RC:บทที่ 104 ก้าวขามาแล้วข้างหนึ่ง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 104 ก้าวขามาแล้วข้างหนึ่ง


“อ้าว? ขยับตัวแล้วนี่นา?” เสี่ยวหลิงประหลาดใจเพราะเธอรู้จักพี่หลานเจียของเธอมาเป็นเวลานาน มีผู้ชายหล่อเหลามากมายที่ผ่านเข้ามา มีทั้งทายาทตระกูลที่ร่ำรวยและทายาทของตระกูลข้าราชการ พวกเขาดึงดูดใจเธอเป็นอย่างมากแต่เธอก็ไม่เคยชอบใคร


ไม่คาดคิดว่าเธอจะตกหลุมรักไอ้คนขึ้แพ้อย่างหลินเฟิงได้ซึ่งนั่นทำให้เธอประหลาดใจและไม่เชื่อเลยทีเดียว


“ขยับได้แล้วงั้นหรือ ไม่แปลกใจเลยที่ไม่ให้ฉันพูดอะไรออกมา ราคาของชุดสูทพวกนั้นรวมทั้งกางเกงก็เป็นเงินตั้ง 120000 หยวน แล้วพี่ก็ลดให้เขาตั้ง 50% ซึ่งเป็นเงินมากกว่า 60000 หยวนแล้ว นี่พี่ยังจะลดให้เขาอีกตั้ง 20000 หยวน!” เสี่ยวหลิงกล่าวอยู่ข้างๆ


แต่หลานเจียเองก็ยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ เธอยังคงมองไปที่ทิศที่หลินเฟิงเดินจากไป


“นี่ พี่หลานเจีย ไม่ได้ฟังฉันเลยงั้นหรือ? ดูเหมือนว่าพี่จะสับสนไปแล้วนะเนี่ย ตั้งแต่พี่ขยับตัวแต่ทำไมไม่พูดโต้ตอบอะไรเลย?” เสี่ยวหลิงกล่าว


“เฮ้อ เธอก็รู้ว่าคนที่อยู่ในฐานะแบบฉันไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตอยู่กับคนธรรมดาทั่วไปได้ แล้วนี่ยังเป็นการพบกันครั้งแรกมันไม่ดีเลยที่ฉันจะเรียกร้องความสนใจจากเขา ฉันเป็นผู้หญิงนะ!” หลานเจียกล่าว


“ฮ่าฮ่า พี่หลานเจีย ในที่สุดพี่ก็พูดออกมาแล้วว่าพี่เป็นผู้หญิง!” เสี่ยวหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“เอาล่ะ อย่าซุกซนนะ เอารูปภาพพวกนี้ไปล้างแล้วอัดออกมาเร็วๆ เข้า แล้วเอาไปติดไว้ที่ป้ายโฆษณาของร้านเราทันทีเลยนะ!” หลานเจียยื่นกล้องให้กับเสี่ยวหลิง


“โอ้...”


หลังจากที่เดินจากมาแล้ว หลินเฟิงเดินไปบนถนนด้วยความเร็วสูง ในเวลานี้หลินเฟิงรู้สึกปลื้มปริ่มกับความรู้สึกที่เหมือนเป็นดาราใหญ่ ในทุกที่ที่เขาไป จะมีสายตาหลายคู่จ้องมองมาที่เขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กสาวอายุ 17-18 ที่จ้องมองเขาอย่างไม่วางตา


สิ่งนี้ทำให้หลินเฟิงไม่คุ้นชินอยู่ชั่วขณะแต่เขาก็เป็นอยู่ไม่นานนัก


ดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มชินกับมันแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะพบเจอหญิงสาวมากมายที่เข้ามาขอถ่ายรูปเขาด้วยโทรศัพท์มือถือและกล้องถ่ายรูปหลายต่อหลายครั้ง แต่หลินเฟิงก็ไม่เคยสนใจพวกเขาเลย


หลินเฟิงเดินไปบนถนนและก้มดูโทรศัพท์มือถือของเขา มันเป็นเวลาแค่บ่ายสองโมงเท่านั้นเอง ยังเหลือเวลาอีกตั้งสองชั่วโมงก่อนถึงเวลานัดกับซูหว่านเอ๋อร์


“ช่างมันเถอะ ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ไปเดินเที่ยวสักหน่อยดีกว่า ถ้างั้นไปที่ร้านของพี่เติ้งดีกว่า!” หลินเฟิงคิดในใจ


หลินเฟิงฮัมเพลงไปด้วยขณะที่เดินอย่างช้าๆ ไปบนถนน เขาไม่สนใจสายตาของผู้คนแถวนั้น แต่ไม่นานนัก ความสนใจที่พุ่งมาที่หลินเฟิงก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงตะโกนด้วยความโกรธ


“หลีกทางไปสิ หลีกทางไป อย่าให้ฉันต้องด่า!” ขณะที่หลินเฟิงกำลังเดินอยู่บนถนนนั้น ก็มีเสียงคำรามดังมาจากทางด้านหน้าของเขา


มันดังขึ้นเรื่อยๆ และใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผู้คนพากันกรีดร้องและส่งเสียงดังอยู่เบื้องหน้า


“เกิดอะไรขึ้น?” หลินเฟิงมองไปที่เสียงอื้ออึงที่อยู่ตรงหน้าเขาและผู้คนก็เริ่มแตกกระจายออก ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างมุ่งตรงมาที่นี่!


“ออกไปจากที่นี่ ออกไปจากที่นี่!” ขณะที่หลินเฟิงกำลังสับสนอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีผู้ชายสองคนสวมชุดหนังสีดำมุ่งตรงเข้ามา


ชายสองคนในชุดหนังสีดำสวมหน้ากากและคนหนึ่งมีดวงตาเพียงข้างเดียวซึ่งสามารถจดจำได้ง่ายจากดวงตาที่แดงก่ำเป็นสีเลือด


ที่น่าสะพรึงไปกว่านั้นก็คือชายคนหนึ่งมีลูกบอลไฟอยู่ในมือข้างหนึ่ง ซึ่งมีสายฟ้าปะทุอยู่ในนั้นและปกคลุมมือของเขาไปทั้งมือ


ชายสองคนนั้นมุ่งตรงไปที่หลินเฟิง พวกเขาถือกล่องใบใหญ่ที่ใช้ใส่สิ่งของอยู่ในมือ หลินเฟิงรู้สึกคุ้นๆ กับคนทั้งสองนี้ ราวกับว่าเขาเคยเห็นพวกเขาจากที่ไหนสักแห่ง


“ใช่แล้ว ในทีวี ฉันเคยเห็นสองคนนี้จากในทีวี จากช่องข่าวของจังหวัดจี พวกเขาเป็นโจร ล่าสุดดูเหมือนพวกเขาจะปล้นธนาคารนะ!” จิตใจของหลินเฟิงย้อนนึกภาพ


ยิ่งไปกว่านั้นหลินเฟิงยังจำได้อีกว่า มีการรายงานข่าวว่าตำรวจได้ส่งทีมตำรวจพิเศษเพื่อตามจับพวกเขาแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะจับพวกเขาได้เลย


ในตอนนี้ คนทั้งสองวิ่งเข้ามาหาหลินเฟิงคือโจรที่ถูกรายงานข่าวในทีวี พวกเขาปล้นธนาคารและตำรวจก็กำลังตามล่าตัวอยู่


ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะกล้ามาก่อเรื่องอีกครั้ง เจ้าโจรสองคนนี้ช่างกล้านัก


เมื่อหลินเฟิงเห็นไฟและสายฟ้าในมือของพวกมัน เขาก็รู้ได้ทันทีว่าพวกนี้ไม่ใช่โจรกระจอกแต่มีความสามารถเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป


หลินเฟิงเห็นชายทั้งสองคนหนีและปล่อยพลังสายฟ้า ฟ้าผ่า และลูกบอลไฟ เขายกผู้คนและข้าวของทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าเขาขึ้นเพื่อหนี


ประเมินจากพลังสายฟ้าและไฟแล้ว ชายสองคนนี้คนจะมีพลังอยู่ในระดับB


ไม่นานนัก ชายทั้งสองก็เร่งมุ่งตรงมาและเกือบจะมาถึงตรงนี้


ที่ตรงนี้เป็นถนนหลักของตลาด ซึ่งมีผู้คนเดินถนนอยู่มากมายดังนั้นโจรทั้งสองคนจึงพุ่งเข้ามาและข่มขู่ให้ฝูงชนแตกฮือ


ไล่หลังชายทั้งสองคนนั้นคือตำรวจกลุ่มใหญ่จำนวนราวหนึ่งโหล บางคนก็มีปืน กระบองและอาวุธต่างๆ


“หยุดนะ ยกมือขึ้น ถ้าแกไม่หยุดพวกเราจะยิง!” ด้านหลังของเขา ผู้ชายคนหนึ่งก็พูดออกมาผ่านโทรโข่ง


แต่เจ้าโจรทั้งสองคนนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ยอมทำตามที่ตำรวจสั่งและยังคงวิ่งต่อไป


“ฉันจะนับสามนะ ถ้าพวกแกไม่หยุด เราจะยิง! สาม สอง หนึ่ง ยิง!”


เสียงเจ้าหน้าที่สั่งการเพราะไม่เห็นวี่แววว่าเจ้าโจรทั้งสองคนจะหยุดเลยแม้แต่น้อยก็ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ยิง


ปัง ปัง ปัง ปัง


กระสุนเป็นชุดพุ่งออกจากรังเพลิงของปืนตำรวจ กระสุนเหล่านั้นพุ่งตรงไปที่เจ้าโจรทั้งสองคน


“ฮ่าฮ่า มาแบบเดิมอีกแล้ว มันทำอะไรพวกกูไม่ได้หรอก!” เจ้าโจรวิ่งถอยไปและยิ้มให้กับตำรวจ ในขณะเดียวกัน เขาก็หันกลับมาและใช้มือที่มีสายฟ้าคว้ากระสุนที่ยิงออกจากปืนตำรวจ


เขาคว้ากระสุนไว้ได้และขว้างลงบนพื้นตรงหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกดูถูก


เช่นเดียวกันกับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่สามารถควบคุมไฟได้ เขาเอื้อมมือออกไปและคว้าเอากระสุนทั้งหมดไว้ด้วยลูกบอลไฟในมือของเขา กระสุนทั้งหมดถูกรวบรวมอยู่ในลูกบอลไฟแล้วถูกหลอมให้กลายเป็นเหล็กหลอมละลายด้วยไฟของเขา แล้วพวกเขาทั้งสองก็วิ่งหนีต่อไป


“คุณจะปล่อยให้คนพวกนี้หนีไปไม่ได้นะ เขามีความสามารถเกินคนธรรมดาทั่วไปและยังทำสิ่งที่ชั่วช้า คุณต้องจับพวกมันไปเข้าคุก!” หลินเฟิงวางแผนที่จะเข้าไปขัดขวางและหยุดเจ้าโจรทั้งสองคน


ในเวลานี้ เจ้าโจรทั้งสองคนกำลังจะไปถึงทางด้านที่หลินเฟิงยืนอยู่ พวกมันคอยปล่อยลูกไฟและสายฟ้าไปโดยรอบบริเวณนั้น บังคับให้ผู้คนที่รายล้อมอยู่นั้นแยกตัวออกไป


แต่หลินเฟิงยังคงยืนอยู่ตรงกลางอยู่อย่างนั้น เขาไม่ได้ขยับตัวไปไหน ดูราวกับคนบ้า เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนเมื่อได้เห็นสิ่งนี้ต่างพากันตะโกนบอกให้หลินเฟิงหนีไป


แต่หลินเฟิงนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ยินเสียงของพวกเขา เขายังคงยืนนิ่งและในที่สุดชายทั้งสองคนก็เริ่มที่จะพุ่งเป้าการต่อสู้มาที่เขา


ในมือของชายคนหนึ่งนั้นคือสายฟ้าที่กำลังฟาดลงมา ส่วนชายอีกคนนั้นคือลูกบอลไฟที่กำลังเปล่งแสง คนทั้งสองต่างกระหน่ำยิงมาที่หลินเฟิงในคราวเดียวกัน


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น