CF:บทที่ 512 การพัฒนาของดาวเทียมสอดแนม
เมื่อได้วางระบบเครือข่ายนำแสงแล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินก็ได้ใส่ระบบนี้ไว้กับดาวเทียมสอดแนมระหว่างดวงดาวด้วยเพื่อให้ทำการสำรวจสถานการณ์รอบๆกาแล็คซี่
จริงๆแล้ว, เขานั้นได้กังวลถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น, เขาจึงได้ใช้ดาวเทียมสอดแนมเพื่อทำการมองหายานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว
เดิมที, เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนั้น, เพราะกาแลคซี่ทางช้างเผือกนั้นมีขนาดที่ใหญ่มากและกลุ่มดาวที่อยู่นอกทางช้างเผือกก็ใหญ่ยิ่งกว่า, การที่จะใช้ดาวเทียมระหว่างดวงดาวจำนวนเท่านี้ในการตรวจตราดวงดาวรอบๆทางช้างเผือก, ก็คงเป็นได้แค่ฝันไป
แต่ทว่า, ดาวเทียมสอดแนมระหว่างดวงดาวที่ถูกใช้เยี่ยงแมวตาบอดจับหนูพวกนี้ กลับส่งรูปภาพที่ทำให้เขาต้องตกใจกลับมา
ณ ห้องแล็บ, อู๋ฮ่าวเหรินมองดูรูปภาพที่ถูกส่งมาจากดาวเทียมผ่านหน้าจอใหญ่, ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพหดหู่
เรื่องแบบนี้มันไม่ควรที่จะเกิดขึ้นได้ ดูเหมือนจะว่าจะเปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะการปราฏตัวของเขา
เขาไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะผีเสื้อกระพือปีก, หรือมันเป็นการลงโทษจากพลังแห่งกฏเพราะเขาใช้ระบบซองแดงกันแน่
แต่ไม่ว่าจะอย่างไหน, ตอนนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขา ถ้าเป็นอย่างแรกมันก็จะทำให้อนาคตเกิดความไม่แน่นอน และสิ่งต่างๆในอนาคตก็จะหายไป
ถ้าเกิดเป็นอย่างหลังมันก็ทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมา และทำให้เขาต้องระวังการใช้ระบบซองแดงให้มากขึ้น, และไม่กล้าที่จะพร่ำเพรื่ออีก
รูปภาพที่ถูกส่งกลับมาจากดาวเทียมสอดแนมนั้นเป็นยานอวกาศที่กำลังบินอยู่, มันบินเร็วมากจนมองเห็นแค่แสงและเงาเท่านั้น, ซึ่งอยู่ห่างจากทางช้างเผือกไปแค่ 3 ปีแสงเท่านั้น
ซึ่งอาจเรียกได้ว่ายานอวกาศลำนั้นบินเฉียดมาใกล้ทางช้างเผือกมาก แล้วมุ่งหน้าไปยังดาวดวงอื่นที่อยู่ห่างไกล, ถ้าหากยานอวกาศลำนั้นเบี่ยงเบนทิศที่มุ่งไปอีกหน่อยก็เข้ากาแล็คซี่ทางช้างเผือกแล้ว
ซึ่งสถานการณ์นี้ทำให้อู๋ฮ่าวเหรินเป็นกังวล, เขาไม่ต้องการให้ยานอวกาศของต่างอารยธรรมเข้ามาในกาแล็คซี่ในขณะนี้
มนุษยชาติในทุกวันนี้ยังบอบบางเกินไปที่จะเผชิญกับสงครามอวกาศ, ถ้าเกิดมีสงครามจริงๆขึ้นมา, เขาคงทำได้แค่หนีออกไปจากโลกพร้อมกับผู้คนจำนวนหนึ่งเท่านั้น, ซึ่งนั่นก็เป็นอะไรที่เขาไม่ต้องการจะเห็น
"จี้, คุณยืนยันได้มั๊ยว่ายานอวกาศลำนี้ไม่ได้เข้ามายังกาแลคซี่?"
"จากการคำนวนแล้ว, มีโอกาสน้อยมากค่ะที่จะมุ่งหน้าเข้ามายังกาแลคซี่ของเรา, ทิศทางของยานอวกาศนั้นได้มุ่งหน้าไปยังกาแล็คซี่นี้, ซึ่งอยู่ถัดไปจากกาแล็คซี่ทางช้างเผือกค่ะ"
อีกรูปภาพหนึ่งปรากฏขึ้นที่จอใหญ่ ไม่นานนักอู๋ฮ่าวเหรินก็เข้าใจว่ายานอวกาศลำนี้กำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน
"หรือว่ามันจะเป็นยานอวกาศของสหพันธรัฐอวกาศ!"
"เป็นไปได้ค่ะ,
เพราะทิศทางที่มุ่งหน้าไปนั้นเป็นเขตของสหพันธรัฐอวกาศค่ะ, ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีรู้หนอนที่บริเวณนี้อีกด้วย, ซึ่งมันจะมุ่งตรงไปยังเขตรอบนอกของศูนย์กลางของสหพันธรัฐอวกาศค่ะ"
หลังจากที่ได้จี้พูดเตือน, อู๋ฮ่าวเหรินก็พลันนึกถึงเรื่องของรูหนอนอันนี้ขึ้นมาได้, ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยให้ความสนใจกับมันเพราะเขาจะต้องควบคุมมันในอนาคต
ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารูหนอนที่ค้นพบนี้เป็นของอารยธรรมไหนในสหพันธรัฐอวกาศ เขาก็ไม่มั่นใจ, ในอนาคตเองเขาก็ไม่พบข้อมูลนี้, และเพราะเหตุผลนี้, มีบางสิ่งบางอย่างได้เปลี่ยนไป และข้อมูลนี้ก็ไม่แน่นอนมากขึ้นไปอีก
อู๋ฮ่าวเหรินเริ่มทำการวิเคราะห์แผนที่ดวงดาวบนจอใหญ่, จากข้อมูลในอนาคตนั้น, กาแลคซี่ทางช้างเผือกนั้นอยู่ห่างไกลมาก, และทรัพยากรก็ยังมีน้อยมากอีกด้วย, และที่สหพันธรัฐอวกาศมาค้นพบได้นั้นก็เป็นเพราะสงครามอีกด้วย
จากข้อเท็จจริงอันนี้, จึงยังไม่น่าจะมีอารยธรรมอะไรที่จะมาที่นี่ตอนนี้, ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่รู้ตัวก่อน, เพราะอาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้ถ้าเกิดพบเจอยานอวกาศที่ล้ำสมัย
อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่รู้ว่าในเวลานี้มีดวงดาวที่ห่างไกลที่อยู่ในกาแลคซี่ทางช้างเผือกนั้นได้เป็นที่สนใจของสหพันธรัฐอวกาศแล้ว
ซึ่งตัวการคือกลุ่มคนสองกลุ่มที่ได้เข้ามายังสหพันธรัฐอวกาศ, การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของพวกเขานั้นทำให้เป็นที่สนใจของสหพันธรัฐอวกาศมาก
อารยธรรมที่ทั้งใหม่และแข็งแกร่ง, แน่นอนว่าย่อมจะต้องได้รับความสนใจ, และทำให้สงสัยมากว่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับยานอวกาศที่หายตัวไปก่อนหน้านี้หรือไม่, จึงทำให้เรื่องนี้เป็นที่น่าสนใจมากขึ้น
พวกเขาได้ตามรอยจากเงื่อนงำในคราวก่อน, แล้วก็พบร่องรอยที่ถูกทิ้งไว้โดยยานรบกลุ่มแรก, และจากนั้นก็ได้ตามรอยนี้ไปพบกับดวงดาวในเขตกาแลคซี่ทางช้างเผือก
หลังจากที่ได้เรียนรู้ถึงสถานการณ์, บางอารยธรรมในสหพันธรัฐอวกาศก็ได้เริ่มส่งยานรบออกไปเป็นการส่วนตัว เพื่อสำรวจกาแล็คซี่นั้น
พวกเขานั้นอยากรู้ว่าถ้าเกิดเจอแบบนี้, แล้วอารยธรรมที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงนั้นจะทำอย่างไร
ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นเพราะ, ดาวเทียมสอดแนมของอู๋ฮ่าวเหรินที่ได้ปล่อยออกไปนั้น ได้ปล่อยสัญญาณจำแลงตัวเองเป็นยานอวกาศ
และยานอวกาศกลุ่มนั้นก็ได้ตามรอยก็ยานอวกาศชุดแรกเข้ามายังกลุ่มดาวนี้, แต่พวกเขาไม่ได้เข้ามายังทางช้างเผือก
และยานอวกาศกลุ่มนี้นั้นไม่ได้เป็นภัยอะไรต่อโลกด้วย, เพราะเป้าหมายของพวกเขานั้นไม่ใช่โลกและไม่คิดที่จะเข้ากาแลคซี่นี้ด้วย
แต่ทว่า, ถ้าพวกเขาตามรอยเงื่อนงำและพบกับอารยธรรมพาลอสที่ถูกจับเอาไว้ที่นี่, ก็อาจจะยากที่จะพูด
"จี้, เปลี่ยนแผน, ย้ายการป้องกันหลักมาไว้ที่นี่แทน, ไม่ต้องถามอะไร, ย้ายแผนการป้องกันทั้งหมดมาไว้ที่นี่ก่อน"
อู๋ฮ่าวเหรินทำการศึกษาแผนที่ขุมทรัพย์ดวงดาวต่อ, ไม่ว่ามันจะสร้างขึ้นมาได้อย่างไร, แต่ถ้ามีสงครามเกิดขึ้น, โลกนี้ก็ไม่ปลอดภัยแน่
ถ้าเป็นเช่นนั้น, เขาก็ต้องเตรียมพร้อมแล้วย้ายแนวป้องกันทั้งหมดมารวมกันไว้ที่ด้านหน้า, ถ้ามีสงครามขึ้นมาจริงๆ, เขาจะได้ใช้การโจมตีก่อนเพื่อเป็นการขู่ฝ่ายตรงข้ามให้กลัว
ในตอนนี้ปัญหาเพียงอย่างเดียวคือ เขาจะต้องสร้างยานแม่ที่มีความแข็งแกร่งมากพอ, เพื่อเป็นการข่มขวัญศัตรูที่เก่งกาจ
เขานั้นมีเทคโนโลยีอยู่แล้ว, และเขาก็สามารถขุดหาแร่ได้จากดาวทรัพยากรพวกนั้น, ปัญหาอย่างเดียวคือเขายังไม่มีเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ทำ
เครื่องมือทั้งชุดที่ใช้สร้างยานแม่ขนาดใหญ่มหึมานั้น, ค่อนข้างซับซ้อนมาก, แม้แค่ในอนาคตเองก็ยังพบเห็นอุปกรณ์นี้ได้ยากมาก
สถานการณ์ในปัจจุบันของอู๋ฮ่าวเหรินนั้นค่อนข้างได้เปรียบกว่าคนในโลกอนาคตนัก, นั่นคือเขาสามารถสร้างอุปกรณ์ยานแม่เป็นของตัวเองได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องของคนอื่นที่จะออกมาต่อต้านเรื่องที่เขานั้นใช้ทรัพยากรเปลือง
นอกจากนี้เขายังมีวิธีการสร้างยานแม่มากมายจากอารยธรรมต่างๆอยู่ในมือของเขา, และหนึ่งในนั้นก็มีกรรมวิธีการสร้างของอารยธรรมชั้นสูงอยู่ด้วย
แน่นอนว่า, ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือการสร้างยานแม่ด้วยกรรมวิธีของอารยธรรมมนุษย์, เพราะถ้าใช้กรรมวิธีการสร้างของอารยธรรมอื่นแล้ว, มนุษย์อาจจะเอามาปรับใช้ได้ยาก, นี่คือความต่างของแต่ละอารยธรรมที่มิอาจแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้
คำถามในตอนนี้คือ, เขาจะสร้างเครื่องมือที่จำเป็นต่อการสร้างยานแม่นั้นได้อย่างไร, ถึงแม้เขาจะมีกรรมวิธีการสร้างเครื่องมือทั้งหมดนี้แล้วก็ตาม
แต่ทว่า, เพราะบางเครื่องมือนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้บุคลากรพิเศษให้เข้ามาดูแล, และจัดการด้วยมือ, แต่ด้วยสภาพของมนุษย์ในปัจจุบัน, มันก็ไม่อาจทำให้สำเร็จได้เลย
นิ้วของอู๋ฮ่าวเหรินได้เคาะเป็นจังหวะที่โต๊ะ, หัวสมองของเขาทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อคิดหาทางแก้ไข
"จี้, ช่วยวาดแบบแปลนเครื่องมือก่อสร้างยานแม่เหล่านี้ให้หน่อย"
มองดูภาพวาดที่ถูกปรินท์ออกมา, ซึ่งมีออกมาอย่างน้อยๆก็ 3 แสนภาพ, ซึ่งนี่ยังเป็นแค่ภาพดีไซน์อุปกรณ์หลักๆเท่านั้น, ถ้าปรินท์ภาพวาดของเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างยานแม่ออกมาทั้งหมดคงไม่ต่ำกว่า 2 ล้านภาพ
แน่นอนว่า, ภาพร่างมากมายมหาศาลนี้, มีเพียง 2 แสนภาพที่จำเป็นต้องสร้างโดยใช้มนุษย์ควบคุม และส่วนที่เหลือถึงจะสร้างด้วยหุ่นยนต์
นี่ยังดีที่เขามีภาพร่างที่สมบูรณ์แบบนี้, ถ้าไม่มีภาพร่างพวกนี้, อาจจะต้องใช้เวลาหลายปีหรือทศวรรษในการศึกษาเครื่องมือใช้ในการสร้างยานแม่ขนาดใหญ่ได้
"พวกนี้สามารถทำโดยหุ่นยนต์ได้, และไม่จำเป็นที่จะต้องใช้หุ่นยนต์ที่ทันสมัยจากอนาคตด้วย, แต่ติดปัญหาคือการผลิตชิ้นส่วนพิเศษพวกนี้นี่สิ"
หลังจากที่จ้องมองชิ้่นส่วนพวกนี้อยู่ครึ่งชั่วโมง, แล้วอู๋ฮ่าวเหรินก็พลันตบตักตัวเองและตะโกนขึ้นมา "ใช่แล้ว!"
0 ความคิดเห็น