TB:บทที่ 82 ดาบของซ่งเต๋า

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

TB:บทที่ 82 ดาบของซ่งเต๋า


“ผมไม่ได้นั่งเครื่องบินมาหลายสิบชั่วโมงเพื่อมาเจออะไรแบบนี้นะ เอาเถอะ ยังไงสเต็กที่นี่ก็อร่อยดีทีเดียว” เฉินหลงค่อยๆหั่นสเต็กเป็นชิ้นเล็กๆ จิ้มมันขึ้นมาด้วยส้อมเงินแล้วก็เอาเข้าปากก่อนจะเคี้ยวช้าๆ


“มากับพวกเราซะ เดี๋ยวนี้เลย” ตอนนี้หัวหน้าไม่ได้กล่าวกับเฉินหลงแล้ว เขาจับมือเตรียมพร้อมรับมือเฉินหลงและพรรคพวก


หลังจากที่หัวหน้าถือปืนขึ้นมาพวกของเฉินหลงก็หยิบปืนพกขึ้นมาด้วย


ขณะเดียวกันกับที่หัวหน้าถือปืนขึ้นมานั้นหยูเฟยและซ่งเย่ก็หยิบปืนพกขึ้นมาเผชิญหน้ากับหัวหน้าเช่นกัน


“ถ้าทำได้ก็ลดปืนลงเถอะ นี่ก็ไม่ใช่เรื่องสูงส่งอะไร อีกอย่างหนึ่งนะ ผมยังกินข้าวเช้าไม่เสร็จเลย แล้วผมก็ไม่อยากจะเสียมื้อเช้าไปเพราะพวกคุณด้วย” เขาชี้ปากกระบอกปืนพร้อมที่เก็บเสียงไปทางตัวเขา สายตาของเฉินหลงยังเป็นเช่นเดิมแต่เขาไม่มองอะไรอย่างที่เคยแล้ว 


“วางปืนลง” ซ่งเต๋าพูด


ปัญหาที่ไม่ควรเกิดจะเกิดนะถ้าแกใช้ปืน แล้วบางทีเป้าหมายที่ตั้งไว้จะไม่บรรลุด้วย


เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งเต๋าทั้งหัวหน้าและพวกเขาก็ลดปืนกลับลงไปอีกรอบ แต่หยูเฟยยังคงจับมันไว้แน่น


“ใช่แล้วล่ะ ภาพคนถือมีดถือปืนไม่ดีเลยในเช้าดีๆแบบนี้” เฉินหลงกล่าวเขาวางมีดและส้อมไว้ที่ขอบโต๊ะ เขายืนขึ้น แบมือออกแล้วหันซ้ายขวา


“แกนี่มันจองหองเหลือเกิน” ซ่งเต๋าถือมีดและมองไปยังเฉินหลง


“ใช่ๆ ผมคิดว่าผมถ่อมตัวมากๆมาตลอด เหมือนคราวก่อนเลย ผมภูมิใจนะที่ผมไม่ได้แสดงออกมาตอนนั้น” รอยยิ้มที่ฉายบนหน้าเฉินหลงมุ่งไปที่หัวหน้าและพวกนั้น


“แกต้องการอะไร” ซ่งเต๋ากล่าว


“แน่นอนสิ ผมอยากจะแก้แค้น อีกอย่างนะ ถ้าโดนทำร้ายแล้วไม่เอาคืนมันไม่ใช่ตัวตนผม” เฉินหลงตอบกลับซ่งเต๋า


สำหรับสุภาพบุรุษไม่มีเวลาใดที่ช้าเกินกว่าจะเอาคืน โดยเฉพาะกับเฉินหลง


“ถ้าแกอยากจะแก้แค้นก็มาเลย ฉันจะจัดให้” หัวหน้ากระดิกนิ้วใส่เฉินหลงอย่างท้าทาย


“ลืมที่พูดไปซะ ลู่หง นายออกไปแล้วสั่งสอนบทเรียนให้พวกมันหน่อย อย่าฆ่าพวกมันล่ะ” หลังพูดจบเฉินหลงหยิบซิก้าร์ออกมา จุดมัน และนั่งพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีเหมือนกำลังชมละคร


หลังจากได้ยินคำพูดของเฉินหลงแล้ว ความตื่นเต้นก็แสดงชัดบนสีหน้าของลู่หง เขากำหมัดและเดินไปหาหัวหน้า


หัวหน้าบิดคอไปมาแล้วเดินไปหาลู่หง


ความสามารถของคนหนึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง แต่อีกคนจัดอยู่ในระดับปรมาจารย์ พูดง่ายๆก็เหมือนการรังแกเด็ก


ความเป็นจริงก็คือคนสองคนพุ่งเข้าหากันในระยะโจมตี ตอนแรกหัวหน้าชกหน้าลู่หงก่อน ลู่หงไม่ได้หลบแต่อย่างใดเพราะการที่โดนหัวหน้าชกมันไม่ได้หาได้ง่ายๆ


“ถ้านั่นคือฝีมือทั้งหมดที่นายมี นายก็แพ้ฉันราบคาบแล้ว” หลังจากหมัดหนักๆนั่น ใบหน้าของลู่หงก็ปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยาม


แล้วลู่หงก็ชกช่วงท้องหัวหน้า


“ตุ้บ”


“กร๊อบ”


ด้วยหมัดของลู่หงทำให้หัวหน้ากระเด็นไป จากนั้นก็มีเสียงกระดูกแตกหักดังตามมา


หลังจากที่หัวหน้ากระเด็นสูงขึ้นไปสามเมตรเขาก็ตกลงพื้นเหมือนตุ๊กตาผ้าแล้วตัวเขาก็กระตุก


“หัวหน้า”


“หัวหน้า”


......


ตอนที่พวกเขาเห็นว่าหัวหน้าพ่ายแพ้และโดนลู่หงทำให้หมดสภาพ พวกเขาวิ่งไปหาหัวหน้าทันทีและเรียกเขา แก๊งของพวกเขาไม่ได้ใหญ่ พวกเขาฝึกฝนและออกไปทำภารกิจด้วยกันมาหลายต่อหลายปี เป็นปกติที่พวกเขาจะห่วงใยกันอยู่ลึกๆ 


“อ่อนแอชะมัด ยังไม่โดนต่อยเลย น่าเบื่อจริงๆ” ลู่หงส่ายหัวด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย 


“เรื่องน่าเบื่อมันตายไปแล้วสำหรับฉัน” ครั้งนี้เขารีบหยิบดาบสั้นออกมาจะแทงลู่หง 


เพราะแก๊งนี้ขนาดไม่ใหญ่หัวหน้าเลยดูแลเจิ้งไท่อย่างดีเสมอ เจิ้งไท่ก็เห็นหัวหน้าเป็นเหมือนพี่ชาย ในตอนนี้ที่หัวหน้าโดนลู่หงทำร้ายแถมยังจะกล้าพูดประชดประชันใส่อีก นี่ทำให้เจิ้งไท่โกรธเหลือเกิน


“ดีแล้วนี่ มันกลายเป็นว่าตลอดมาฉันไม่ได้เสพติดความน่าเบื่อล่ะ” ลู่หงมองเจิ้งไท่ที่กำลังจะแทงเขาด้วยดาบสั้นแล้วสัญชาตญาณการต่อสู้ของเขาก็โดนปลุกขึ้นมาทันที


ไม่ว่าอย่างไรเพื่อร่วมแก๊งของเจิ้งไท่ก็ไม่ปล่อยให้เขาไปสู้กับลู่หงคนเดียว ลู่หงจัดการกับหัวหน้าง่ายๆในเสี้ยววินาทีแบบนั้น เขาไม่มีโอกาสแม้แต่น้อยที่จะชนะ แต่การช่วยกันสู้อาจจะทำให้มีโอกาสขึ้นมาบ้าง


พลังของลู่หงเหนือกว่าเจิ้งไท่แต่เมื่อแก๊งสายฟ้าทั้งห้าคนมาร่วมมือกันพลังที่มีก็ยอดเยี่ยมทีเดียว ในตอนนี้ลู่หงทำได้เพียงหลบไปมา นั่นแน่นอนว่าเป็นเพราะพวกเขามีดาบสั้นที่แหลมคมอยู่ในมือ แต่หากไม่มีดาบสั้นพวกนั้นแล้วลู่หงแค่ใช้กระบวนท่าหนักๆสักสองสามท่าก็ทำให้พวกนั้นแพ้ราบคาบได้ง่ายๆ


“ลูกพี่ครับ น้องสี่กำลังมีปัญหานิดหน่อย” เขากล่าวกับเฉินหลง คิ้วของเทียซิงกระตุกเบาๆเมื่อเขามองลู่หงที่โดนโจมตีและทำได้เพียงขยับหลบ 


“ไม่เป็นไรหรอก” เฉินหลงไม่ได้สนใจปัญหานั้น


ถ้าหากพลังของพวกนั้นเป็นแค่ระดับแนวหน้าแต่ลู่หงน่ะเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญแล้ว ดังนั้นระดับก็มีความต่างกันมากอยู่ ถ้าลู่หงจัดการพวกเจิ้งไท่ไม่ได้แบบนี้ก็สรุปได้เพียงว่าลู่หงเป็นขยะ


เป็นดังที่เฉินหลงคิด หลังจากที่ลู่หงคงจุดยืนในการต่อสู้ให้มั่นคงได้ สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป ความห่างชั้นของกำลังไม่อาจทนแทนได้ด้วยการร่วมมือกัน และหลังจากที่ลู่หงจับดาบสั้นในมือของฝ่ายตรงข้ามได้เขาก็โจมตีอย่างแรง ชัยชนะตกลงมาที่ข้างลู่หงแล้ว


หลังจากผ่านไปห้านาที เฉกเช่นเดียวกับหัวหน้าของเขา เจิ้งไท่นอนกองอยู่กับพื้น 


เฉียนชานเจีย หยูเฟย และซ่งเย่มองลู่หงจัดการคนของแก๊งสายฟ้าทั้งหกคนแล้วก็ได้แต่ยืนอึ้ง


และในขณะเดียวกันนั่นเองเฉียนชานเจียรู้สึกยินดีเป็นที่สุดที่เขาปล่อยให้เฉินหลงช่วย


“คุณซ่งครับ ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว คุณคงกลับเองได้ใช่ไหม” เฉินหลงมองซ่งเต๋าด้วยสายตา “ตอนนี้ฉันอารมณ์ดีอยู่ อยากจะพูดอะไรก็เอาเลย”


“แกรู้ว่าสกุลฉันคือซ่งงั้นหรือ” ซ่งเต๋ามองไปยังเฉินหลงด้วยความสงสัย


“ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้หรอก แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว” เฉินหลงยกยิ้ม


“คนคุ้มกันแกสองคนนั้นไม่เลวเลย แต่ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกนะ” ซ่งเต๋าว่า เขาก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมด้วยมีดที่อยู่ในมือ


“คุณยังไม่ได้ลองเลยแล้วจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะครับ” เฉินหลงกล่าวกับซ่งเต๋าแล้วหันไปหาลู่หง 


“พลังของคุณซ่งช่างแข็งแกร่ง แต่ถ้าไปเผชิญหน้าทีละคนแล้วละก็การสู้กับเขาก็ไม่เหนือไปกว่าฝีมือเลย พวกนายทั้งสองไปสู้กับคุณซ่งซะแล้วเรียนรู้เพลงดาบของเขา”


พร้อมกับที่ลู่หงพยักหน้าตอบพวกเขาก็มุ่งหน้าไปเผชิญกับซ่งเต๋า


“พลังกังฟูของฉันอยู่สถิตในดาบนี้หมดแล้ว ถ้าพวกแกรู้สึกเหมือนจะแพ้ฉันจะให้เวลาพวกแกไปหาอาวุธนะ”


ซ่งเต๋าชี้ปลายมีดไปที่ลู่หง


“ไม่ล่ะพลังของเราอยู่กับกำปั้นนี่แหละ” เทียซิงปฎิเสธ


หลังจากที่เทียซิงพูดจบ ทั้งสามก็เริ่มการต่อสู้


แต่อย่างไรก็ตามการต่อสู้ครั้งนี้เริ่มต้นและจบลงอย่างรวดเร็ว ซ่งเต๋าใช้เพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น เขาตัดเสื้อตรงช่วงอกของเทียซิงและลู่หงออก ทิ้งรอยบาดไว้ ทั้งคู่ถอยกลับอย่างรวดเร็วเพราะไม่เช่นนั้นอาจจะโดนเฉือนอีกรอบ


จากที่เฉียนชานเจียได้เห็นพลังของลู่หง เขาคิดว่าการต่อสู้ต้องสูสีกันมากแน่ๆ เขาคาดไม่ถึงว่ามันจะจบไวขนาดนี้ แล้วเฉียนชานเจียก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าใครคือคนคนนี้


“แกคือซ่งเต๋า”


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น