TB:บทที่ 77 สุดยอดปรมาจารย์
เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว ทันใดนั้นเฉินหลงก็ออกไปหาอาหารอร่อยๆในทันที เพราะในบรรดาคนที่เฉินหลงรู้จักแล้ว มีเพียงคนเดียวที่เหมาะสมที่สุด และคนๆนั้นก็คือ เทียนซิงจื่อ นั่นเอง
ในตอนที่อีกฝ่ายรู้ว่าเฉินหลงเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่ง อีกฝ่ายประทับใจในตัวเฉินหลง ประกอบกับการที่เฉินหลงส่งอาหารอร่อยๆให้เขาทุกวันแล้ว ถึงเทียนซิงจื่อจะไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องรับเขาเป็นลูกศิษย์ ตราบใดที่เขาปฏิบัติกับอีกฝ่ายในทางที่ดี มันก็ไม่จำเป็น
เพื่อที่จะชนะใจเทียนซิงจื่อด้วยอาหารแล้ว หลังจากออกไปข้างนอก เฉินหลงได้เข้าสู่โหมดกวาดล้างในทันที
ด้วยสารพัดเมนูอย่าง บะหมี่ เกี๊ยว ซาลาเปา ขนมอบ เกี๊ยวซ่า บะหมี่แห้ง แป้งทอดคลุกน้ำตาล* ทังหยวน** ขนมมันเทศ ปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ และยังมีขนมหวานอื่นๆอีกเช่น เปาะเปี๊ยะไหมเงิน*** ขนมชั้น และอื่นๆอีกมากมาย เฉินหลงกวาดอาหารต่างๆมาจากร้านขายอาหารเช้าแสนอร่อยในซิงเฉิงมาทั้งหมด
หลังจากกลับมาถึงวิลล่า เฉินหลงนำอาหารเช้ามาฝากคนอื่นๆในครอบครัวด้วย ส่วนของพวกเขา เฉินหลงวางไว้ให้บนโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเขาก็กลับเข้าไปในห้องของตัวเอง แล้วติดต่อกับเทียนซิงจื่อในทันที
ในไม่ช้า ผู้สูงศักดิ์ราวกับผู้วิเศษอย่างเทียนซิงจื่อได้ปรากฏตัวขึ้นในความคิดของเฉินหลง
"ท่านอาจารย์เทียนซิงจื่อ ผมนำอาหารเช้าแสนอร่อยมาของวันนี้มาให้แล้วครับ ผมคิดว่าคุณน่าจะชอบ" เฉินหลงที่พยายามเอาใจอีกฝ่ายนำอาหารเช้าที่เขาเก็บเอาไว้ในวงแหวนมิติออกมา แล้วมอบให้กับเทียนซิงจื่อ
ช่วยไม่ได้ละนะ ในเมื่อตอนนี้เขาต้องการนับถือเทียนซิงจื่อในฐานะอาจารย์ ถ้าเขาไม่ตั้งใจ มีหวังงานนี้ไม่สำเร็จแน่
"หืม ทำไมคราวนี้นายถึงนำอาหารมาเยอะแยะมากมายขนาดนี้ล่ะ?" เทียนซิงจื่อมองดูเฉินหลงด้วยความสงสัย
ในการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ อาหารแสนอร่อยมากมายที่ตั้งอยู่เต็มโต๊ะ ทำให้เทียนซิงจื่อคิดว่าเฉินหลงกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่แน่นอน
“คุณไม่ชอบทานอาหารอร่อยๆเหรอครับ? เพราะอย่างนั้น ครั้งนี้ผมถึงได้เอามาให้คุณเยอะๆเลย ผมคิดว่าคุณน่าจะชอบ” เฉินหลงพูดยกยอพร้อมกับทำสีหน้าชื่นชมเทียนซิงจื่อ
"นี่ ในฐานะที่เราก็รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว ถ้านายมีปัญหาอะไรก็บอกฉันได้นะ ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ ฉันจะช่วยนายเอง" เทียนซิงจื่อมองไปทางโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารและจัดการกินในทันที
เขาไม่รู้ว่าเทียนซิงจื่อคนนี้มีชีวิตอยู่มานานแค่ไหนแล้ว แต่เขาเป็นผู้อาวุโสตัวจริงเสียงจริง ถึงเฉินหลงจะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ แต่เขาก็ไม่สามารถปิดบังอะไรอีกฝ่ายได้เลย
"คุณช่างเป็นคนเจ้าเล่ห์ที่ฉลาดจริงๆ" เฉินหลงชื่นชมอีกฝ่ายในทันที
ข้อร้อง แน่นอนว่าที่ขาดไม่ได้เลยก็คือคำชม
"ไม่เอาน่า เลิกพูดจาเหลวไหลเถอะ มีอะไรก็ว่ามาเลย" เทียนซิงจื่อถูกหลอกล่อด้วยอาหารเต็มโต๊ะ อาหารทุกจานส่งกลิ่นหอมฉุย มันกำลังชักชวนให้เขากินมันเข้าไป ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ติดสนใจมัน
"อาจารย์เทียนซิงจื่อ คุณสนใจรับลูกศิษย์สักคนไหมครับ? ผมอยากนับถือคุณในฐานะอาจารย์ ถ้าคุณยอมรับผมในฐานะลูกศิษย์ ลูกศิษย์คนนี้จะส่งอาหารอร่อยๆให้คุณทุกวันเลยครับ" เฉินหลงตอบตามความจริง
"จะให้ฉันรับนายเป็นลูกศิษย์เหรอ?" หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเฉินหลงแล้ว เทียนซิงจื่ออึ้ง
เทียนซิงจื่อนึกถึงเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้มากมาย แต่เขาไม่คิดเลยว่าเด็กคนนี้จะขออะไรแบบนี้
ครับ ผมอยากแข็งแกร่งขึ้น ผมอยากแข็งแกร่งขึ้นเพราะคำแนะนำของอาจารย์ครับ” เฉินหลงกล่าว
“ก็ได้ แต่ฉันต้องรู้คุณสมบัติของนายก่อน การที่จะรับเธอมาเป็นศิษย์ ไม่ใช่ว่าฉันจะทำไม่ได้หรอกนะ แต่ขอบอกไว้ก่อน ก่อนที่นายจะเป็นปรมจารย์แห่งดวงดาว นายจะเป็นได้แค่เพียงลูกย์ศิษย์ชั่วคราวของฉัน ถ้านายสามารถเลื่อนขั้นเป็นระดับศิราแล้ว นายก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของฉันอย่างเป็นทางการ" เขาใช้ความคิด และเห็นชอบกับอีกฝ่าย
อันที่จริง คุณสมบัติของเฉินหลงนั้นดีมาก นอกจากนี้ เทียนซิงจื่อก็มีลูกศิษย์ในตงเฉิงเสินโจว การที่มีลูกศิษย์ชั่วคราวที่มีระบบและความสามารถเพิ่มขึ้นมาอีกคน เขาไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว
โดยทั่วไป ผู้ที่มีระบบจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งมากในอนาคต เช่นเดียวกับเทียนซิงจื่อ ก่อนที่เขาจะได้ครอบครองระบบ ไม่มีใครรู้จักเขาเลยสักคน แต่หลังจากที่เขาได้ครอบครองระบบแล้ว เขาก็แข็งแกร่งและมีสถานะตามที่เห็นในตอนนี้ ถ้าเฉินหลงสามารถเลื่อนขั้นไปถึงระดับจักรวาลได้จริงๆ เขาจะได้รับเกียรติให้เป็นอาจารย์ และเขาก็จะได้รับความช่วยเหลือเช่นกัน
ดังนั้น การที่เขารับเฉินหลงมาเป็นลูกศิษย์จึงมีข้อดีหลายประการ
"ขอบคุณครับ ท่านอาจารย์" เมื่อได้ยินว่าเทียนซิงจื่อยินดีที่จะรับเขาเป็นศิษย์แล้ว เฉินหลงรู้สึกตื่นเต้นจริงๆ
"เรื่องนี้เอาไว้คุยคราวหลังก็ยังไม่สาย ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องเพลิดเพลินกับอาหารแสนอร่อยให้หนำใจ" กล่าวจบ เทียนซิงจื่อก็เริ่มจัดการกวาดล้างอาหารเช้าบนโต๊ะในทันที
ในตอนที่เทียนซิงจื่อทานอาหารเช้าบนโต๊ะ คิ้วของเขาก็ได้กระตุกอย่างต่อเนื่อง มันแสดงให้เห็นว่าอาหารที่เขาได้กินเข้าไปนั้นอร่อยมากจริงๆ
หลังจากเทียนซิงจื่อจัดการอาหารเช้าทุกจานที่อยู่บนโต๊ะเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่ากระเพาะของตัวเองจะต้องมีขนาดใหญ่เท่าใดกัน ถึงได้กินอาหารมากมายขนาดนี้ เข้าไปได้
"นี่ วันพรุ่งนี้เช้า ฉันขอบะหมี่ ปาท่องโก๋แล้วก็น้ำเต้าหู้อีกนะ" หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เทียนซิงจื่อหยิบผ้าผืนเล็กขึ้นมาเช็ดปากของเขาเบาๆ แล้วบอกเรื่องสำคัญกับเฉินหลง ถือคติที่ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง
"รับทราบครับ" เฉินหลงพยักหน้าตอบ
"เพราะนายนำอาหารอร่อยๆมากมายมาให้ฉัน มิหนำซ้ำยังเรียกฉันว่าท่านอาจารย์อีก ฉันเองก็จะไม่เอาเปรียบนาย ฉันทำไม่ลงหรอกนะ" จากนั้น เทียนซิงจื่อได้มอบหยกที่มีขนาดเท่ากับเหรียญให้กับเฉินหลงหนึ่งชิ้น
"ท่านอาจารย์ นี่คืออะไรครับ" หลังจากที่เฉินหลงทำการแลกเปลี่ยน เขาถามเทียนซิงจื่อพร้อมกับมองดูหยกในมือ
"สิ่งนี่คือหินเก็บความจำ มันสามารถเก็บข้อมูลต่างๆได้ ข้างในนั้น ฉันได้บันทึกวิชาขั้นแรกเอาไว้ครึ่งหนึ่ง คนธรรมดาสามารถฝึกวิชาจนเลื่อนขั้นเป็น "ปรมาจารย์แห่งดวงดาว" ได้ วิชาพวกนี้เลอค่ามาก ฉันหวังว่านายจะไม่เอามันไปมอบให้คนอื่น จงจำไว้และห้ามลืมเด็กขาด" หลังจากที่เทียนซิงจื่อพูดจบ เขาก็ตัดการเชื่อมต่อในทันที
สำหรับเทียนซิงจื่อแล้ว วิชาในระดับของ "ระดับดารา" นั้นไม่ได้ล้ำค่ามากขนาดนั้น แต่มันก็ไม่ใช่กะหล่ำปลีข้างทางอยู่ดี ด้วยเหตุนี้ เขาหวังว่าเฉินหลงจะสามารถเก็บรักษามันเอาไว้ได้
หลังจากตัดการเชื่อมต่อกับเทียนซิงจื่อ เฉินหลงเองก็ออกจากจากระบบเช่นกัน เขารู้สึกซาบซึ้งที่เทียนซิงจื่อให้วิชาในระดับดาราแก่เขา เพราะก่อนหน้านี้เฉินหลงไม่เคยเห็นมันในระบบมาก่อน
เขานำหินเก็บความจำออกมาจากวงแหวนมิติ แล้วเพ่งสมาธิไปที่ก้อนหิน ทันใดนั้น ข้อมูลมากมายถูกส่งเข้ามาในความคิดของเฉินหลง
วิชานี้มีชื่อว่า "ฮัวเสินเจวี๋ย" แค่อ่านชื่อ ก็รู้แล้วว่าเป็นวิชาที่เกี่ยวกับไฟ เป็นไปได้ว่าเทียนซิงจื่ออาจจะรู้ว่าตัวเขาสามารถใช้ไฟได้ เขาจึงให้ของขวัญพิเศษเป็นวิชาที่เกี่ยวกับไฟแก่เขานั่นเอง
"ฮัวเสินเจวี๋ย" คือหนึ่งในสามวิชาที่เป็นเอกลักษณ์ของ "ตำหนักฮัวเสิน" สิ่งสำคัญที่สุดในการฝึก "ฮัวเสินเจวี๋ย" คือคนผู้นั้นจะต้องมีความสามารถในการใช้ไฟ ระดับต่างๆของฮัวเสินเจวี๋ยถูกแบ่งออกเป็นสิบสองระดับ ให้สอดคล้องกับระดับดาราทั้งสิบสองระดับเช่นกัน
หลังจากทำความเข้าใจเกี่ยวกับฮัวเสินเจวี๋ยทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อย เฉินหลงจึงเริ่มฝึกตามคำอธิบายของฮัวเสินเจวี๋ยในทันที
การฝึกของเฉินหลงดำเนินมาถึงฮัวเสินเจวี๋ยระดับที่ห้าแล้ว และความสามารถของเขาก็มาถึงระดับสูงสุด
อันที่จริง ห้าระดับแรกของฮัวเสินเจวี๋ยนั้นไม่ค่อยยากเท่าไหร่ เขาต้องเข้าใจธาตไฟระหว่างสวรรค์กับโลก ปล่อยให้ร่างกายซึมซับธาตุไฟพวกนี้เข้าไป จากนั้นก็ค่อยๆเปลี่ยนร่างให้กลายเป็นร่างไฟ เพราะร่างกายของเฉินหลงได้รับการเปลี่ยนแปลงจากผลลูกไฟ ทำให้เขาสามารถฝึกห้าระดับแรกได้อย่างง่ายดาย ส่วนระดับหก เขาคิดว่ามันฝึกไม่ง่ายเหมือนกับห้าระดับที่ผ่านๆมา
เขารู้ดีว่าการเลื่อนขั้นไม่สามารถทำได้ภายในระยะเวลาอัน เฉินหลงจึงไม่ฝึกอย่างหนักหน่วงอีกต่อไป
“เหมือนกับพวกเก่งๆระดับสูงๆเลยอ่ะ เยี่ยมจริงๆ” เฉินหลงรู้สึกถึงมัน เขาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ยังดีที่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา การฝึกของเฉินหลงไม่ได้กินเวลามากนัก เขาฝึกแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
เวลาในตอนนี้บ่ายสามโมง
"แม่ครับ วันนี้ออกไปดินเนอร์กันเถอะครับ" เดิมที เฉินหลงอยากจะชวนเจิ้งอี้และคนอื่นๆอีกสี่คนมาทานข้าวที่บ้าน แต่เขาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า การที่ให้แม่ของเขาเตรียมอาหารสำหรับหลายคนทานแล้ว คงจะยุ่งยากไม่น้อย เขาจึงตัดสินใจว่าเย็นนี้จะออกไปทานข้าวนอกบ้านแทน
*糖油粑粑 (ถังโหยวปาปา) แป้งทอดคลุกน้ำตาล แป้งข้าวเหนียว +น้ำอ้อยแล้วเอาไปทอด รสชาติหวาน กรอบนอกนุ่มใน
**汤圆 (Tang yuan) "ทัง หยวน" หมายถึง "ขนมบัวลอย"
***银丝卷 Yín sī juǎn ภาษาอังกฤษใช้คำว่า "silver thread roll" อาหารดั้งเดิมของปักกิ่ง ทำจากแป้งที่ผสมเบกกิ้งโซดาให้ขึ้นฟู นวดด้วยวิธีเดียวกับการทำเส้นลาเมี่ยน (บะหมี่เส้นสด) เติมด้วยน้ำมันหมู ห่อด้วยแป้งผสมน้ำตาลหนาประมาณ 3 มม. อบในเตาราว 6-7 นาที จากนั้นนึ่งด้วยไอน้ำ แล้วนำมาอบอีกครั้งให้เป็นสีเหลืองทอง
0 ความคิดเห็น