CF:บทที่ 402 อังกฤษตกที่นั่งลำบาก
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพิพิธภัณฑ์อังกฤษได้รับการเปิดเผยออกมามากขึ้น ก็มีหลายคนที่สงสัยว่าของโบราณพวกนั้นถูกขนออกไปเพียงแค่สามวันเองงั้นหรือ
ในทางกลับกัน ยังมีกลุ่มคนในพิพิธภัณฑ์อังกฤษที่แอบสมรู้ร่วมคิดในเรื่องการขนย้ายข้าวของโบราณพวกนี้
แต่ปัญหาก็คือ ถ้ามีการรวมหัวกันทำเรื่องนี้ในพิพิธภัณฑ์จริงๆ การที่ให้คนทุกคนไปทำเรื่องนี้กันหมดก็คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ตราบใดที่ยามรักษาการณ์ไม่ได้ร่วมมือด้วย เรื่องนี้ก็จะไม่สำเร็จ
ของโบราณนับได้มากกว่าสามล้านชิ้น ไม่ใช่สามพันหรือสามร้อย ปริมาณขนาดนั้นนับว่ามหาศาลเลยทีเดียว และแม้ว่าคนในนั้นจะร่วมมือกัน ก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะขนออกมาจากพิพิธภัณฑ์จนหมด
ในเวลาแบบนี้ พวกเขาก็ไม่ได้มีท่าทีผิดปกติใดๆ และถึงแม้ว่าจะขโมยจริงๆ พวกเขาก็ไม่สามารถขโมยของตั้งสามล้านกว่าชิ้นได้ ทำแบบนั้นได้ก็บ้าเต็มที
เพราะคนในพิพิธภัณฑ์ไม่ใช่คนขโมยไป จึงเป็นเรื่องที่ประหลาดขึ้นไปอีก แล้วของโบราณตั้งมากมายแบบนั้นกลับหายไปได้อย่างไร
นี่เป็นเหมือนกับวิธีที่นักมายากล เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์เสกให้หอไอเฟลหายไป เห็นได้ชัดว่า ความเป็นไปได้นี้ได้รับการปฏิเสธ
นักสืบเข้าตรวจตราแทบทุกซอกทุกมุมของพิพิธภัณฑ์ ไม่เจอแม้แต่อาคารซ่อนตัวที่เอาไว้เป็นเส้นทางลับ
ของโบราณมากกว่าสามล้านชิ้นเพิ่งจะหายไปพร้อมๆกัน
รัฐบาลอังกฤษเริ่มปฏิบัติการออกค้นหาทั่วประเทศ แม้แต่ในช่วงนี้ บริษัทซื้อขายวัสดุยักษ์ใหญ่ในอังกฤษยังเข้ามาดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย พวกเขาไม่เชื่อว่าของโบราณมากกว่าสามล้านชิ้นรวมถึงรูปปั้นขนาดใหญ่จะหายไปอย่างลึกลับเช่นนี้
แต่ผลจากการตรวจสอบกลับบอกพวกเขาว่าของพวกนั้นได้หายไปจริงๆ ทั้งประเทศต่างออกค้นหาของพวกนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
อู๋ ฮ่าวเหรินที่กลับมายังบริษัทส่ายหัวให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ตของอังกฤษ พวกเขาคงยังไม่รู้ถึงตัวตนของเขา
เมื่อเห็นหวัง หลานเดินเข้ามาพร้อมกับข้อมูล เขาก็เอ่ยถามขึ้น “ช่วงนี้ที่บริษัทไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม”
หวัง หลานวางข้อมูลลงบนโต๊ะก่อนจะพูดขึ้น “ไม่มีค่ะ ก็มีแค่คนจากส่วนของภาครัฐที่เข้ามาถามว่าท่านผู้บริหารไปไหน”
“แล้วไม่ได้ถามอะไรอย่างอื่นอีกใช่ไหม”
อู๋ ฮ่าวเหรินเปิดหน้าเอกสารก่อนจะเซ็นชื่อตัวเองลงไป
“ไม่ค่ะ ถามแค่นี้ พอถามเสร็จ ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก”
“อืม เอาเถอะ โรงเรียนก็กำลังจะสร้างแล้ว ถามคนจากบริษัทให้ด้วยว่าตั้งใจจะเข้าไปเรียนกันหรือเปล่า
เพราะอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในการพัฒนาของฟิวเจอร์กรุ๊ป”
“โอเคค่ะ”
หวัง หลานมองท่านผู้บริหารที่กำลังถอนหายใจ มือของเธอสัมผัสกับกรอบกระจก พร้อมกับเอ่ยถามด้วยเสียงต่ำ “ท่านค่ะฉันสามารถไปเรียนที่โรงเรียนนั่นด้วยได้ไหม”
อู๋ ฮ่าวเหรินเงยหน้าขึ้นมองหวัง หลานที่รู้สึกประหม่าเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มและเอ่ยขึ้น
“ทุกคนในบริษัทสามารถเข้าไปเรียนได้ นี่ก็เป็นสวัสดิการของบริษัทเรานี่ ความรู้อาจเปลี่ยนชีวิตนายในอนาคตได้และทำให้นายได้สัมผัสกับโลกที่ต่างไปจากเดิม”
“เอาล่ะ เมื่อไหร่ที่คนสำคัญในบริษัทออกไปแล้ว พวกเขาก็จะต้องติดอุปกรณ์หุ่นยนต์บอดี้การ์ดเอาไว้ เดี๋ยวเธอคอยดูแล้วกัน”
หวัง หลานนิ่งไปชั่วครู่พลางจ้องอู๋ ฮ่าวเหรินอย่างนึกประหลาดใจ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงต้องติดตั้งหุ่นยนต์บอดี้การ์ดด้วย
เมื่อพนักงานของฟิวเจอร์กรุ๊ปได้ยินข่าวนี้ พวกเขาก็นึกสงสัย แต่อย่างไรก็ตาม ก็ตัดสินใจที่จะรอโรงเรียนที่กำลังสร้าง แล้วจากนั้นก็ไปดูกัน
เนื่องจากไม่กี่วันมานี้ มีคนพบว่าโรงเรียนที่หัวหน้าสร้างขึ้นนั้นดูออกจะแปลกๆไปสักเล็กน้อยอีกทั้งยังดูอลังการมากอีกด้วย
...
ทางฝั่งประเทศอังกฤษเอง พวกเขาได้ตั้งรางวัลรายการของที่ต้องการมากที่สุด 50 ล้านปอนด์ แต่หลังจากตรวจสอบในประเทศกลับหาข้อสรุปไม่ได้
มีการประกาศสู่สาธารณชนอีกว่าองค์กรใดที่รับซื้อหรือขายออกของโบราณจากพิพิธภัณฑ์อังกฤษนั้นเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ทางอังกฤษเองก็จะเข้าตรวจสอบพฤติกรรมตรงนี้
การประกาศเช่นนี้ก่อให้เกิดความยุ่งยาก ของหลายอย่างในพิพิธภัณฑ์ที่เดิมทีโดนชาวอังกฤษขโมยมา น่าละอายใจอย่างที่สุดที่ประกาศอะไรแบบนี้ออกมา
ประเทศที่ถูกชาวอังกฤษแย่งของโบราณไปเป็นฝ่ายโต้กลับก่อน
รัฐบาลกรีกอ้างว่าทางตนต้อนรับบุคคลหรือองค์กรที่จะเข้ามาทำการค้าวัตถุโบราณของกรีก
จากนั้น กลุ่มประเทศก็มีการตอบรับว่าพวกเราตั้งใจที่จะทำการค้ากับองค์กรหรือบุคคลใดๆเพื่อซื้อของโบราณที่เป็นของประเทศพวกตนกลับมา
รัฐบาลอังกฤษประนามการกระทำของประเทศพวกนี้อย่างรุนแรงก่อนจะออกคำเตือนไปทางพวกเขาไม่ให้รับซื้อหรือขายของโจร
ในตอนนี้ ประเทศจีนก็เข้ามาร่วมด้วย คนรวยบางคนประกาศว่าพวกเขาตั้งใจจะใช้เงินซื้อของโบราณเหล่านั้นคืน
ใช้อินเทอร์เน็ตต่างสบถใส่รัฐบาลอังกฤษ
“ไอ้พวกหมาอังกฤษตอนนี้ ของที่ตัวเองขโมยมากลับโดนขโมยไปเสียแล้ว ทีนี้ เราต้องจ่ายเพื่อเอาของพวกนั้นกลับมา ยื่นเสื้อขนแกะให้ไปแล้วเอาของโบราณกลับมา”
“ฮ่าๆ ปล่อยให้พวกรัฐบาลอังกฤษได้ใจไปก่อน ปล่อยให้พวกเขาไม่ต้องการรับของโบราณคืน ช่างเป็นช่วงกำแพงโค่นลง มวลชนผลักดัน ทลายเสียงกลอง และคนต่อยตีกันจริงๆ หลายประเทศล้วนมีประเด็นกับอังกฤษทั้งนั้น”
“ผมเองก็ไม่รู้ว่ามีของโบราณมากแค่ไหนที่ถูกโจรกรรมออกไปจากอังกฤษ ช่างกล้า เข้ามาขโมยความลับในประเทศ เทคโนโลยีแบบนี้ไม่ใช่เล่นๆเลยจริงๆ”
“ตอนนี้อังกฤษเองก็กำลังจัดการอยู่ ส่วนคนก็เข้าไปขโมยของโบราณของประเทศต่างๆออกมา”
“ขโมยอะไรกันน่ะ ไปเอาของที่ไม่ใช่ของตัวเองเนี่ยนะ แต่ก็นะ ให้เขาได้รู้รสชาติของการที่ของสำคัญถูกแย่งชิงไปบ้างก็ดี โจรนั่นคือฮีโร่ตัวจริงเลยนะเนี่ย”
“...”
ในตอนนี้เอง อังกฤษก็ไม่มีทางเลือกแม้แต่จะหาร่องรอยที่เป็นประโยชน์ หลังจากของโบราณทางวัฒนธรรมหลายชิ้นได้หายไป
อู๋ ฮ่าวเหรินเองก็เห็นข่าวนี้ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เขาจัดการกับของโบราณ บางชิ้นถูกส่งเข้ามายังที่ศูนย์วิจัยอาวุธในหุบเขา
ส่วนของที่เหลือที่แลกเปลี่ยนเป็นเหรียญพลังงานจำนวนมากไม่ได้นั้น เขาก็ได้สร้างห้องสำหรับเก็บของพวกนี้เอาไว้
เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม อู๋ ฮ่าวเหรินจะนำของโบราณเหล่านี้ไปผึ่งแดด
ถ้าไม่มีปัญหามากนัก เขาก็คิดว่าจะส่งของบางอย่างกลับคืนประเทศที่เป็นเจ้าของไป
เมื่อเปรียบเทียบกับการโจรกรรมในพิพิธภัณฑ์อังกฤษ การกระทำเช่นนี้ก็ดูเป็นเรื่องตลกไปเลย
ผลกระทบของเทคโนโลยีฟิวชันนิวเคลียร์เริ่มขึ้นแล้ว
เพื่อเจรจากับประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาก็ได้โอนอ่อนให้ซึ่งหาได้ยากนัก
แต่โชคร้าย ญี่ปุ่นถูกขายให้กับสหรัฐอเมริกาไปแล้ว และทางญี่ปุ่นเองก็เห็นด้วยตั้งแต่แรกที่สหรัฐอเมริกาทำการผ่อนผันให้ซึ่งถ้าไม่จะทำให้พวกเขามีปัญหาได้
ในแง่ของการพัฒนาอาวุธ ข้อห้ามได้ถูกตราขึ้นแล้วครั้งหนึ่ง แล้วในตอนนี้ ไม่ใช่สหรัฐอเมริกาที่ต้องการยกระดับการจำกัดอาวุธ แต่เป็นสมาชิกถาวรทั้งห้าท่านในองค์การสหประชาชาติที่โหวตกันขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าถ้าตราบใดที่ประเทศจีนยังไม่โหวตให้เรื่องนี้ ญี่ปุ่นก็จะไม่มีวันยกระดับข้อห้ามอาวุธได้เลย
แม้จะเป็นแบบนั้น ญี่ปุ่นเองก็เห็นสหรัฐอเมริกาเป็นเหมือนพ่อ เพราะพวกเขารู้สึกกังวลว่ายิ่งจีนแกร่งขึ้น จีนก็จะกลับมาคิดบัญชีที่พวกตนเคยทำไว้
ประเทศเหล่านั้นที่อยู่ใกล้กับสหรัฐอเมริกาและต้องการหาเรื่องกับประเทศจีนก็ต่างรู้สึกกลัวกันแล้วในตอนนี้ นอกจากนี้พวกเขาก็เริ่มซ่อนและไม่กล้ายิงเข้ามาส่งๆ
สถานการณ์ของโลกในตอนนี้ ต่างคนต่างดิ้นรนระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ส่วนตำแหน่งในปัจจุบันของรัสเซียนั้นค่อนข้างง่อนแง่น เพราะพวกเขาไม่อยากให้จีนลุกขึ้นมาผงาด แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ทำได้แค่จับตาดูเท่านั้น
0 ความคิดเห็น