TB:บทที่ 84 อารามสุริยะเทพ

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

TB:บทที่ 84 อารามสุริยะเทพ


หลังจากที่ซ่งเต๋ากลับบ้านไปแล้ว เฉินหลงได้เข้าระบบเพื่อหาวิธีปิดผนึกความทรงจำ แต่สิ่งที่ทำให้เฉินหลงประหลาดใจอย่างมากคือเพราะไม่มีของชิ้นใดผนึกอยู่ในระบบแล้ว มีก็เพียงแต่สกิลเท่านั้น สกิลพวกนี้ต้องการระดับความสามารถต่ำที่สุดแต่แต้มแลกเปลี่ยนกลับสูงมาก เฉินหลงไม่สามารถจะแลกแต้มได้เพราะแต้มที่มีอยู่ตอนนี้มีไม่มาก 


เฉินหลงไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากไปหาอาจารย์ของเขา ในตอนนั้นเขาได้ถามด้วยว่า อะไรคือ “หินแห่งดวงอาทิตย์”


“ศิษย์เอ๋ย เจ้าต้องการอะไรจากอาจารย์ล่ะคราวนี้ มีเหตุผลอะไรอีก เจ้าพัฒนาขึ้นแล้วมิใช่หรือ” เมื่อ เทียนซิงจื่อเห็นเฉินหลง สีหน้าของเขาแสดงถึงความแปลกใจ


ตอนที่เฉินหลงได้ “โฮเชิง จือ”  ไปครั้งก่อน สองสามวันต่อมาเขาไปถึงระดับห้า ดูเหมือนว่าความสามารถเขาจะดีเยี่ยมทีเดียว


“เพราะมีอาจารย์ที่ดีแบบท่านไงล่ะ แต่แน่นอนว่าผมจะต้องดิ้นรนเพื่อความสำเร็จ” เฉินหลงชมเขาในทันที


ถ้าเจ้าจะมาชมอาจารย์ของเจ้าแบบนี้เจ้าคงมีไม่อะไรให้เสียแล้ว หากทำให้เทียนซิงจื่อรู้สึกสบายใจได้ก็ควรจะทำสิ


“เอาล่ะ ชมให้น้อยหน่อยแล้วพูดธุระมา” แม้เทียนซิงจื่อจะไม่ได้รู้สึกปลื้มมากมายนักแต่เขาก็ชอบมัน 


"คือว่า.. ”


หลังจากนั้นเฉินหลงกล่าวว่าเขาต้องการผนึกความทรงจำของเฉียนชานเจีย


“ง่ายมาก เจ้าเพียงต้องหาความทรงจำนั่นในหัวเขา จากนั้นก็ปิดตายมันซะ” เทียนซิงจื่อมองเฉินหลงที่ก็กำลังมองตรงมายังเขา


“อาจารย์การทำเช่นนี้มันง่ายสำหรับท่าน แต่พลังผมนั้นอ่อนแอกว่ามาก อีกอย่างผมไม่รู้วิธีการทำแบบนั้นด้วย” เฉินหลงมองเทียนซิงจื่อด้วยสีหน้าขมขื่น


เทียนซิงจื่อกล่าวว่าการทำเช่นนั้นคือเรื่องง่ายดาย เฉินหลงเข้าใจดีว่าเพราะเหตุใดเขาจึงพูดเช่นนั้น แต่ไม่มีทางที่เขาจะทำแบบที่กล่าวมาได้เลย


 เทียนซิงจื่อมองเฉินหลงแล้วจึงส่งคำขอการแลกเปลี่ยนไปให้


“สิ่งนี้จะช่วยเจ้าได้ ถ้าไม่มีธุระก็อย่ามากวนข้าอีก เจ้าไม่รู้รึว่าข้าไม่ค่อยว่าง”


เทียนซิงจื่อกล่าวและกำลังจะตัดการติดต่อ


เฉินหลงรู้ดีว่าแม้เทียนซิงจื่อจะบอกว่าเขายุ่งแต่ธุระของเขามักจะเป็นเรื่องกิน


“ท่านอาจารย์ ท่านรู้หรือไม่ว่าอะไรคือหินแห่งดวงอาทิตย์” เฉินหลงยุ่งยังระรานเทียนซิงจื่อ


“ เจ้า“หินแห่งดวงอาทิตย์” นั่นน่ะหรือ สิ่งนั้นคืออัญมณีที่อยู่ในวิหารแห่งสุริยัน ว่ากันว่าหินนั่นมีพลังเฉพาะของ “ดวงอาทิตย์สุตราที่แผดเผา” พลังของ “เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์” อยู่ และมีหยาดเลือดศักดิ์สิทธิ์ของ”เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์”อยู่ด้วย หากผู้ใดได้ครอบครองสองสิ่งนี้แม้จะเป็นเพียงคนสามัญก็จะสามารถบรรลุสู่ขั้น “ปรมาจารย์แห่งดวงดาว” ได้อย่างรวดเร็ว ถึงกระนั้นข่าวลือก็อาจผิดได้ แต่ “เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์” มีความเป็นเลิศในจักรวาล หยดเลือดเพียงหยาดเดียวก็สามารถแผดเผาทุกอย่างเป็นเถ้าถ่าน ตัดผ่านสายลมได้ หากไม่ใช่ดวงอาทิตย์สุตราที่แผดเผาหรือหยดเลือดที่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ตัว“หินแห่งดวงอาทิตย์”เองเป็นสิ่งที่ดี หากเจ้าได้ครอบครองแล้วเจ้าสามารถขายให้ข้าได้ ข้าให้ราคาดีอยู่” เทียนซิงจื่อมองไปไปยังเฉินหลงและกล่าวต่อไป


ด้วยความที่เทียนซิงจื่อเป็นผู้รอบรู้ เฉินหลงจึงพูดถึง “หินแห่งดวงอาทิตย์” ทันทีว่าของสิ่งนั้นจะต้องมีเป้าหมายสักอย่างแน่นอน เขาเลยพูดประโยคถัดไป


“ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่าด้วยกำลังเท่าที่มีอยู่ ผมจะครอบครอง “หินแห่งดวงอาทิตย์” ได้หรือไม่ วันก่อนข้าเห็นภารกิจเกี่ยวกับ “หินแห่งดวงอาทิตย์” นี้อยู่กับภารกิจอื่นๆ ผมเลยถามท่านด้วยความใคร่รู้”


เฉินหลงกล่าวอย่างรีบเร่ง


ถึงเทียนซิงจื่อจะเป็นอาจารย์ของเขาที่เขาไม่ได้รู้จักมักคุ้นเท่าไร บางครั้งการเก็บบางเรื่องไว้กับตัวอาจจะดีกว่า


“ได้สิ แต่คำของอาจารย์มักจะถูกเสมอนะ” แล้วเทียนซิงจื่อก็ตัดการติดต่อไป


แม้เฉินหลงจะกล่าวเพียงว่าเขาเห็นภารกิจเกี่ยวกับ “หินแห่งดวงอาทิตย์” ก็ตามแต่เขาหลอกเทียนซิงจื่อไม่ได้ง่ายๆ


ภายหลังจากที่ เทียนซิงจื่อตัดการติดต่อไป เฉินหลงก็ออกจากระบบ และถึงแม้ว่าเขาจะได้แนวทางมาผนึกความทรงจำแล้วก็ตาม แต่เฉินหลงไม่ชอบใจเท่าไรที่เทียนซิงจื่อจะเห็นเป็นความเป็นไปทั้งหมด


หลังจากเศร้าสลดอยู่สักพัก เฉินหลงก็หันเหความสนใจไปที่ลูกบอลขนาดเท่ากำปั้นในมือของตน


ฉันไม่รู้ว่าลูกบอลนี้ทำจากอะไร ดูเหมือนจะเป็นเหล็ก แต่ก็เบาเกินกว่าจะเป็นเช่นนั้น


บนพื้นผิวมีเส้นขีดอยู่มากมาย เส้นพวกนี้เปล่งแสงเป็นบางครั้ง


“อาจารย์ ท่านนั่นไม่บอกเลยว่าจะใช้ของนี่ได้อย่างไร” เขามองลูกบอลในมือ รู้สึกมืดแปดด้าน เขาไม่รู้เลยว่าจะเริ่มต้นได้อย่างไร


ในตอนนั้นเอง ลูกบอลก็ลอยขึ้นและส่องแสงสีขาวไปที่หน้าผากเฉินหลงจากนั้นข้อมูลก็หลั่งไหลเข้าสู่โสตประสาทของเขา


ความจริงที่ปรากฏคือ ลูกบอลนี้ชื่อว่า “บอลความทรงจำ” เป็นสิ่งซึ่งสกัดขึ้นโดย เทียนซิงจื่อ วิธีการใช้ช่างง่ายดาย นั่นคือเมื่อปลุก“บอลความทรงจำ”ขึ้นมาแล้ว ลูกบอลนี้จะกลายเป็นผ้าคาดหน้าผาก เมื่อนำไปคาดหน้าผากของใครจะสามารถเห็นความทรงจำของเขาได้และก็สามารถเลือกที่จะลบความทรงจำออกไปได้ด้วยคล้ายๆกับกล้องง่อยๆ


อย่างไรก็ตาม “ลูกบอลความทรงจำ”นี้ก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่ใช้แล้วทิ้ง เพราะเมื่อใช้จนความจำเต็มแล้วก็ไร้ประโยชน์ 


“เคยคิดว่าอาจารย์จะใจกว้างนะเนี่ย คิดไม่ถึงว่าจะขี้เหนียวขนาดนี้” ตอนแรกที่ได้เห็นเครื่องมือนี่เฉินหลงดีใจเสียเหลือเกิน แต่เมื่อพบว่าใช้ได้เพียงครั้งเดียว เขาก็รู้สึกพ่ายแพ้ต่อเทียนซิงจื่อในทันใด


จะเป็นอย่างไรก็เถอะการมีเครื่องมือก็ยังดีเสียกว่าไม่มีอะไรเลย หลังจากที่แก้ปัญหาของเฉียนชานเจียเสร็จแล้ว ฉันจะหาไอ้ “หินแห่งดวงอาทิตย์”นั่น ของที่แม้แต่อาจารย์ยังบอกว่าเป็นของดี


จากนั้นเฉินหลงก็ไปหาเฉียนชานเจียพร้อมกับ “ลูกบอลแห่งความทรงจำ”


เฉินหลงทำการผนึกความทรงจำเฉียนชานเจียตอนที่เขาจะฆ่าซ่งหยู และภายหลังจากที่ความทรงจำได้ปิดผนึกไปแล้ว“ลูกบอลแห่งความทรงจำ”ก็หายวับไปในทันที


“ลูกบอลแห่งความทรงจำ” นี้สร้างขึ้นโดยเทียนซิงจื่อทำให้ตราบเท่าที่ไม่ได้มีพลังขนาดระดับมหาศาลล่ะก็จะไม่มีทางเปิดผนึกความทรงจำนี้ได้


เฉินหลงถามเฉียนชานเจียเรื่องซ่งหยู่อีกครั้งแต่เฉียนชานเจียไม่มีความทรงจำนั้นอยู่แล้ว นี่ทำให้เฉินหลงโล่งใจ


ในที่สุดเฉียนชานเจียก็ไม่ต้องหลบซ่อนอยู่ต่างประเทศอีกต่อไป เขาได้กลับบ้านเสียที 


แม้เมื่อเขากลับไปแม้จะใช้ผ้าคลุมสีดำเค้นถามอย่างไรก็ไม่อาจใช้กับเขาได้ แล้วผ้าคลุมสีดำนั่นก็จะพิสูจน์ไม่ได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวอะไรกับเฉียนชานเจีย


วันต่อมาเฉียนชานเจียกลับบ้านไปกับหยู่เฟยและซ่งเย่ เฉินหลงยังคงอยู่ที่นั่นต่อเพราะเขามีสิ่งสำคัญที่จะต้องจัดการ


“อารามสุริยะเทพ” อยู่ที่เมืองติฆัวนา เป็นของที่แกะสลักขึ้นจากแร่เฟลด์สปาร์ระดับกลางชิ้นใหญ่ มีน้ำหนักมากกว่าร้อยตัน สูงสามเมตรกว่าและกว้างเกือบสี่เมตร ตรงประตูมีรูเจาะอยู่ตรงกลาง และกลางขื่อประตูมีรูปปั้นศักดิ์สิทธิ์สลักอยู่ ส่วนหัวของรูปปั้นเปล่งแสงสว่างสไว มือทั้งสองถือกระบองป้องกันประตู และมีแถวของรูปแกะสลักที่เล็กกว่าตรงกลางอีกสี่สิบแปดชิ้นเรียงกันเป็นแถวสามแถว รูปสลักนั้นมีความเหมือนจริงราวกับมีชีวิต แถวบนและล่างเป็นรูปนักรบมีปีกหันหน้าไปทางเทพพระเจ้า แถวตรงกลางเป็นรูปสลักนกคล้ายคน ภาพสลักนี้แสดงความชื่นชมเทิดทูนและแสดงความซับซ้อนของโลกแห่งเทวตำนาน


เฉินหลงไม่รู้แน่ชัดว่า “หินแห่งดวงอาทิตย์”อยู่ที่ใด แต่การเริ่มตามหาจากที่ตั้งของ “อารามสุริยะเทพ” ก็คงไม่ใช่จุดเริ่มต้นที่ผิดนัก 


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น