CF:บทที่ 680 การตื่นขึ้นมาของผู้ข้ามผ่าน
ถ้าหากคุณอยากจะสำรวจเขตแดนที่ยังไม่ได้พัฒนา คุณจำเป็นต้องสร้างกองยานขนาดยักษ์ขึ้นมาก่อนเป็นอันดับแรก แล้วจึงค่อยจ้างคน
ในมือของอู๋ฮ่าวเหรินนั้น เขามีเพียงเงิน ส่วนกองยานและคนนั้นยังไม่มี
ผู้คนที่โม่เก๋อนำกลับมาด้วยนั้นไม่เพียงพอต่อการสำรวจเขตแดนดวงดาวอยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น อู๋ฮ่าวเหรินก็ตั้งใจจะให้พวกคนเหล่านี้เป็นผู้พิทักษ์ติดอาวุธหนักแทน ทั้งนี้ก็เพื่อไว้คอยจัดการการสถานการณ์อันตรายต่างๆที่อาจจะได้พบเจอในการสำรวจเขตแดนดวงดาวต่างๆ
ภายในกลุ่มซองแดง อู๋ฮ่าวเหรินอธิบายสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ให้หลายคนฟัง
“ดูมันจะเป็นเรื่องที่ยากอยู่นะสำหรับการสร้างกองยานสำรวจในเวลานี้”
“เงินที่นายได้มาจากการขายชุดเกราะนั้นสร้างกองยานไม่พอหรอก และถึงแม้นายตั้งใจจะสร้างยานสำรวจด้วยตัวเอง เวลานายก็ยังไม่พออยู่ดี”
อู๋ฮ่าวเหรินพยักหน้า เขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
ไม่ว่าจะต้องก่อตั้งกองยานเพื่อรับสมัครคนมาช่วยสำรวจจำนวนมาก หรือแม้แต่เงินทุนจำนวนมหาศาล
ลำพังการขายชุดเกราะในตอนนี้นั้นไม่พอใช้อย่างแน่นอน
ในความเป็นจริง หากอู๋ฮ๋าวเหรินไม่มีแผนที่ดวงดาวอยู่ล่ะก็ เขาก็คงไม่กล้าจะลองเสี่ยงกับอะไรที่ใหญ่อย่างการไปสำรวจเขตแดนดวงดาวเช่นนี้
“ดูเหมือนว่าเราจะต้องหาโปรเจคอื่นมาทำเพื่อสร้างเม็ดเงินเร็วๆนะ”
อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกกดดันนิดหน่อย เขากำลังจะทำลายบริษัททั้งบริษัทด้วยมือเขาเองเพราะปัญหามากมายที่จะตามมา
“ไม่ดีแน่ๆจะข้ามเทคโนโลยีบางอย่างมากเกินไป”
“ช่วยไม่ได้นี่นา เทคโนโลยีโบราณหลายๆอย่างมันหายากจะตายไป เทคโนโลยีของอารยธรรมมนุษย์ว่ายากแล้ว แต่อารยธรรมอื่นยิ่งหายากกว่า”
อู๋ฮ่าวเหรินเองก็รู้ว่าข้อมูลส่วนใหญ่นั้นไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในสัมพันธมิตรอวกาศหากจะถามถึงอารยธรรมเหล่านั้น แต่อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น
“เอางั้นมั้ย ถ้านายอยากจะพัฒนาบริษัทรถบินได้ เทคโนโลยีรถบินได้ในยุคของนายมันยังพอเป็นไปได้นะ” เจ้าแห่งรถบินได้พูด
“สมองแสงอัจฉริยะก็ได้เหมือนกัน เพราะในประวัติศาสตร์ของเทคโนโลยี มันเคยถูกบันทึกไว้แล้ว และฉันพอจะช่วยนายหามันได้” สมองกลพูดต่อ
ชายชุดเกราะเองก็พูดเสริมเช่นกัน “ในความจริง นอกจากยานรบแล้วก็พวกเกราะน่าจะมีประโยชน์ที่สุดนะ ตราบใดที่นายยังพัฒนาเจ้าพวกนี้ เงินก็จะเข้ามือนายได้เรื่อยๆ แล้วก็ถ้าเมื่อไหร่นายจะเริ่มแผนพัฒนาเขตแดนดวงดาว นายก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป”
แน่นอนว่าอู๋ฮ่าวเหรินรู้อยู่แล้วว่าเขานั้นมีปัญหาแค่ตอนเริ่มเท่านั้น เพราะถ้าหากจับทางได้แล้ว มันก็จะง่ายขึ้นเยอะเลย
ขณะที่อู๋ฮ่าวเหรินกำลังคุยเรื่องพัฒนาเขตแดนอยู่นั้นเอง ประชากรของอารยธรรมพาลอสผู้ที่กลับมาจากอนาคตก็กลับมามีชีวิตอีกครั้งในจักรวาลอื่น
ชายผู้ที่ครึ่งหนึ่งได้จากไปแล้ว และอีกครึ่งหนึ่งก็เกือบจะตายลงไป เขาดูไม่ดีนัก
“กองยานที่เราส่งไปในจักรวาลอื่นไม่มีการติดต่อกลับมาเลย เป็นไปได้ว่าทางนั้นอาจจะกำลังเจอปัญหา”
“แล้วทำไมนายไม่ส่งคนไปเพิ่ม?”
“ทุกครั้งที่ส่งคนไปเพิ่ม พวกเขาส่วนใหญ่ก็ตายในรอยแยกของจักรวาล การสูญเสียนี้มันมากเกินไปแล้ว แถมยังไม่เป็นประโยชน์ที่จะต้องเอาคนของเราไปเสียสละแบบไม่รู้จบเช่นนี้เลย”
“นายยังไม่เข้าใจ นายยังไม่เข้าใจว่าสมบัติชิ้นนั้นคืออะไร! ให้ตายสิ! ฉันคงต้องพักผ่อนอีกรอบแล้ว แต่จำไว้นะ ฉันต้องได้แผนที่นั่นกลับคืนมา! ไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่ นี่เป็นช่องทางเดียว เพราะงั้นส่งคนไปเพิ่มเพื่อนำเอาแผนที่กลับมาให้ได้ตามวิธีที่ฉันวางไว้”
ชนชั้นสูงแห่งพาลอสมองไปยังชายที่พยายามใจเย็นลงหลังจากที่กลับมาจากอนาคต เขาหลับลึกลงไปอีกครั้งและไม่มีใครช่วยเขาได้
ในความจริงแล้ว พวกเขาไม่เชื่อด้วยว่าพวกเขาจะสามารถเดินทางข้ามห้วงเวลาและอวกาศได้พร้อมกับสามารถย้อนกลับมาอดีตหลังจากไปอนาคตได้อีก แต่นี่มันก็ทำให้พวกเขาช็อคมากๆเพราะข้อมูลส่วนใหญ่ที่เขาให้นั้นมาจากซูดี้
“เราควรทำอะไรตอนนี้ดี ส่งคนไปตายเพิ่มเหรอ?”
“เรากำลังดูนี่อยู่ มันคือความลับที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะด้วยกรณีไหนก็ตาม เราต้องเอาแผนที่นั่นกลับมา ด้วยสถานการณ์ของเราในตอนนี้ หากเราต้องการก้าวเข้าสู่อารยธรรมขั้นสูงกว่า เราต้องได้แผนที่ดวงดาวนั่นกลับมา!”
“มันจะดีกว่าถ้าเราสามารถครอบครองอารยธรรมทั้งหมดได้ พวกเราไม่ต้องการเทคโนโลยีที่อยู่ในระดับต่ำกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการทรัพยากรณ์เป็นจำนวนมาก”
อารยธรรมมากมายภายในอวกาศแห่งนี้ต่างก็รู้ตัวเองว่า พวกเขาไม่ใช่แค่อารยธรรมหนึ่งเดียว แถมยังนับเป็น 1 ในอารยธรรมจำนวนมากอีกด้วย
ในบรรพกาล อารยธรรมต่างๆก็อยากที่จะเข้าถึงความแข็งแกร่งกันทั้งนั้น เพราะนั่นจะทำให้พวกเขาก้าวเข้าสู่การเป็นอารยธรรมชั้นสูง แต่หลังจากนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ช่องทางทั้งหมดก็ถูกปิดไป ทำให้อารยธรรมต่างๆแยกตัวออกจากกัน
มาในตอนนี้ พวกเขาก็พอจะเข้าถึงอารยธรรมที่อยู่ระดับล่างๆได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความเสี่ยงที่จะเกิดการสูญเสียสูงแล้วล่ะก็ พวกเขาคงจะส่งคนไปเป็นกองทัพเพื่อเข้ายึดครองอารยธรรมเหล่านั้นไปแล้ว
พาลอสเองก็ดูท่าจะทำอะไรซักอย่างเร็วๆนี้ แล้วสิ่งที่เขาเลือกทำก็คือส่งคนจำนวนมากเพื่อไปยึดครองอารยธรรมที่ระดับต่ำกว่าก่อนเป็นอันดับแรก
มันคงจะเป็นเรื่องดีกว่าถ้าสามารถยึดครองอารยธรรมนั้นได้โดยที่ไม่ต้องก่อสงคราม
ในบางครั้ง ประวัติศาสตร์ก็คล้ายกันอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นคือสิ่งที่พาลอสในอนาคตได้ลงมือทำลงไป
แต่โชคร้าย เพราะถึงแม้เขาจะพัฒนาอิทธิพลไปมากขนาดไหนในสัมพันธมิตรอวกาศ พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าถึงความเป็น ‘อารยธรรมชั้นสูง พาลอส’ ได้
ท้ายสุดพวกเขาจึงใช้วิธีย้อนกลับไปยังอดีตเพื่อนำแผนที่ดวงดาวมาให้ได้
แต่โชคร้าย คนบ้าพวกนี้ไม่รู้เลยว่าการกระทำเช่นนี้มันทำให้พวกเขาค่อยๆก้าวเข้าสู่ความตายเรื่อยๆ
เมื่อพาลอสเริ่มปฏิบัติการตามแผน พวกเขาส่งทหารที่แข็งแกร่งออกมาเป็นจำนวนมากรวมถึงเหล่าผู้มีฝีมืออีกมากมาย
เมื่อคนเหล่านี้มาถึงสัมพันธมิตรอวกาศ พวกเขาก็รีบพัฒนาขุมกำลังขึ้นอย่างรวดเร็วและพยายามที่จะยึดครองที่นั่น
หากแต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้เลย ผู้ที่กลับมาจากการเดินทางข้ามโลกก็ไม่รู้เช่นกัน ว่าในสัมพันธมิตรอวกาศนั้น ยังมีคนหนึ่งคน ที่รอคอยการแทรกซึมของพวกเขาอยู่
อู๋ฮ่าวเหรินที่ตอนนี้กำลังขับยานอวกาศตามไปในกองยานของลูโอก้าที่กำลังมุ่งหน้าเข้าไปในเขตแดนที่ลูโอก้าครอบครองอยู่
ถึงแม้ลูโอก้าจะรอบคอบมากๆแต่อู๋ฮ่าวเหรินเองก็มีแผนที่ดวงดาวอยู่ ดังนั้นแล้วมันเลยทำให้การสำรวจพื้นที่นั้นสามารถดำเนินการได้ในวงกว้าง
ในการที่เขาจะสร้างกองยานสำรวจและปกป้องเทคโนโลยียานอวกาศของเขาจากการโดนตรวจพบโดนสภาอวกาศนั้น อู๋ฮ่าวเหรินจำเป็นที่จะต้องจัดตั้งฐานการผลิตยานอวกาศขึ้นในพื้นที่นี้
เมื่อลูโอก้าได้ยินเรื่องที่อู๋ฮ่าวเหรินกำลังจะสร้างฐานการผลิตยานอวกาศขึ้นที่นี่ เขาก็รู้สึกว่าสมองของอู๋ฮ่าวเหรินอาจจะมีปัญหาแล้วก็ได้
“นายมีเทคโนโลยียานอวกาศที่สมบูรณ์ที่สุดแล้วจริงๆเหรอ?” ลูโอก้าถามแบบนี้เป็นครั้งที่ 23 แล้ว เพราะเขาคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริง แสดงว่าอู๋ฮ่าวเหรินต้องกำลังเป็นฉากหน้าให้อารยธรรมชั้นสูงมากๆอยู่แน่ๆ
แล้วถ้าเป็นเช่นนั้น มันต้องเป็นอารยธรรมที่ทรงพลังมากๆ ไม่ใช่แค่เป็นเจ้าแห่งแผนที่ของเขตแดนดวงดาวต่างๆ แต่น่าจะยังเป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยีขั้นสูงมากมายอีกด้วย
“นายอยากจะร่วมด้วยหรือเปล่า? ตราบใดก็ตามที่นายช่วยฉันหาคนที่มีความสามารถมาช่วยผลิตยานอวกาศได้ ฉันก็ช่วยนายผลิตยานรบที่แข็งแกร่งมากขึ้นได้”
อู๋อ่าวเหรินนั้นปวดหัวกับการหาพวกคนที่มีความสามารถมากๆ ถึงแม้ว่าเขาจะมีเทคโนโลยีอยู่ในมือ แต่การที่เขาจะเปลี่ยนมันเป็นผลิตภัณฑ์นั้น เขายังขาดคนมีความสามารถมาเติมเต็มจุดนี้อีกมาก
และสำหรับนักพัฒนาและฝ่ายผลิตยานอวกาศนั้น มันยิ่งเป็นปัญหากว่าความสามารถด้านอื่นๆ จะเรียกว่ามันหายากมากๆในสัมพันธมิตรอวกาศเลยก็ว่าได้ แถมยังถุกไล่บี้โดยพวกฝ่ายผลิตยานอวกาศใหญ่ๆอื่นๆด้วย
อู๋ฮ่าวเหรินต้องการที่จะรับสมัครคนมีความสามารถแต่เพราะมันมีปัญหาอยู่บ้าง เขาจึงอยากให้ลูโอก้าช่วย
แต่โชคร้ายที่ดูเหมือนว่าลูโอก้าจะไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับอู๋ฮ่าวเหริน และเขาก็ปฏิเสธการร่วมมือกันโดยตรง
ถึงแม้ว่าแผนพัฒนาเขตแดนดวงดาวจะทำให้ลูโอก้าหลงไหลในความหอมหวน แต่เขาก็ไม่ได้เห็นว่าอู๋ฮ่าวเหรินจะมีความสามารถในการผลิตยานอวกาศขั้นสูงตามที่เขาพูดไว้ได้
0 ความคิดเห็น