CF:บทที่ 679 กระจิบราตรีต้องตกตะลึง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 679 กระจิบราตรีต้องตกตะลึง

 

ในตอนนั้น หลูวหยู่มองไปยังหินหน้าตาประหลาดที่สะท้อนภาพมายาขึ้นมาบนแสง ตาของเธอเปล่งประกาย เธอนั้นก็เหมือนมังกรและพวกเธอชอบสิ่งที่สว่างไสวเช่นนี้

 

“มันสวยมากเลย หากใครซักคนเอาอัญมณีนี่มาให้ฉันล่ะก็ ฉันจะแต่งงานกับเขาคนนั้น”

 

“ไม่ต้องคิดเลย ดีไม่ดีอัญมณีนี่อาจจะมีแค่เม็ดเดียวในจักรวาลก็ได้ ฉันไม่คิดด้วยว่าหากออกไปสำรวจดวงดาว จะมีโอกาสที่จะได้หินนี่มาครอบครองไหม”

 

“จิ๊ส์ โชคไม่ดีจังแฮะ มันอันตรายเกินไป หรือว่าฉันควรจะลองออกไปสำรวจนะ...”

 

การปรากฏขึ้นของสิ่งล้ำค้าที่แปลกประหลาดนี้ทำเอาทุกคนที่อยู่ภายในโถงงานเลี้ยงตกตะลึงกันไปตามๆกัน แถมหินในมือของอู๋ฮ่าวเหรินเองก็ยังนับว่าสวยจนน่าประหลาดใจอีกด้วย สมบัติล้ำค้าชิ้นนี้ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ทันทีหลังจากแสดงให้เห็นแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงจุดประสงค์ของงานเลี้ยงวันนี้ เมื่อองค์หญิงเลือกเขาแล้ว และคนๆนี้ก็มอบของขวัญเป็นสมบัติเช่นนี้ เพราะงั้นแล้วไม่มีอะไรที่ต้องสูญเสีย

 

เหล่าคนที่คอยยั่วยุและปลุกปั่นอู๋ฮ่าวเหรินต่างพากันอยู่ในอาการเศร้าหงอยกันไปในเวลานี้

 

อู๋ฮ่าวเหรินมองไปยังชายผู้ที่บอกจะมอบยานอวกาศให้เขา

 

คนนั้นรู้สึกได้เลยว่ามีสายตาที่กำลังมองมาอยู่ เขาจึงรีบหลบสายตาไป ชัดเจนเลยว่าเขาคือ 1 ในบรรดาหลายคนที่ไม่ต้องการให้อู๋ฮ่าวเหรินเห็นตัวมากที่สุดในขณะนี้

 

ตอนนี้ เขาคิดได้แล้วว่า ถ้าอู๋ฮ่าวเหรินโดนจับตามอง หมอนั่นคงไม่เอาของที่มีค่าระดับนี้ออกมา

 

“ไม่คิดเลยว่านายจะเตรียมของขวัญมาให้ฉันด้วย ขอบคุณนะ ฉันชอบมันมากๆเลยล่ะ”

 

บรรยากาศที่น่าอึดอัดสลายไปในทันทีที่องค์หญิงหลูวหยู่เอ่ยชม คนเหล่านั้นรีบใช้จังหวะนี้กระจายตัวออกไปทันที

 

นั่นทำให้รอบๆตัวอู๋ฮ่าวเหรินในตอนนี้กลายเป็นสาวๆแทน อย่างไรก็ตามพวกเธอเหล่านี้บางส่วนก็มีพื้นฐานรูปร่างมาจากสุทรียศาสตร์ของมนุษย์ และพวกเธอนั้นยังงดงามราวกับดอกไม้วัยแรกแย้มอีกด้วย

 

“ไม่คิดเลยนะว่าเขาจะมาพร้อมกับอัญมณีระดับนั้นน่ะ”

 

“เป็นไปได้ไหมว่าองค์หญิงจะให้เขาไว้?”

 

“เธอคิดว่ามันจะเป็นไปได้เหรอถ้าองค์หญิงจะเอาอัญมณีนั่นไปให้เขา ดูมันหาง่ายมากมั้ง”

 

“หรือบางทีนี่อาจจะเป็นสมบัติที่เขาเจอในโบราณสถานก็ได้ เจ้าเด็กนี่น่าจะเป็นคนที่ได้เข้าไปสำรวจโบราณสถานนั่นนะ แต่ก็น่าสนใจจริงๆนั่นแหละ ชายผู้มากับโชคโดยธรรมชาติ โชคที่เราไม่สามารถขัดขวางได้”

 

ในสายตาของคนเหล่านี้ อู๋ฮ๋าวเหรินนั้นถือเป็นคนที่โชคดี แต่เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว เขาก็ยังห่างชั้นอยู่ดี

 

แต่จริงๆแล้วพวกเขาเองก็ไม่ได้คิดเรื่องความต่างนั้น

 

นั่นเพราะว่าถ้าพวกเขาไม่ได้บารมีตระกูลที่หนุนหลัง ดีไม่ดีพวกเขาเองก็อาจจะไม่มีอะไรเลย

 

“ฮึ่ม เรื่องนี้มันยังไม่จบหรอกนะ! ในเมื่อนายกล้าเอาองค์หญิงหลูวหยู่ไปจากฉัน เพราะงั้นฉันจะทำให้นายรู้เองว่าการที่อยู่โดยยากลำบากนั้นเป็นอย่างไร!”

 

“นี่ไม่ใช่แค่ปล้นเอาองค์หญิงไปอย่างเดียว แต่มันทำให้พวกเราขายหน้าด้วย!”

 

“เอางี้ดีกว่า มาร่วมมือกันแก้ปัญหาก่อนแล้วก็ค่อยมาแข่งกันทีหลัง”

 

“เห็นด้วย”

 

“เห็นด้วย”

 

“...”

 

ไม่นานนัก องค์กรกำจัดอู๋ฮ่าวเหรินที่มีจำนวนคนเท่าหยิบมือก็ก่อตั้งขึ้นมา

 

อู๋ฮ่าวเหรินไม่รู้เลยว่ากลุ่มชายหนุ่ม ณ ที่แห่งนี้กำลังรวมตัวกันเพื่อกำจัดเขาแล้ว

 

แต่กระนั้น หนุ่มๆเหล่านี้ก็โดนครอบครัวของพวกเขาเองห้ามเอาไว้ เหตุเพราะว่าพวกเขายังต้องคุยกับอู๋ฮ่าวเหรินเรื่องโบราณสถานอยู่

 

อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้คิดว่าคนเหล่านี้เป็นปัญหาเสียเท่าไหร่ เขาสามารถจัดการแก้ปัญหาเป็นกลุ่มๆได้ แต่หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มคนที่อยู่รอบๆตัวเขามันก็เริ่มเยอะจนเกินจะรับมือขึ้นมา

 

บางที อาจจะเป็นเพราะหลูวหยู่มีอะไรบางอย่างที่บ่งบอกให้รู้ว่าอู๋ฮ่าวเหรินกำลังตกที่นั่งลำบากอยู่ ยิ่งเธอเห็นคนอีกกลุ่มใหญ่ๆกำลังเข้ามา เธอจึงรีบเข้าไปช่วยพาเขาออกมาจากที่นั่นก่อน

 

เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินออกมาจากโถงงานเลี้ยงได้แล้ว ตระกูลกว่าอีกครึ่งโหลก็แอบส่งใบรายการของรางวัลต่างๆสำหรับการเข้าไปยังโบราณสถานมาให้

 

ชัดเลยว่าคนเหล่านี้ไม่ได้เชื่อเรื่องที่เขาพูดเลย และพวกเขานั้นยังคงเชื่อว่าอู๋ฮ่าวเหรินเข้าไปในโบราณสถานได้

 

“เจ้าหนู ถ้านายเข้าไปในโบราณสถานพวกนี้ล่ะก็ นายจะเป็นมหาเศรษฐีหลังออกมาได้เลยนะ ดูรายการของพวกนี้สิ!”

 

“ฉันยังไม่อยากตายแบบลึกลับ เพราะถ้าเกิดฉันเข้าไปแล้วบอกว่าข้างในเป็นอย่างไร มีหวังคนพวกนี้ได้สั่งคนเข้าไปเก็บฉันแน่”

 

หลังจากที่กลับมาจากงานเลี้ยง อู๋ฮ่าวเหรินก็เข้าไปยังฐานฝึกซ้อมเพื่อดูกลุ่มคนที่อยู่ภายในนั้น จากนั้นก็ไปถามมาลีฮาเกี่ยวกับงานวิจัยเรื่องเกราะสำหรับการต่อสู้

 

เมื่อมาลีฮาเห็นอู๋ฮ่าวเหริน เขาก็ตื่นเต้นมากๆและพูดขึ้น “บอส คุณนี่มันอัจฉริยะจริงๆ! คุณสามารถหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องพลังงานที่ค้างคามานานได้!! เพราะงั้นแล้วเกราะประจัญบานรุ่นที่ 5 คงจะวิจัยเสร็จในไม่นานนี้”

 

“ดี ถ้ายังไงช่วยเร่งให้หน่อยนะ ฉันต้องใช้มันเร็วๆนี้น่ะ”

 

“ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราสามารถทำให้มันเสร็จเร็วๆนี้ได้แน่นอน”

 

อู๋ฮ่าวเหรินแค่เปิดเผยข้อมูลบางอย่างทีละนิดๆให้แก่นักวิจัยเกราะคนนี้เท่านั้น เพราะถ้าหากเขาเปิดเผยมันทั้งหมดในทีเดียว ผู้คนอาจจะสงสัยเขาได้

 

หลังจากที่ตัวเขาออกมาจากสถาบันวิจัย เขาก็ตรงเข้าไปยังโรงพยาบาลเล็กๆของเขา อู๋ฮ๋าวเหรินได้รับการติดต่อมาจากสถานที่แปลกๆ

 

“สวัสดี นั่นใคร?”

 

หลังจากที่สัญญาณสงบลง เขาก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวที่ฟังดูพราวเสน่ห์และแผ่วเบาออกมาจากอีกฟากของการสนทนา

 

“ให้ตายเถอะ นายเองไม่ใช่เหรอที่ส่งจดหมายมาหาฉัน แล้วนี่ยังจะมาถามอีกว่าใคร”

 

“อ้อ พี่ใหญ่แห่งวอร์บเลอร์ ราชินีแห่งนักฆ่า ไนติงเกล”

 

ณ สถานที่ที่กว้างขวาง บนเก้าอี้สีแดงที่สะท้อนแสงแวบวับ ไนติงเกลผู้ที่มีเรือนร่างร้อนแรงราวกับปีศาจสาวพราวเสน่ห์กำลังตกตะลึงเมื่ออู๋ฮ๋าวเหรินพูดชื่อของเธอ

 

มันเป็นความรู้สึกที่ชวนสับสนบนใบหน้า นั่นเพราะว่าชื่อของเธอ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ การที่อู๋ฮ่าวเหรินรู้เรื่องนี้ หรือว่าจะมีอารยธรรมชั้นสูงซ่อนอยู่เบื้องหลังเขางั้นเหรอ?

 

ไม่มีทาง ต้องใช่แน่ๆ เธอเชื่อว่าเบื้องหลังอู๋ฮ่าวเหรินต้องมีอารยธรรมชั้นสูงซ่อนอยู่ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงยังไม่เข้าร่วมสัมพันธมิตรอวกาศ ณ เวลานี้

 

“ช่างน่าสนใจ ทำไมนายถึงรู้ชื่อฉันด้วย”

 

อู๋ฮ่าวเหรินยิ้มและพูดขึ้น “ไม่ใช่แค่ชื่อหรอก บางอย่างที่เกี่ยวกับเธอฉันก็รู้ อย่างเช่น เธออยากจะเด็ดหัวคนที่คอยบงการที่ซึ่งมาจากอารยธรรมชั้นสูงอยู่ หรือว่าจะเป็น วอร์บเลอร์ที่เธอสร้างขึ้นรวมไปถึงตัวเธอเอง กำลังมีปัญหาบางอย่าง”

 

“นาย!!”

 

“หึ ฉันอยากจะนัดเจอเธอ มีบางอย่างที่อยากจะพูดต่อหน้า บางทีเรื่องบางเรื่องฉันอาจจะช่วยเธอได้”

 

ไนติงเกลที่กำลังสับสนพยายามสงบจิตสงบใจไว้และพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่มีอะไร “ไม่ว่านายรู้เรื่องนี้มาจากใคร แต่ถ้านายคิดจะทำลายวอร์บเลอร์ของฉันล่ะก็ ฉันจะทำให้นายตายอนาถสุดๆให้ดู”

 

“ฮ่าๆๆ ข้อแรก ฉันไม่ได้กลัวนักฆ่าของวอร์บเลอร์เลยนะ ส่วนข้อสอง ฉันไม่ได้สนใจวอร์บเลอร์ของเธอ จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้อยากจะเจอพวกวอร์บเลอร์ซักเท่าไหร่ เพราะงั้นขอเจอแค่ครั้งเดียวพอ ฉันมีบางอย่าง ที่อยากจะวางใจให้เธอช่วยหน่อย”

 

“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เอาข้อมูลของเธอไปแบล็คเมล์แน่ แล้วก็จะไม่เบี้ยวเรื่องค่าตอบแทนด้วย”

 

“พูดจริงเหรอเนี่ย?”

 

“ตอนนี้ เรายังพูดถึงสิ่งนั้นไม่ได้ หลังจากที่เราเจอกันแล้ว ฉันจะบอกเธอเกี่ยวกับรายละเอียดทุกอย่าง อ้อ จริงสิ ฉันกำลังจะต้องไปแถวๆฐานที่เธอดูแลอยู่ ถ้ายังไงเธอช่วยรอที่นั่นก็ได้นะ”

 

ดูข้อมูลฐานที่อู๋ฮ่าวเหรินส่งมา ไนติงเกลก็ไม่อยากจะเชื่อ เธอคิดกับตัวเองว่ามันต้องมีไส้ศึกอยู่ใกล้ๆตัวเธอแน่ๆ

 

แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ นั่นก็เพราะว่ามีน้อยคนนักที่รู้เรื่องนี้ และยิ่งเป็นไปไม่ได้มากขึ้นไปอีกเมื่อคนที่รู้เองก็ไม่น่าจะเป็นพวกที่ทำตัวทรยศเธอ

 

ถ้ามันเป็นปัญหาเฉพาะตัวเธอ มันก็ไม่มีอะไรหรอก แต่นี่มันเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับอารยธรรมซ่อนเร้นที่เธอซ่อนมันไว้ต่างหาก

 

ไนติงเกลไม่อยากจะคิดเลยว่า หากผู้อื่นรู้เรื่องนี้ เธอต้องตกอยู่ในอันตรายขนาดไหน

 

อู๋ฮ่าวเหรินตัดการติดต่อแล้วก็คิดว่าการไปพบพวกวอร์บเลอร์นั้นเป็นทางเลือกที่ดีของอีกฝ่ายและจะได้สามารถพัฒนาเป็นองค์กรทรงคุณค่าทางปัญญาแห่งสัมพันธมิตรอวกาศด้วย

 

แต่โชคร้ายที่สถานถารณ์ของผู้นำวอร์บเลอร์ปัจจุบันไม่ค่อยดีนัก เพราะงั้นเขาจึงใช้วิธีนี้ในการที่จะร่วมมือกันและขอร้องให้วอร์บเลอร์ช่วยเขาทำอะไรบางอย่าง

 



แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น