงแทน ท่าทางของเธอดูสง่า รูปร่างสูงและใบหน้าที่บอบบางนั้นทำให้เธอดูไร้ที่ติ


หลิน เฟิงจ้องอยู่แบบนั้นเพียงชั่วแวบเดียว ก่อนจะละสายตาออกมา อดที่จะมองมู่ ซินซินเป็นเหมือนกับดอกไม้ไม่ได้ จนทนไม่ไหวที่จะหันไปมองอีก


ตอนนี้ มู่ ซินซินกับซู หว่านเอ๋อร์เองก็มาถึงระดับเดียวกันแล้ว พวกเธออยู่ในระดับเดียวกันซึ่งมองแวบเดียวก็รู้สึกไม่มีพิษภัย 


แต่เมื่อหลิน เฟิงมองเธอ ผู้หญิงอีกคนก็แวบเข้ามาในใจเขาในวินาทีต่อมา ซู หว่านเอ๋อร์นั่นเอง


และเพราะในใจของเขานั้นมีซู หว่านเอ๋อร์เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าใครคนอื่นจะสวยเพียงไหน หลิน เฟิงก็ได้แค่มองอย่างนึกชื่นชมเท่านั้น


ดังนั้น หลิน เฟิงที่เพิ่งจะเริ่มโดนความสวยของมู่ ซินซินดึงดูดอยู่นั้น แต่เมื่อคิดถึงซู หว่านเอ๋อร์ หลิน เฟิงก็ตื่นขึ้นทันที


เมื่อเห็นว่าหลิน เฟิงหลุดจากภวังค์ ก็ไม่รู้ว่าทำไมมู่ ซินซินถึงได้แสดงท่าทีผิดหวังกัน


 “นี่ฉันยังสวยไม่พองั้นหรือ เขาถึงไม่หันมามองอีกเป็นครั้งที่สอง” มู่ ซินซินพึมพำ


“อรุณสวัสดิ์ครับ” หลิน เฟิงเอ่ยทักทาย


“ตื่นเช้าเหมือนกันนี่นาย อากาศที่นี่เป็นยังไงบ้างล่ะ” มู่ ซินซินถามขึ้น


“ก็ ใช้ได้ครับ แต่ยังไม่ดีเท่าที่บ้านของผมหรอก” หลิน เฟิงกล่าวขึ้นอย่างอวดๆ


“ไม่ดีเท่าที่บ้านนายงั้นหรือ” มู่ ซินซินชะงักไป


ที่นี่มีดอกไม้เลอค่ามากมาย รวมถึงพืชพรรณ ผลไม้ที่ปลูกที่นี่และแม้แต่บางสิ่งที่เชื่อมกับพลังวิญญาณด้วย อากาศที่นี่จึงน่าจะดีต่อการสั่งสมพลังวิเศษ


แต่จะว่าไปนี่ก็เป็นสถานที่ที่ดีทีเดียว ถึงหลิน เฟิงจะพูดว่าไม่ดีเท่ากับสภาพแวดล้อมบ้านของเขาก็ตาม


สิ่งนี้ทำให้มู่ ซินซินึกสงสัยว่าที่บ้านของหลิน เฟิงนั้นอยู่ในสถานที่แบบไหนกัน ที่ดีกว่าที่นี่


“อืม ก็ไม่ดีเท่าที่บ้านผมหรอก พลังวิญญาณของที่นี่ยังไม่แกร่งพอ แม้ว่าจะสัมผัสได้บ้าง แต่ก็เบาบางเหลือเกิน บ้านของผมเองกลับมีสูงมากกว่าที่นี่สี่หรือห้าเท่าแหนะ” หลิน เฟิงว่าขึ้น


หลิน เฟิงไม่ได้จะพูดหรือโอ้อวด แต่นี่คือเรื่องจริง ใกล้ๆกับบ้านหลิน เฟิงหรือแม้แต่ทั้งหมู่บ้านลั่วหยางเอง ก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันแสนนุ่มนวลซึ่งแสดงให้เห็นว่าวิญญาณนั้นหนาแน่นแค่ไหน


ครึ่งหนึ่งของภูเขาบริเวณหลังบ้านของหลิน เฟิงในตอนนี้นั้นปกคลุมไปด้วยต้นองุ่นซึ่งทุกต้นล้วนปล่อยพลังวิญญาณออกมาและนั่นก็ทำให้พลังวิญญาณที่ว่านั้นเข้มข้นมาก


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่หลิน เฟิงปลูกถ่ายต้นวิญญาณทั้งสามแล้วนั้น พลังทางวิญญาณจึงเข้มข้นมากขึ้นจนเกือบจะมากกว่าเป็นสองเท่า รวมถึงวิญญาณบริเวณหลังบ้านนั้นก็สามารถสั่งสมพลังได้โดยไม่ต้องพึ่งพันธสัญญาสัตว์วิญญาณเลย


นอกจากนี้ ดอกไม้ของหลิน เฟิงเองก็สะสมน้ำยาเติบโตระดับต่ำเอาไว้มากมาย ก็จะปล่อยพลังวิญญาณออกมาเล็กน้อย ทำให้ผู้คนในหมู่บ้านลั่วหยางอาบร่างพวกตนกับวิญญาณพวกนั้น ในตอนนี้นั้น ผู้คนในหมู่บ้านลั่วหยางต่างกำลังต้องมนต์


“พระเจ้าช่วย สี่หรือห้าเท่าเลยงั้นหรือ จริงหรือหลอกเนี่ย นี่ถ้านายมีพลังวิญญาณสูงจัดขนาดนั้น นายก็น่าจะฝึกได้จนเก่งเลยสิเนี่ย” มู่ ซินซินเอ่ยอย่างอึ้งๆ


 “ก็เกือบแล้วล่ะ”


“เหย อย่ามาโกหกหน่อยเลย เดี๋ยวถ้ามีเวลาฉันจะไปดู” มู่ ซินซินว่าขึ้นอย่างไม่นึกเชื่อ


“จะมาตอนไหนก็มาเลย”


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีกไม่นานก่อนจะเที่ยง แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


“หลิน เฟิง หรือข่าวที่นายได้ยินจะเป็นเรื่องโกหก” มู่ ซินซินถามขึ้น


“ฮ่าๆ ข่าวฉันไม่ใช่เรื่องหลอกลวงแน่นอน คุณนั่นแหละที่ไม่รู้เรื่องเอง” หลิน เฟิงเอ่ยพลางยิ้มๆ


“ว่าไงนะ นี่นายกล้าว่าคนอย่างมู่ ซินซินไม่รู้เรื่องงั้นหรือ” มู่ ซินซินว่าพลางหายใจอย่างรวดเร็ว


“ฮ่าๆ ไม่จริงหรอกครับ ใครจะมาโจมตีสถานีตำรวจกลางวันแสกๆแบบนี้กันล่ะครับ” แล้วหลิน เฟิงก็หัวเราะก๊ากออกมา


“งั้น นายนั่นแหละที่โง่ที่มาบอกว่าฉันโง่” จากนั้นมู่ ซินซินจึงไล่ตามหลิน เฟิงเพื่อตบตีสักป้าบระหว่างทาง


วิ่งทีตีที พวกเขาต่างวิ่งไล่กันไปมาน่าสนุก


แม้ว่าหลิน เฟิงจะอยู่แค่ระดับCขั้นสูงสุด แต่มู่ ซินซินกลับไล่ตามเขาไม่ทันเลย


เธอรู้สึกงงงวย ทั้งๆที่หลิน เฟิงอยู่แค่ระดับCขั้นสูงสุดเท่านั้นเอง แต่กลับวิ่งเร็วมากเสียจนเธอจับตัวไว้ได้ไม่ทัน


แม้จะรู้ว่าพละกำลังของหลิน เฟิงนั้นมากโขอยู่แม้จะอยู่ระดับCขั้นสูงสุดก็ตาม แต่นี่พละกำลังของเขากลับมากกว่าเธอเสียอีก เห็นได้จากครั้งล่าสุดที่หลิน เฟิงมาช่วยเธอไว้


จริงๆแล้ว เธอกลับไม่รู้เลยว่าหลิน เฟิงนั้นไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดที่เขามีเลย เขาแค่วิ่งไปเรื่อยๆเท่านั้น


หลังจากเล่นกันอยู่ซักพัก พวกเขาทั้งคู่จึงนั่งลงบนพื้นหญ้า


ในขณะที่มองใบหน้าอันหล่อเหลาของหลิน เฟิงนั้นเอง ก็มีเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างออกมาจากหัวใจของมู่ ซินซิน พลันหัวใจของเธอก็เต้นตึกตัก


“หลิน เฟิง” มู่ ซินซินเอ่ยขึ้น


“หืม ว่าไงครับ” หลิน เฟิงถาม


“เออ เปล่า ไม่มีอะไร” มู่ ซินซินมองหลิน เฟิง เมื่อเขาหันไปรอบๆ เธอก็รีบเสไปมองทางอื่นอย่างรวดเร็ว


 “เฮ้อ” แล้วหลิน เฟิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กลับดึงหญ้าต่อก่อนจะมองไปบนฟ้า


พระอาทิตย์ในวันนี้ไม่ได้ร้อนมากนัก แถมบนท้องฟ้ายังมีเมฆอยู่มาก แสงที่ส่องมาก็ช่างอบอุ่นและสบาย


มู่ ซิซินมองไปยังหลิน เฟิง ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างที่จะพูดแต่ไม่พูด


“หลิน เฟิง”


“หืม มีอะไรครับ”


“ก็ดีนะ ที่ได้เรียกนายด้วยชื่อของนายน่ะ นายเป็นเพื่อนจริงๆคนแรกที่ฉันมีที่นี่เลยนะ” มู่ ซินซินกล่าวขึ้น


“เธอไม่เคยมีเพื่อนจริงๆเลยหรือ” หลิน เฟิงถามขึ้นอย่างอ่อนอกอ่อนใจ


“โอ๊ย จะพูดก็พูดให้ดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง ถึงที่พูดจะเป็นความจริงก็เถอะ” มู่ ซินซินยังบอกอีกว่าหมัดของหลิน เฟิงยังไม่เจ็บเท่านี้เลย


 “นี่ เอาน่า” หลิน เฟิงนอนผึ่งแดด ทั้งหัวและมือของเขา ในปากมีหญ้าก่อนจะส่งเสียงร้องในจมูกด้วยทำนองอะไรไม่รู้


“ครั้งก่อน นายก็ถามฉันด้วยไม่ใช่หรือว่า ฉันเพิ่งจะเข้ามาที่นี่หรือ ใช่ไหมล่ะ ใช่แล้วล่ะ ฉันมาอยู่ที่นี่ยังไม่ถึงเดือนดีเลย ครอบครัวฉันอยู่ทางเหนือ และอีกไม่นานฉันก็ต้องกลับไป...” มู่ ซินซินเอ่ยขึ้นพลางสงสัยว่าทำไมเธอไม่ได้ยินหลิน เฟิงตอบอะไรกลับมาเลย


เมื่อเห็นไปมอง ปรากฏว่าหลิน เฟิงนั้นกำลังหลับอยู่ หญ้าในปากนั้นหล่นมาบนใบหน้า น้ำลายยืดจากปากมาถึงคอ


แต่เมื่อเห็นแบบนี้ มู่ ซินซินเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่รู้สึกว่าน่าเกลียด แต่กลับคิดว่าน่ารักเสียด้วยซ้ำ เธอหยิบเอาทิชชู่ขึ้นมาเช็ดน้ำลายของหลิน เฟิงออก


จากนั้น มู่ ซินซินก็เข้าไปนอนใกล้ๆ ก่อนจะหลับตามไปอีกไม่นาน


เวลานั้นดูจะรีบร้อนเดิน หลิน เฟิงกับคนที่มาด้วยนั้นนอนหลับไปจนกระทั่งถึง 5 หรือ 6 โมงเย็นเลย


“เฮ้อ หลับสบายเสียนานเลย” เมื่อหลิน เฟิงลุกขึ้น เขาก็พร้อมที่จะยืดเส้นยืดสาย แต่ทว่าเขากลับพบว่ามีอะไรบางอย่างกดหน้าอกเขาอยู่


เมื่อเขามองสิ่งนั้น เขาก็อุทานออกมา เป็นมู่ ซินซินนั่นเองที่ผล็อยหลับคาอกของเขา


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น