CF:บทที่ 431 หนึ่งคำประกาศ
ขณะนี้ รัฐหนึ่งในตะวันออกกลางได้เผชิญหน้ากับเหล่าหุ่นยนต์ทรงพลังแล้วก็ไม่มีทางเลือก
พวกเขาขอความช่วยเหลือจากประเทศอื่นแล้ว แต่คำตอบที่ได้ก็คือพวกเขาช่วยอะไรไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่อเมริกาปฏิเสธที่จะยื่นมายุ่งในเรื่องนี้ด้วยแล้ว หลายประเทศในยุโรปก็จะไม่ยุ่งด้วยเช่นกัน
แม้ว่าพวกเขาอยากจะเอาเปรียบตะวันออกกลาง แต่ในกรณีนี้พวกเขาไม่อยากจะติดไฟไปด้วย
ต่อให้เป็นหน่วยหมีโพล่าที่เคยทิ้งระเบิดในซีเรีย เห็นสภาพการณ์นี้แล้วก็ต้องยอมตัดใจจากปฎิบัติการทิ้งระเบิดด้วยเครื่องบินรบ
เพราะพวกเขากังวลว่าเครื่องบินรบของประเทศเขาจะถูกหุ่นยนต์พวกนั้นยิงตก
ณ การประชุมของทหารในฐานทัพของรัฐซิเรีย
“ท่านประธานาธิบดี เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเจรจาต่อรองกับจีน ในการเผชิญหน้ากับหุ่นยนต์ทรงพลังแบบนี้ ทหารของพวกเราก็อ่อนราวกับเป็นกระดาษแล้ว”
“นายพล คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้บอกว่าเราจะโจมตีหุ่นพวกนั้นผมไม่ได้บ้าสักหน่อย ผมแค่อยากรู้ว่าเมื่อไหร่หุ่นพวกนั้นจะออกจากประเทศเราไป”
“ท่านประธานาธิบดี ขณะนี้หุ่นพวกนั้นไม่มีทีท่าว่าจะออกไปเลย”
“ไม่ใช่ว่าเราก็แค่ต้องรอจนมันออกไปงั้นรึ?”
จู่ๆ ห้องประชุมก็เงียบลงอย่างกะทันหัน เพราะพวกเขาเห็นดวงตาสีแดงเพิ่งจะมองผ่านไป ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงความกดดัน
นั่นคือแสงแสกนของหุ่นยนต์ พวกเขาได้เห็นจากวิดิโอที่กลุ่มหัวรุนแรงใต้ดินที่ซ่อนตัวอยู่ถูกตรวจเจอแล้วจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ถูกฆ่า
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาและทำให้ทั้งห้องตกใจ
“ท่านประธานาธิบดี นี่เป็นข้อความจากฟิวเจอร์กรุ๊ปที่เพิ่งส่งมาหาเรา มันเกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์พวกนี้”
“เอามาสิ”
หลังจากที่ประธานาธิบดีได้เอกสารมาแล้ว เขาก็อ่านมันอย่างถี่ถ้วน สีหน้าเขามีความสุขในตอนแรกจากนั้นก็หดหู่ลง
“ลองดูสิ”
เอกสารถูกส่งให้คนอื่นๆ และทุกคนก็มีสีหน้าที่แตกต่างกันไป บ้างก็มีความสุข บ้างก็ไม่มีสีหน้าอะไร บ้างก็หน้าเสียไปเลย
“ท่านประธานาธิบดี ดูเหมือนว่าเราจะไม่มีทางเลือก”
“ผมก็หวังว่าเราจะทำตามคำแนะนำในเอกสารนี่ได้นะ ไม่อย่างนั้น...”
ประธานาธิบดีไม่พูดต่อ เพราะเขาพบว่าต่อให้เป็นฟิวเจอร์กรุ๊ปก็ทำไม่ได้ พวกเขาก็ไม่มีทางเลย
ต้องเผชิญหน้ากับหุ่นยนต์ทรงพลังแบบนี้ พวกเขาไม่มีทางขัดขืนอะไรได้เลย
เช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างอิรัคและอิหร่านก็ได้เอกสารแบบเดียวกัน เมื่อเผชิญหน้ากับฟิวเจอร์กรุ๊ป ต่อให้เป็นประเทศทรงพลังเหล่านั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับสภาพนี้ไป
เอกสารนั้นไม่ช้าก็กระจายไปในหลายประเทศ เมื่อพวกเขาได้อ่านมันก็ได้แต่ยอมรับมันไปอย่างเงียบๆ
บางประเทศในยุโรปนั้นหดหู่เกี่ยวกับเอกสารที่สุด สำหรับพวกเขาตะวันออกกลางทำกำไรได้มหาศาล แต่ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงแต่ดูการกระทำของฟิวเจอร์กรุ๊ปอย่างไม่มีทางเลือก
จีนก็กำลังจัดการประชุมในขณะนี้ พวกเขากำลังมึนงงโดยเอกสารที่ส่งมาโดยฟิวเจอร์กรุ๊ป
“คุณคิดว่าพวกเขาอยากจะทำอะไร?” หัวหน้ามองที่เอกสารแล้วจึงถามขึ้น
นายพลจึงตอบว่า “หัวหน้า ผมคิดว่าพวกเขาอยากจะพัฒนาไปในคราวเดียว มั่นใจเลยว่าฐานลับของพวกเขาต้องอยู่ที่ก้นทะเลแน่”
“ผมอยากจะรู้ว่าทำไมองค์กรนี้ถึงใช้ชื่อฟิวเจอร์กรุ๊ปส่งเอกสารนี้มากัน? ด้วยอำนาจที่พวกเขามีแล้วพวกเขาสามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเองแท้ๆ”
“มันเป็นอะไรที่เราเดาไม่ได้ในตอนนี้ ประธานของฟิวเจอร์กรุ๊ปมีตำแหน่งอะไรในองค์กรนั่นกัน?”
“ที่ผมเป็นห่วงคือพวกเขาพร้อมที่จะพัฒนากองกำลังติดอาวุธตัวเองและจะเลิกร่วมมือกับเรา”
ทั้งห้องตกลงสู่ความเงียบ และพวกเขาก็เลือกมองข้ามคำถามนี้ไป
ขณะนี้มีการพูดคุยกันอย่างมากมายบนอินเตอร์เน็ต ทุกคนต่างตกใจและสับสนกับสงครามหุ่นยนต์ในตะวันออกกลาง
“จากเหตุการณ์ในวันนี้ กองกำลังหัวรุนแรงได้ถูกหุ่นยนต์กำจัดจนหมดสิ้นแล้ว แต่แปลกอยู่ว่าทำไมหุ่นยนต์ถึงยังไม่ออกจากตะวันออกกลางอีก”
“มีแนวโน้มว่าหุ่นยนต์จะไม่ออกมาเลยด้วย พวกมันจะอยู่ในตะวันออกกลางต่อเพื่อป้องกันการฟื้นตัวของกลุ่มหัวรุนแรงที่นั่น แบบนี้พวกกลุ่มหัวรุนแรงก็จะไม่มีที่ยืนอีก”
“ดูนี่สิ ไม่รู้ว่ามันจริงรึเปล่าแต่ว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปจะสร้างเมืองที่นี่ พวกเขากำลังจะเขตแดนข้ามประเทศรึ?”
“ฉันไม่คิดว่ามันจริง! เรื่องแบบนี้ต่างประเทศจะยอมได้ไง? โดยเฉพาะยุโรปพวกเขาไม่ยอมแน่”
“ถ้าพวกเขาไม่ยอมแล้วจะทำอะไรได้? ส่งกองทัพไปทำสงครามกับหุ่นพวกนั้นหรือ? ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะกล้าขนาดนั้น กำลังรบของหุ่นพวกนั้นมันน่ากลัวเกินไป”
“...”
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกใจ ทางฝั่งของฟิวเจอร์กรุ๊ปก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แม้แต่ในเว็ปไซต์ทางการ หลังจากที่มีการประกาศไปในวันแรกก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรอีก
นักข่าวหลายคนได้สอบถามกับสาขาใหม่ของฟิวเจอร์กรุ๊ป แต่คำตอบที่พวกเขาได้มาก็ไม่ทำให้เรื่องนี้กระจ่างแต่อย่างใด
หลิว หมิงเยว่และคนอื่นๆไม่รู้เรื่องจริงๆ มันไม่เกี่ยวอะไรกับฟิวเจอร์กรุ๊ปที่เหลือเลย แน่นอนว่าเพราะอู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้บอกอะไรพวกเขา
คนในฟิวเจอร์กรุ๊ปก็อยากจะถามอู๋ ฮ่าวเหริน แต่โชคร้ายที่พวกเขาไม่เจอตัวอู๋ ฮ่าวเหรินเลยพวกเขารู้เรื่องเท่าที่เห็นในข่าวเท่านั้น ตอนที่พวกเขาคุยเรื่องนี้กัน อู๋ ฮ่าวเหรินก็คิดว่ามันจบแล้ว
เขาปล่อยส่วนที่เหลือให้จี้จัดการ ขณะนี้เขาอยู่ในศูนย์วิจัยและกำลังตรวจห้องวิจัยอยู่
ทางเดินจากก้นทะเลถึงที่นี่ได้เปิดแล้ว หรือก็คือเขาสามารถไปยังฐานลับที่ก้นทะเลโดยตรงได้จากที่นี่
อย่างไรก็ตาม อู๋ ฮ่าวเหรินไม่มีความจำเป็นต้องไปที่นั่น ตอนที่เขาได้ยานอวกาศของอมเริกาแล้วเขาถึงจะไป
เดิมทีห้องวิจัยกำลังจะศึกษาอาวุธบางอย่าง แต่ตอนนี้มันออกจะซ้ำซากเกินไปเล็กน้อย
“ก่อนอื่นขนอุปกรณ์จากนอกห้องวิจัยเข้ามาก่อน แล้วจะทำการทดลองในนั้น”
ความจริงแล้ว ในขั้นตอนนี้ไม่มีการทดลองโดยอู๋ ฮ่าวเหรินแล้วเพราะมีอะไรหลายอย่างที่เขาศึกษาไม่ได้เลย
ห้องวิจัยจะใช้ประโยนช์อะไรไม่ได้จนกว่าทรัพยากรจะถูกขนกลับมาจากดาวแหล่งทรัพยากร และเทคโนโลยีบางอย่างก็ต้องสลับกลับมาจากระบบซองแดง
อู๋ ฮ่าวเหรินได้ตรวจสอบโครงสร้างของภูเขาที่ในอีกไม่นานจะมีเมืองแสนวิเศษปรากฏขึ้นที่นั่นจากศูนย์วิจัยแล้ว
เมื่อเขากลับมา เขาไปที่โรงเรียนและพบว่าความกระตือรือร้นที่จะเรียนของคนพวกนั้นได้เกินกว่าที่เขาคาดการไว้
“ประธาน พ่อบ้านดีแลนมาหาคุณน่ะ”
“โฮ่”
อู๋ ฮ่าวเหรินคิดแล้วก็นึกได้ว่าการรักษาแดฟเน่นั้นจะสิ้นสุดในวันนี้แล้ว
“นายบอกเขาให้ไปที่ห้องการแพทย์เลย”
เมื่ออู๋ ฮ่าวเหรินไปที่ห้องการแพทย์แล้วก็เห็นแดฟเน่ในชุดเจ้าหญิง เธอมารอเขาที่นี่อยู่ก่อนแล้ว
เห็นอู๋ ฮ่าวเหรินเข้ามา แดฟเน่ก็ยิ้มก่อนจะเข้ามาหาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ฮ่าวเหริน ฉันสบายดีแล้ว”
อู๋ ฮ่าวเหรินลูบหัวเธอและตอบว่า “นั่นเยี่ยมไปเลย เธอกลับมาแข็งแรงเร็วกว่าที่ฉันคำนวณไว้ตั้งสิบวันเลยนะ”
ขณะนี้ พ่อบ้านดีแลนก็เดินเข้ามาจากข้างนอก
0 ความคิดเห็น