CF:บทที่ 485 ไม่อาจขัดขืน

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 485 ไม่อาจขัดขืน


ในตอนนี้ด้านนอกสำนักงานใหญ่ของบริษัทได้กลายเป็นสถานที่สำหรับบุคลากรแผนกต้อนรับ นอกจากสายการผลิตพิเศษบางอย่างแล้ว สายการผลิตจำนวนมากก็ได้ปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์


เพื่อไม่ให้เสียเปล่าอู๋ ฮ่าวเหรินก็เริ่มแปรสภาพที่นี่ ถ้าเขาต้องการเข้าเมืองใหม่ ในอนาคตเขาต้องขึ้นรถบัสจากที่นี่ก่อน


ยิ่งไปกว่านั้นอู๋ ฮ่าวเหรินก็ยังเข้าใจว่าเขาสามารถสร้างเมืองใหม่ได้ แต่เขาไม่สามารถทำลายเมืองเก่าได้


อย่างโลกในอนาคตประวัติศาสตร์จำนวนมากหายไป มนุษย์ไม่มีวันได้เห็นมันอีกต่อไปและโลกจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงในที่สุด


โลกในปัจจุบันนี้เก็บไว้เป็นสถานที่บรรพบุรุษของมนุษย์จะดีกว่า ซึ่งมันจะถูกทิ้งไว้สำหรับคนรุ่นหลังได้เห็น


แน่นอนว่าเมืองใหม่ยังสามารถสร้างขึ้นถัดจากเมืองเก่าได้


ถ้าเขาทำลายเมืองเก่าโดยตรงเขาจะเสียเวลาในการสร้างหยวนหมิงหยวนทำไม


ตอนนี้อู๋ ฮ่าวเหรินกำลังอยู่ในห้องทดลองในดาฉาน กำลังมองดูหน้าจอขนาดใหญ่ข้างหน้าอย่างประหม่า ยานอวกาศที่อยู่ในนั้นกำลังดำเนินการประกอบขั้นสุดท้าย


"ฉันหวังว่าจะไม่มีปัญหา ไม่งั้นแผนต่อไปคงล่าช้า"


"ถ้ามีช่างมืออาชีพการประกอบนี้จะไม่เป็นปัญหานัก อุปกรณ์พลังงานของยานอวกาศนั้นเป็นปัญหาเกินไป มันยังมีปัญหาในการใช้หุ่นยนต์ทำงาน"


ได้ยินที่จี้พูดแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็จนปัญญา อุปกรณ์พลังงานเป็นแกนหลักของทั้งยานอวกาศหากมันมีปัญหาก็จะมีผลกระทบร้ายแรงมาก


โชคดีที่ยานอวกาศที่เขาผลิตจะถูกใช้โดยหุ่นยนต์เป็นระยะเวลาหนึ่ง แม้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุก็จะไม่มีผู้เสียชีวิต


อุปกรณ์พลังงานดั้งเดิมในอนาคตนั้นต้องการความช่วยเหลือด้านเทคนิคเพื่อให้สามารถจัดการงานได้ ตอนนี้อู๋ ฮ่าวเหรินยังไม่มีความสามารถในด้านนี้ เขาสามารถใช้ได้แค่หุ่นยนต์ได้เท่านั้น


"ยังไงก็ตามข้อมูลที่เราจับได้ครั้งล่าสุดปรากฏขึ้นอีกครั้งรึเปล่า?"


"ไม่เลย"


"ถ้าไม่ฉันจะสามารถกำจัดปัญหานี้ได้ภายในสองปี ต่อให้เป็นกองยานที่มีอารยะพอสมควรก็ตาม"


สิ่งที่อู๋ ฮ่าวเหรินขาดอยู่มากที่สุดในขณะนี้คือเวลา ตราบใดที่เขามีเวลาเพียงพอเขาไม่จำเป็นต้องกลัวอารยธรรมใด ๆ จะยั่วโมโหเขา


ครั้งล่าสุดจี้ปล่อยดาวเทียมและรู้สึกว่ามียานอวกาศเคลื่อนที่ผ่านอวกาศโดยรอบเขาก็ตกใจมาก


ทางช้างเผือกในปัจจุบันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการสำรวจ เขามีเทคโนโลยีขั้นสูงมากมายในมือของเขา แต่เขายังไม่สามารถเปลี่ยนมันให้เป็นกำลังได้


แม้ว่าจะไม่มีการสื่อสารกับเหล่าคนในกลุ่มซองแดงในช่วงนี้ อู๋ อ่าวเหรินก็จะเข้าไปทุกวันเพื่อดูข้อมูลทุกอย่างที่รวบรวมโดยนักข่าวอวกาศ


เมื่ออารยธรรมจำนวนมากเข้ามาในรูหนอนนั้น อารยธรรมที่สูงกว่าก็เข้าโจมตีดาวเคราะห์หลายดวงและพร้อมที่จะเปลี่ยนมันเป็นป้อมปราการ


พวกเขากังวลว่าจะมีอารยธรรมที่ทรงพลังมากขึ้นในเขตดาวใหม่ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแก้ปัญหาในอนาคต


เรื่องนี้ก็ทำให้อู๋ ฮ่าวเหรินสนใจที่จะสร้างดาวป้อมปราการมากขึ้น เขาได้รับแบบแปลนโครงสร้างของระบบป้องกันอวกาศจากอนาคตมาแล้ว


ตอนนี้ตราบใดที่เขาทำตามแบบแปลนนี้ เขาสามารถสร้างอวกาศให้เป็นป้อมปราการได้


ยิ่งกว่านั้นเขามีพลังมากกว่ารัฐสภากลางของอนาคต และไม่มีใครจะคัดค้านการสร้างระบบป้องกันอวกาศได้ ดังนั้นเขาสามารถทำได้มากกว่านี้เพื่อให้ระบบการป้องกันหลุดพ้นจากช่องโหว่


เมื่อมองไปที่หุ่นยนต์ประกอบชิ้นส่วนทุกชนิดเข้าด้วยกันที่ล่ะนิดเพื่อสร้างฐานขนาดใหญ่ของยานอวกาศแล้วอู๋ ฮ่าวเหรินก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย


นี่เป็นยานอวกาศลำแรกที่สร้างโดยตัวเขาเองซึ่งมันย่อมมีความสำคัญมากกว่ายานอวกาศที่ได้จากโลกอนาคต


สำหรับยานอวกาศที่สร้างโดยอเมริกาและรัฐบาลจีนนั้นมันเรียกได้เพียงภาหนะอวกาศเท่านั้น


ยานอวกาศที่ไม่มีความสามารถในการกระโดดข้ามอวกาศนั้นไม่สามารถถือได้ว่าเป็นยานอวกาศเลย


ระหว่างที่อู๋ ฮ่าวเหรินดูการประกอบของยานขนส่ง การประชุมพิเศษถูกจัดขึ้นในต่างประเทศผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนล้วนเป็นหัวหน้าของประเทศต่าง ๆ


เห็นได้เลยว่าสีหน้าของมันสมองจากทุกประเทศที่มาเข้าร่วมการประชุมนั้นดูไม่ค่อยดีนัก พวกเขาก็อารมณ์เสียมาก


"วันนี้ที่เรามาเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ได้นั้น ผมเชื่อว่าทุกคนคงไม่อยู่ในตำแหน่งที่ดีมากนัก"


"อย่าพูดแบบนั้นเลยมันเปล่าประโยชน์ ถ้าเราไม่สามารถหารือเกี่ยวกับการแก้ปัญหาในวันนี้ได้นั้น ฉันก็คิดถึงได้เพียงวิธีการติดต่อกับฟิวเจอร์กรุ๊ปเท่านั้น"


สถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขาไม่เพียงแค่เลวร้ายเท่านั้น ตามสภาพปัจจุบันแล้วประเทศเหล่านั้นมีชะตาที่จะต้องหายไปทีเดียว


"ในอเมริกาเราไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ หากไม่มีประเทศใดเราก็ควรรวมตัวกัน อย่างไรก็ตามสถานการณ์ปัจจุบันสิทธิขั้นสูงสุดทั้งหมดจะต้องถูกควบคุมโดยฟิวเจอร์กรุ๊ปเท่านั้น"


"ทุกคนรู้ว่าปัญหาคือจะแก้ไขมันยังไง มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะหยุดมันเลย"


"รัฐบาลจีนไม่ได้เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้นี่ คุณไม่ได้เชิญพวกเขาหรือพวกเขาไม่ต้องการเข้าร่วมกัน?"


"ไม่ได้เชิญพวกเขามา เราได้ยินมาว่ารัฐบาลจีนเลือกที่จะร่วมมือกับฟิวเจอร์กรุ๊ปเกรงว่าพวกเขาจะเอาข่าวไปบอกฟิวเจอร์กรุ๊ปน่ะ"


ความเป็นจริงคนเหล่านี้เข้าใจชัดเจนว่าตามสถานการณ์ปัจจุบันแล้วคนจีนจะได้รับประโยชน์มากที่สุดในที่สุด


"การแก้ปัญหานี้นั้นง่ายมาก ตราบใดที่เราสามารถได้รับเทคโนโลยีขั้นสูงของฟิวเจอร์กรุ๊ป ก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องนี้"


“ปัญหาคือเราไม่สามารถเอาเทคโนโลยีขั้นสูงของฟิวเจอร์กรุ๊ปมาได้ อย่างอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดขนาดเล็กเราไม่สามารถแก้ไขเรื่องนี้ในตอนนี้ได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ ของฟิวเจอร์กรุ๊ปเลย”


"ฉันคิดว่าเทคโนโลยีที่เผยแพร่โดยฟิวเจอร์กรุ๊ปจะก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ตอนนี้ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีที่เผยแพร่ออกมานั้นก็แค่อยากให้เราเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เท่านั้นเอง"


"ไม่ว่าคุณจะว่าอย่างไร ผมได้ส่งผู้มีความสามารถระดับสูงของประเทศไปเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ปเพื่อเรียนรู้เทคโนโลยีขั้นสูงแม้ว่าสุดท้ายประเทศจะไม่มีตัวตนเหลือ แต่อย่างน้อยบางคนก็จะจำได้ว่าเคยมีประเทศนี้บนโลก" นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวอย่างเด็ดขาด


"ตามความเป็นจริง มันเป็นที่ชัดเจนแล้วสำหรับทุกคนว่าเราไม่มีอำนาจ ๆ ที่จะต่อสู้กับฟิวเจอร์กรุ๊ป เทคโนโลยีของพวกเขาก้าวหน้าไปเกินยุคนี้ไปแล้ว หลังจากนั้นเมื่อการอพยพข้ามดาวเริ่มขึ้นจริง ประเทศก็จะค่อย ๆ ตายลง"


"เราสามารถใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของเราในปัจจุบันเพื่อเปลี่ยนประเทศของเราให้เป็นกองกำลัง แล้วส่งผู้คนจำนวนมากเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ป เสริมกำลังของเราและเปลี่ยนเป็นเครื่องมือในการเจรจากับฟิวเจอร์กรุ๊ปได้รึเปล่า?"


"นั่นก็เป็นความคิดที่ดีอยู่ ถ้าคนของเราเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ปเป็นจำนวนมากและเรียนรู้เทคโนโลยีขั้นสูงมา บางทีสักวันหนึ่งเราจะสามารถแทนที่ฟิวเจอร์กรุ๊ป และแม้ว่าเราจะทำไม่ได้เราก็ยังได้แสดงพลังของเราในจักรวาลอยู่ดี"


"..."


การประชุมดำเนินไปเป็นเวลาสองชั่วโมงและ และไม่ได้ความคิดที่ดีใด ๆ เลย ถึงตอนนี้ต่อให้พวกเขาจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดอำนาจของฟิวเจอร์กรุ๊ปได้


มันได้เป็นกระแสหลัก ถ้าใครกล้าที่จะหยุดมันพวกเขาจะถูกรุมโจมตีโดยมนุษย์ที่บ้าคลั่ง


สำหรับชีวิตที่ยืนยาว สิ่งล่อใจนี้ไม่อาจถูกปฏิเสธได้ และก็ยังมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วย หากรัฐบาลของชาติกล้าที่จะหยุดยั้ง ผลสุดท้ายคือการเป็นศัตรูกับประชาชน


หากรัฐบาลไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนจะยังคงเป็นรัฐบาลหรือ? มันก็ถือได้ว่าเป็นแค่เผด็จการเท่านั้น


ดังนั้นเหล่ามันสมองของรัฐบาลจึงเลือกที่จะเดินตามรอยเท้าของฟิวเจอร์กรุ๊ป พวกเขาแค่ต้องการให้การรวมกลุ่มนี้ช้าลงและให้เวลามากพอที่จะเตรียมตัว


หลังจากที่รัฐบาลเหล่านี้กลับถึงบ้านพวกเขาเริ่มดำเนินการประชาสัมพันธ์และการศึกษาต่าง ๆ พวกเขาสนับสนุนผู้คนในประเทศของตนเองโดยหวังว่าพวกเขาจะสามารถเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ปได้


ในขณะเดียวกันก็เริ่มปลูกฝังให้คนเหล่านี้จำไว้ว่าไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหนพวกเขาห้ามลืมบ้านเกิดของพวกเขาเด็ดขาด


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น