CF:บทที่ 710 เปิดตัวชุดเกราะรบ
การเปิดตัวของชุดเกราะรบนั้นได้สร้างความทึ่งให้กับทางกองทัพอย่างมาก, แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นจุดเริ่มของความยากลำบากด้วยเช่นกัน
เพราะพวกเขาพบว่าหากพวกเขาต้องการที่จะใช้ชุดเกราะรบอันนี้, ถ้าพวกเขาไม่มีสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งพอล่ะก็, จะไม่สามารถใช้งานมันได้
ผู้คนที่ได้ทราบข่าวนี้ก็ได้เริ่มซื้อตุนของที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายมาเป็นจำนวนมาก
มีบางบริษัทที่ผลิตยาเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายที่ได้ก็ได้มีการดีลกันอย่างเงียบๆกับคนเหล่านี้เช่นกัน
ถึงแม้ว่าทางสภาสูงของสหพันธรัฐจักรวาลจะมีองค์กรยักษ์ใหญ่ที่เป็นหุ้นส่วนกันอยู่แล้ว
แต่น่าเสียดายที่, ผู้คนในองค์กรนี้ล้วนมาจากอารยธรรมต่างๆกัน
และผลก็คือ, มีสมาชิกสภาจากอารยธรรมชั้นสูงสองคน เพราะการที่พวกเขาหาซื้อยาเสริมความแข็งแกร่ง, จึงทำให้มีการโต้แย้ง, และข่าวเรื่องของชุดเกราะรบจึงรั่วออกไป
จากนั้น, ข่าวนี้ก็ได้แพร่สะพัดไปยังอารยธรรมต่างๆอย่างรวดเร็วเยี่ยงความเร็วแสง
ในตอนแรก ข่าวก็แพร่ในเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและเศรษฐี, แล้วจากนั้นข่าวก็ได้แพร่ออกไปเรื่อยๆจนแม้แต่คนธรรมดาก็ยังได้ยินข่าวนี้
แน่นอนว่า, ในตอนที่ข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไปนั้น มีหลายคนที่ยังไม่เชื่อในข่าวนี้ พวกว่าพวกเขาไม่เคยเห็นชุดเกราะรบมาก่อน
อย่างไรก็ตาม, พวกเขาก็พอจะรู้ว่าควรจะที่เก็บสะสมทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเสริมแกร่งของร่างกายอย่างเงียบๆ และไม่อย่างเพิ่งขายต่อให้ใคร
ซึ่งเรื่องนี้ได้ทำให้คนในสภาสูงของสหพันธรัฐโกรธมาก, รวมถึงบางคนที่เพิ่งทราบข่าวทีหลัง, ทำให้ไม่ได้ผลประโยชน์เท่าที่ควร
ในห้องประชุมเล็กๆ, มิสต์ได้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเซาโตร แล้วทั้งคู่ก็ได้พากันหัวเราะออกมา
ถ้าอู๋ฮ่าวเหรินได้ผลประโยชน์มากที่สุดจากเรื่องในครั้งนี้ เขาคงจะได้มานั่งข้างสองคนนี้แล้ว, แล้วมิสต์ก็ถามเซาโตร "รู้สึกเสียดายมั่งไหม?"
"หืม, เสียดายอะไร? ถ้าจะมีใครที่รู้สึกเสียดายกับเรื่องนี้มากกว่าข้า, ก็ควรจะเป็นศูนย์วิจัยชุดเกราะมากกว่า แต่มันก็เป็นของที่ใครบางคนส่งต่อไปให้อีกคนนี่นะ, นอกจากนี้ข้ายังได้ยินมาว่าได้มาฟรีๆอีกต่างหาก"
"หึ, ตอนที่ให้ไปข้าไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นแหละ, ขอแค่มันเพียงพอสำหรับที่ข้าจะสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้ก็พอ, ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าศูนย์วิจัยชุดเกราะนั้นมันยังอยู่กับข้าล่ะก็, มันก็คงไม่มีค่ามากดังเช่นตอนนี้หรอก
มิสท์นั้นรู้ดีว่าถ้าเขาไม่ได้ให้ศูนย์วิจัยชุดเกราะกับอู๋ฮ่าวเหรินไปล่ะก็, คงไม่มีทั้งชุดเกราะของพลเรือนและของกองทัพปรากฏขึ้นมาอย่างเช่นทุกวันนี้หรอก
เซาโตรจ้องมองมิสต์ด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง, ถ้าเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ว่ามิสต์นั้นจะเป็นคนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดอย่างนั้นเหรอ
"คุณเองก็น่าจะเห็นสถานการณ์ของสหพันธรัฐในเวลานี้แล้วสินะ"
มิสต์ผงกหัวแล้วพูดขึ้นมา "ข้าไม่ได้ตาบอดหรอกน่า, ข้าแค่ไม่รู้ว่าข้าจะอยู่ต่อไปได้นานอีกแค่ไหน, เฮ้อ มันช่างเป็นช่วงที่เต็มไปด้วยเรื่องต่างๆจริงๆ, ข้าไม่รู้เลยว่าการปรากฏตัวของชุดเกราะรบนี้มันเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่นะ?"
เซาโตรไม่ตอบคำถามของเขา, เพราะเขาเองก็ไม่รู้คำตอบนี้เช่นกัน, แต่เขารู้ดีว่ามันเป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขาที่จะรอดไปจากพายุในครั้งนี้ได้
"แล้วเจ้าคิดว่าพวกเราควรจะทำเช่นไรต่อไปดี? ในเวลานี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าหากปัญหาของเจ้าตัวทำลายล้างได้ถูกสะสางแล้วล่ะก็ ปัญหาที่เหลือจะต้องตามมาแน่, และยิ่งไปกว่านั้นในเวลานี้ทางสภาสูงของสหพันธรัฐและทางกองทัพของพวกเราที่ต้องแบกรับแรงกดดันในคราวนี้อีก"
มิสต์เองก็ช่วยอะไรไม่ได้, ในปัจจุบันมีอารยธรรมชั้นสูงมากถึง 16 อารยธรรมและชั้นกลางอีกอย่างน้อย 100 อารยธรรมที่ถูกพบขึ้นมาในคราวนี้
อารยธรรมเหล่านี้ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนจนกระทั่งถึงในปัจจุบัน, ซึ่งการปรากฏตัวของเจ้าตัวทำลายล้างนั้นดูเหมือนจะทำให้อารยธรรมเหล่านี้โผล่ขึ้นมา
ถ้าหากกองกำลังนี้ร่วมมือแล้วล่ะก็, อาจจะทรงพลังยิ่งกว่ากองกำลังร่วมของสหพันธรัฐในปัจจุบันเสียอีก
จึงถือว่าเป็นเรื่องดีที่ทางสหพันธรัฐนั้นได้พบอารยธรรมจำนวนมากเหล่านี้เสียก่อน, ไม่อย่างนั้นหากอารยธรรมเหล่านี้เกิดรวมตัวกันเองขึ้นมาแล้วล่ะก็, คงได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาแน่
"ไม่, ข้าไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ, ในเวลานี้ข้าต้องการที่จะสร้างให้กองยานของข้ากลายเป็นสุดยอดกองยานที่ทำให้อารยธรรมพวกนั้นไม่กล้าหือ, ส่วนเรื่องอื่นๆ ช่างมันไปก่อน"
เซาโตรก็ช่วยอะไรไม่ได้เมื่อได้ยินที่มิสต์พูดขึ้นมา, ก็คนๆนี้มีนโยบายแบบนี้มาตลอดอยู่แล้ว
"แล้วเจ้าเองเคยคิดที่จะแลกเปลี่ยนเขตดาวที่ยังไม่ได้พัฒนากับอู๋ฮ่าวเหรินดูบ้างไหม, การช่วยเหลือให้ครอบครัวของทหารให้ได้ย้ายและก่อตั้งบนพื้นที่บนฐานทัพของตัวเองขึ้นมา?"
มิสต์ตกใจขึ้นมา, แน่นอนว่าเขาเองก็เคยคิดมาก่อนเหมือนกัน, แต่เพราะเรื่องของความจุกจิกในเรื่องตัวตนของเขา, ทำให้เขาไม่กล้าที่จะลงมือทำเลย, นั่นเลยเป็นเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงได้ปฏิเสธเรื่องการพัฒนาเขตดาวร่วมกับอู๋ฮ่าวเหรินไป
ในฐานะที่เขาเป็นผู้บัญชาการกองยานหลักของสหพันธรัฐจักรวาล, เขาจึงไม่สามารถที่จะกระทำการบางอย่างได้เพราะตัวตนของเขา
แต่จากปัญหาในปัจจุบัน, ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมา, ทางสหพันธรัฐก็คงไม่มีเวลาที่จะมาสนใจเหมือนกัน
"เจ้าต้องการที่จะแยกตัวออกมาเองอย่างงั้นเหรอ!"
"ข้าแค่ต้องการที่จะมีชีวิตรอดเท่านั้น, หากเจ้าต้องการพวกเราจะมาร่วมมือกันก็ได้นะ, ข้าเชื่อว่าหากมีความวุ่นวายเกิดขึ้นในอนาคตด้วยความแข็งแกร่งของกองยานทั้งสองของพวกเรา, ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับเหล่าอารยธรรมชั้นสูงรอบด้าน, ข้าว่าพวกเราก็ยังพอที่จะสู้ไหว"
"แต่ทรัพยากรที่จำเป็นจำนวนมากของพวกเขายังต้องได้รับมาจากทางสภาสูงของสหพันธรัฐอยู่นะ"
"แน่นอน, ข้ารู้เรื่องดี, ถ้าทางกองทัพไม่ได้รับการสนับสนุน ไม่นานนักก็จะอยู่ไม่รอด, แต่ดูนี่เสียก่อน นี่คือข้อมูลที่ข้าได้ไปรวบรวมมา"
มิสต์มองดูข้อมูลที่เซาโตรได้ไปรวบรวมมาอย่างสงสัย, แล้วสีหน้าของเขาก็ประหลาดใจขึ้นมา
"นี่มันเรื่องจริงอย่างงั้นเหรอ?"
"ตอนแรกข้าเองก็ไม่เชื่อ, แต่หลังจากที่ได้รับการยืนยันมาจากคน 10 กว่าคนแล้ว, ข้าก็เริ่มเชื่อแล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง"
"ข้าเริ่มชื่นชมเจ้าหนูนั่นขึ้นมาบ้างแล้ว, ข้าคงไม่กล้าทำอะไรแบบนี้แน่"
"ฮ่าๆ, ถ้าเจ้าหนูนี่รู้เรื่องนี้ว่าจะต้องเกิดขึ้นมานานแล้ว, ก็จะต้องมีกองกำลังที่แข็งแกร่งหนุนหลังเขาอยู่แน่ๆ, และเขาเองก็ไม่กลัวที่จะถูกค้นพบด้วย, แน่นอนว่าข้าคิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลัง"
มิสต์ผงกหัว "ถ้าหากเรื่องนี้เป็นจริง, ข้าเองก็คิดว่าอย่างหลังน่าจะเป็นไปได้มากกว่า, มีอารยธรรมชั้นสูงหนุนหลังเขาอยู่จริงๆอย่างงั้นเหรอ?"
"ข้าเกรงว่าจะไม่ใช่แค่อารยธรรมชั้นสูงเฉยๆน่ะสิ, ข้ารู้สึกได้ว่าอาจจะเป็นอารยธรรมสูงสุดก็เป็นได้, แต่ไม่ว่าจะอย่างไหน, มันก็เป็นเรื่องดีสำหรับพวกเราทั้งนั้น"
"คุณต้องการที่จะโดดลงเรือลำเดียวกับเจ้าหนูนี่อย่างงั้นสินะ"
มิสต์นั้นไม่คิดว่าเซาโตรเองก็ต้องการที่จะผูกชะตาของเขาเอาไว้กับอู๋ฮ่าวเหริน, อย่างไรก็ตามจากข้อมูลที่ได้รับมา, ก็ถือได้ว่าเป็นทางเลือกที่ดี
ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร, ข้อมูลที่พวกเขามีที่เกี่ยวข้องกับคนๆนั้นก็เรียกได้ว่า
"ลองคิดดูสิ, แค่ปัญหาที่ว่าคนพวกนั้นไม่สามารถจัดการพวกเราได้, ก็กลายเป็นปัญหาซะแล้ว"
เซาโตรคิดว่าถ้าเขาไม่รู้เรื่อง, บางทีเขาเองก็อาจที่จะไม่พบกับ ความลับของอู๋ฮ่าวเหรินก็ได้
หลังจากเรื่องของโบราณที่อารยธรรมซิ่วหมิงได้ปรากฏออกมา, ก็ได้มีคนที่ได้ทำบางอย่างตามแผนที่อู๋ฮ่าวเหรินได้วางเอาไว้
และคนที่ว่านี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น, แต่เป็นอูริสเคย์ที่ผิดกับในอนาคต, ซึ่งเป็นนักธุรกิจอัจฉริยะจากเขตดาวอิคารัน, ซึ่งถูกฝึกโดยอู๋ฮ่าวเหรินโดยใช้วิธีการแบบในอนาคต
ซึ่งถ้ามีบางอย่างที่อู๋ฮ่าวเหรินหามาให้ไม่ได้, ก็จะได้เขานี่แหละที่ไปหามาให้
ยกตัวอย่าง, วัตถุดิบต่างๆจำนวนมาก, ก็ล้วนได้มาจากบริษัทต่างๆกันและสิ่งไหนที่เขาไม่สามารถหามาได้ก็จะได้รับมาจากอูริสทั้งหมด
ส่วนหลูวหยู่, เจ้าหญิงจากอารยธรรมอัทลัน, ซึ่งอู๋ฮ่าวเหรินก็ยังไม่ลืมเธอ, ในช่วงที่ผ่านมานี้เขาได้มอบความรู้ด้านเทคโนโลยีบางอย่างให้กับเจ้าหญิงและคอยสั่งสอนเธอ
หากเทียบกับพลังที่อยู่ในด้านสว่างแล้ว, พลังของอู๋ฮ่าวเหรินในด้านมืดนั้นจะแข็งแกร่งกว่ามาก, ซึ่งความแข็งแกร่งนี้ได้กระจัดกระจายไปทั่วอยู่ทุกหนทุกแห่ง
และด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงได้ทำให้การเงินของอู๋ฮ่าวเหรินนั้นยอบแยบอย่างมาก, จนเขาต้องขายแบบแปลนชุดเกราะของกองทัพออกไปเพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหานี้
ชุดเกราะรบนี้เดิมทีเคยเป็นความลับของทางกองทัพ, แต่เมื่อข่าวได้เผยแพร่ออกไป, ทางกองทัพจึงได้เข้าใจว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปกปิดอีกต่อไป
การปรากฏตัวครั้งแรกของชุดเกราะรบนี้จะได้ใช้ในปฏิบัติการต่อต้านตัวทำลายล้าง, โดยใช้สมาชิกหน่วยรบชุดเกราะจำนวน 30 นายเพื่อให้ทุกอารยธรรมได้เห็นถึงพลังของอุปกรณ์ชนิดนี้
คุณไม่สามารถที่จะใช้ปืนใหญ่ยานรบในการจัดการกับผู้ใช้ชุดเกราะคนเดียวได้, มันเหมือนกับการยิงยุงด้วยปืนนั่นแหละ
แล้วไม่ต้องคิดที่จะกำจัดชุดเกราะรบพวกนี้เลย หากมีมาเป็นจำนวนมากๆ
ทันทีที่วิดีโอการต่อสู้ระหว่างหน่วยชุดเกราะกับตัวทำลายล้างได้ถูกเผยแพร่ลงบนระบบเครือข่ายนำแสง, มันก็ได้สร้างความสั่นสะเทือนและความตื่นเต้นให้กับสมาชิกทั้งหมดของสหพันธรัฐจักรวาล
0 ความคิดเห็น