CF:บทที่ 432 เวทีบูร์บง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 432 เวทีบูร์บง

“ปู่ดีแลน แดฟเน่เดินด้วยตัวเองได้แล้ว และไม่ต้องอยู่ในรถเข็นอีกต่อไปแล้ว”

ดีแลนยิ้มอย่างอ่อนโยนและตอบกลับว่า “เข้าใจแล้วๆ แดฟเน่สามารถเดินด้วยตัวเองได้แล้ว”

เขาหันมาหาอู๋ ฮ่าวเหรินก่อนจะพูดว่า “คุณอู๋ขอบคุณมาก ถ้าไม่ใช่เพราะคุณแดฟเน่คงไม่มีวันยืนขึ้นมาได้แน่”

“ไม่ต้องขอบคุณไปหรอก คุณอาสามาเข้ารับการทดลอง นี่เป็นสิ่งที่คุณควรได้รับอยู่แล้ว”

“คุณอู๋ เจ้านายของผมต้องการคุยกับคุณ”

อู๋ ฮ่าวเหรินไม่แปลกใจ เขาถึงกับคิดว่าตระกูลนี้ติดต่อมาช้าไปด้วยซ้ำ เพราะเห็นได้ชัดว่าหลังจากที่ได้เห็นเหตุการณ์ในตะวันออกกลางแล้ว ตระกูลที่อยากจะฟื้นฟูประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์นั้นก็พร้อมที่จะเคลื่อนหวอยู่แล้ว

“เข้าใจแล้ว”

ในวิดิโอ อู๋ ฮ่าวเหรินก็ตกใจที่ได้เห็นหัวหน้าตระกูลบูร์บง

เขาเป็นชายชราที่หน้าเหี่ยวย่นและผมเป็นสีเทาซึ่งดูออกได้ไม่ยาก

“สวัสดีคุณอู๋ ผมคือปู่ของแดฟเน่และเป็นหัวหน้าของตระกูลบูร์บงชื่อว่าคาเรน”

“สวัสดีคุณคาเรน ไม่ทราบว่าอยากจะคุยกับผมเรื่องอะไร?”

“คุณอู๋น่าจะรู้ถึงประวัติของตระกูลเรา ตระกูลบูร์บงของเรานั้นมีประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองในยุโรป”

อู๋ ฮ่าวเหรินพูดขัดขึ้นว่า “คุณคาเรน เรื่องพวกนั้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับผม ต่อให้ตระกูลบูร์บงมีประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองยังไง มันก็มีเป็นแค่อดีตไปแล้ว ผมไม่มีเวลาจะมาฟังคุณพูดเรื่องพวกนั้น”

คาเรนถึงกับชะงักเพราะไม่มีใครกล้าขัดเขามาก่อนแต่นี่คืออู๋ ฮ่าวเหรินเขาไม่อาจกล้าแสดงกริยาไม่พอใจใดๆได้

เพราะเขากำลังจะขอร้องอู๋ ฮ่าวเหริน เขาต้องการอำนาจของอู๋ ฮ่าวเหรินในการจะฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ของตระกูลบูร์บงขึ้นมาอีกครั้ง

“คนหนุ่มสมัยนี้ช่างใจร้อน คุณอู๋ หุ่นยนต์ของคุณในตะวันออกกลางได้แสดงความแข็งแกร่งด้านกองทัพของคุณให้เห็นแล้ว ผมอยากจะร่วมมือกับคุณ ไม่ทราบว่าคุณสนใจยุโรปหรือไม่?”

“ยุโรปรึ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากหรอก ที่จริงผมก็ไม่ได้สนใจตะวันออกกลางเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะผมอยากให้โลกสงบ ผมก็คงไม่ส่งหุ่นยนต์พวกนั้นไปตะวันออกกลางหรอก”

“ถ้าคุณอู๋ไม่ได้สนใจตะวันออกกลางจริง คุณคงไม่ไปสร้างเมืองที่นั่น”

“ไม่ๆ คุณคาเรนคุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้ไปสร้างเมืองเพื่อครอบครองตะวันออกกลางเลย ผมแค่อยากจะทำการทดลองที่นั่น ที่จริงแค่ประชากรของโลกเท่านั้นที่เป็นประโยชน์กับผม”

ได้ยินคำพูดของอู๋ ฮ่าวเหรินแล้วคาเรนก็ไม่คิดเช่นนั้น เขารู้สึกว่าหนุ่มคนนี้นั้นยากมากที่จะต่อกรด้วย

“คุณคาเรน ผมไม่คิดว่าผมจะสามารถช่วยได้ถ้าคุณคิดจะเปิดสงครามสร้างอำนาจและฟื้นฟูราชวงศ์บูร์บงในยุโรป ผมต้องการให้โลกสงบสุข ไม่ใช่ให้มีสงครามอยู่ทุกที่”

“สงคราม? คุณอู๋ผิดแล้ว ผมไม่ได้บ้าขนาดนั้น ตอนนี้ในยุโรปไม่มีสงครามผมแค่หวังว่าด้วยการช่วยเหลือจากคุณ ตระกูลบูร์บงจะอยู่บนเวทีทางการเมืองในฝรั่งเศษ”

ถ้าเขาเชื่อก็โง่แล้ว เห็นได้ชัดว่านี่หวังจะควบคุมรัฐบาลฝรั่งเศสหรือก็คือฟื้นคืออำนาจในการควบคุมฝรั่งเศสกลับมา

“ดูเหมือนว่าผมจะไม่สามารถช่วยคุณในเรื่องนี้ได้ ฟิวเจอร์กรุ๊ปมีอิทธิพลเพียงน้อยนิดในยุโรปและผมไม่สามารถใช้เส้นสายกับรัฐบาลฝรั่งเศสได้”

ถ้าไม่ใช้การสนับสนุนทางทหารอู๋ ฮ่าวเหรินก็คิดไม่ออกเลยว่าเขาจะทำอะไรให้ตระกูลนี้ควบคุมฝรั่งเศสได้

“คุณอู๋ คุณต้องทำแค่ประกาศว่าคุณร่วมมือกับเรา นั่นก็เป็นการช่วยเหลือเราอย่างใหญ่หลวงแล้ว”

ถ้าแค่ประกาศว่าร่วมมือกับคุณเฉยๆมันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก ถ้าประกาศไปแล้วเวลาผมมีอะไรที่ต้องทำขึ้นมา ผมก็จะได้หาหุ้นส่วนในยุโรปได้”

คาเรนยิ้มอย่างมีความสุข ที่เขาต้องการทั้งหมดก็คือได้ร่วมมือกับฟิวเจอร์กรุ๊ปจากนั้นด้วยอิทธิพลของบริษัทก็จะทำให้คนที่เขาสนับสนุนมาเป็นกำลังได้

เขารู้ดีว่าตระกูลบูร์บงไม่สามารถจะยุ่งเกี่ยวกับการเมืองของฝรั่งเศสโดยตรงได้

พวกเขาแค่ทำการตกลงง่ายๆ คาเร็นจะส่งคนไปคุยกับเขาเกี่ยวกับสถานการณ์เฉพาะ

อย่างไรก็ตามชายชราผู้นี้นั้นฉลาด เขาจะยังไม่รับตัวแดฟเน่กลับยุโรปถ้าเขายังอยากจะอยู่ในฟิวเจอร์กรุ๊ปเพื่อศึกษาต่อ

และต่อให้มีอะไรเปลี่ยนไปที่นั่น แดฟเน่ที่อยู่ในฟิวเจอร์กรุ๊ปก็จะไม่มีปัญหาอะไร

หลังจากเหตุการณ์สงครามหุ่นยนต์ สายลับที่ส่งมาจับตามองฟิวเจอร์กรุ๊ปโดยประเทศเหล่านั้นก็ยิ่งซื่อสัตย์มากกว่าแต่ก่อน

ส่วนยุโรป อู๋ อ่าวเหรินก็ไม่ได้สนใจจริงๆ ถ้าเขาอยากจะพัฒนาเขาก็เลือกที่อาศัยของมนุษย์ที่เหมาะสมและทำการเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาว ซึ่งเหมาะสมกว่าในยุโรปแน่

ตอนนี้หุ่นยนต์ในตะวันออกกลางก็ได้มีบทบาทแล้ว เริ่มมีผู้ลี้ภัยจำนวนมากได้กลับบ้านเกิดและร่วมกันซ่อมแซมบ้านเมือง

เหล่าประเทศที่เดิมทีตั้งแง่กับพวกหุ่นยนต์ตอนนี้ก็เงียบไปแล้ว เพราะประเทศอื่นๆในตะวันออกกลางได้ออกตัวสรรเสริญผลประโยชน์ที่ได้รับจากพวกหุ่นยนต์

หลังจากที่ได้โจมตีหุ่นยนต์ไปหลายครั้ง องค์กรหัวรุนแรงก็พบว่าการโจมตีของพวกเขาทำอะไรหุ่นยนต์ไม่ได้เลย และตัดสินใจย้ายถิ่นฐาน

บ้างก็ไปที่แอฟริกา บ้างก็ไปที่เอเชีย ปากีสถานและประเทศอื่นๆ และกลายเป็นเขตภัยพิบัติขององค์กรหัวรุนแรงพวกนี้

ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมาทำให้องค์กรหัวรุนแรงพวกนี้เข้าใจว่าที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปประกาศว่าจะจัดการองค์กรหัวรุนแรงทั่วโลกนั้นหมายความว่าอย่างไร

หุ่นบางตัวได้ตั้งเป้าหมายไปที่หัวหน้าขององค์กรและเริ่มโปรแกรมล่าสังหาร

หลายประเทศได้เห็นหุ่นพวกนั้นและพบว่าที่ไหนที่มีหุ่นยนต์ปรากฎตัวที่นั่นก็จะมีคนตาย

คนที่เกี่ยวข้องกับองค์กรหัวรุนแรงทั้งหมดถูกฆ่าโดยไม่มีข้อยกเว้นทำให้ประเทศต่างๆทั่วโลกได้เข้าใจถึงกองกำลังอันทรงพลังของฟิวเจอร์กรุ๊ป

ขณะนี้เองอู๋ ฮ่าวเหรินก็ได้ปล่อยข้อมูลของเมืองที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปจะสร้างขึ้นในตะวันออกกลาง

ผู้ที่จะเข้าเมืองต้องยอมรับอำนาจในการควบคุมของบริษัท และในอนาคตบริษัทก็จะให้ความช่วยเหลือต่างๆแก่พวกเขาเช่นการศึกษา การรักษาและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะสามารถอาศัยอยู่ในเมืองนี้ได้

ไม่นานหลังจากที่ประกาศไป ผู้คนจำนวนมากก็สมัครเข้ามาขออยู่อาศัยในเมือง และสิ่งที่ทำให้อู๋ ฮ่าวเหรินพูดไม่ออกนั้นก็คือคำขอไม่ได้มาจากแค่ตะวันออกกลางเท่านั้น แต่มาจากทั่วทั้งโลก

“ฉันก็อยากจะขอเข้าไปอยู่ในเมืองนี้ด้วย มีการป้องกันของฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้วก็ไม่น่ามีปัญหาเรื่องความปลอดภัยเลย”

“นายจะยึดถือกฎระเบียบพวกนี้และไม่ถูกเนรเทศออกมาทีหลังได้หรือ?”

“มันไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร กฎพวกนี้น่าจะถูกสังเกตการณ์โดยประเทศต่างๆแล้ว”

“ฉันเพิ่งจะดูข้อมูลการสมัครมา ตอนนี้ผู้คนหลายประเทศขอสมัครมาอยู่ในเมืองนี้ บ้างคนถึงกับอยากอยู่ตลอดไปเลยด้วย”

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เมืองเป็นที่สนใจมาก พอได้เห็นอำนาจอันทรงพลังของฟิวเจอร์กรุ๊ปและหุ่นยนต์ก็ยังอยู่ในตะวันออกกลางพวกเขาก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยเลย

ความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นเป็นที่ต้องการของคนจำนวนมาก และในเมื่อพวกเขาไม่สามารถเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ปได้การเข้าไปอยู่ในเมืองนี้ก็อาจจะเป็นโอกาสที่ทำให้ได้เข้าฟิวเจอร์กรุ๊ป

อย่างไรก็ตาม เมืองในตอนนี้ก็ยังเป็นแค่ที่โล่ง หุ่นยนต์ก่อสร้างเพิ่งจะมาถึงแถมวัสดุก่อสร้างที่จำเป็นก็ยังส่งมาไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ

ทว่าเทคโนโลยีที่แสดงให้เห็นในกระบวนการนี้ก็เป็นที่อิจฉาโดยหลายประเทศ อย่างเช่นรถที่สามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเองได้ หุ่นยนต์ขนส่ง และเรือรบที่ประจำการอยู่ในทะเล

โดยเฉพาะพวกเรือดำน้ำนั้นทำให้บางประเทศยืนยันว่ากองทัพที่อยู่เบื้องหลังของบริษัทจะต้องอยู่ใต้ทะเลอย่างแน่นอน


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น