TB:บทที่ 75 สุดยอดวิชากรงเล็บอินทรีย์

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

TB:บทที่ 75 สุดยอดวิชากรงเล็บอินทรีย์

“สู้? พวกมันไม่รู้รึไงว่าที่นี่ถิ่นใคร มันยังกล้าสร้างเรื่องอีกเหรอ” ในตอนที่ลู่หงได้ยินคำว่า ‘สู้’ ราวกับว่าเขาได้เห็นอาหารแสนอร่อยมาเสิร์ฟอยู่ตรงหน้า เขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะพูดมันออกมา


"มันคือพวกอินทรีย์ที่คอยช่วยคนพวกนั้นอยู่ครับ" น้องชายตอบ


“ได้ เดี๋ยวฉันไปดูกับนายเอง” กล่าวจบ ลู่หงหันกลับไปมองที่เฉินหลงและเจิ้งอี้นั่งอยู่ในห้อง เขาเห็นว่าทั้งสองคนไม่ได้มีความคิดเห็นใดๆกับเรื่องนี้ ลู่หงจึงเดินออกจากห้องไปกับน้องชายคนนั้นในทันที


หลังจากที่เดินออกมาจากห้องแล้ว ลู่หงเดินตามน้องชายไปด้านนอกบาร์


ในเวลาเดียวกัน มีคน 2 หรือ 3 คนยืนอยู่ข้างนอกบาร์ แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือลูกน้องของลู่หง ส่วนอีกฝ่ายคือวัยรุ่นที่น่าจะอายุประมาณยี่สิบปี


"เฮ้ย! แกรู้ใช่ไหมว่าที่นี่ถิ่นใคร? ที่แกกล้าทำอะไรตามอำเภอใจในถิ่นฉันแบบนี้ แกอยากมีเรื่องนักใช่ไหม?" ในตอนที่เห็นหนุ่มวัยยี่สิบยื่นอยู่ฝั่งตรงข้าม ลู่หงจึงพูดจาหยาบคายกับอีกฝ่าย


"หึ พี่หง อย่างที่พี่รู้ ที่จอดรถตรงนี้เป็นที่จอดประจำของลูกพี่แก๊งอินทรีย์ แต่ในตอนนี้ ที่ตรงนี้ถูกรถคันอื่นจอดไปแล้ว พวกเราก็แค่อยากให้เขาไปจอดที่อื่น แต่มันกลับไม่ยอม" ชายที่ดูโอหังคนนี้ตอบในขณะที่จ้องตากับลู่หง


ตรงที่จอดรถที่เขาว่ามา รถคันที่จอดอยู่คือรถของเฉินหลง


เมื่อนานมาแล้ว เวลาที่คนอย่างเขามาเที่ยวเล่นที่บาร์แห่งนี้ พื้นที่จอดรถตรงนั้นจะเป็นของบอสของเขาเสมอ เขาไม่คิดเลยว่าวันนี้ ที่ตรงนั้นจะถูกคนอื่นยึดไป มิหนำซ้ำพนักงานที่บาร์ยังไม่อนุญาตให้เขาเคลื่อนย้ายรถคันนั้นอีกด้วย ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องเดินกันเป็นแถวอย่างกับปู แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้พวกเขาไม่แฮปปี้


ทุกคนที่อยู่ในบาร์เป็นลูกน้องของเจิ้งอี้ ในตอนที่พวกเขาเห็นเทียซินเดินมาหาเฉินหลงแล้ว พวกเขาก็เข้าใจในทันทีว่าคนอย่างเฉินหลงจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ในตอนที่พวกลูกน้องในแก๊งอินทรีย์เหินฟ้าต้องการให้พวกเขาเคลื่อนย้ายรถของเฉินหลง พวกเขาจึงไม่ยินยอมทำตามอีกฝ่าย


"ให้พวกเราย้ายรถ? ที่ตรงนี้เป็นที่จอดรถของพวกแกรึไง? เหอะ ที่ตรงนู้นก็ว่าง ตาบอดรึไง ไปจอดตรงนู้นสิวะ  ถ้าไม่พอใจก็พูดออกมาดังๆเลยสิ" รถคันนี้เป็นรถของบอสเขา ถ้าไอ้พวกนี้ยังดื้อดึงที่จะให้เขาย้ายรถอีกละก็ คนอย่างลู่หงก็จะไม่พูดดีกับพวกมันอีกต่อไป


"ลู่หง นายเป็นคนพูดเองหรือพี่หนึ่งสั่งมา" ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มที่น่าจะมีอายุประมาณยี่สิบสี่หรือยี่สิบห้าปีที่มีลายสักรูปนกอินทรีย์บริเวณแขนทั้งสองข้าง จมูกงุ้ม ดวงตาเรียวยาวและริมฝีปากบางกล่าวขึ้นในขณะที่เขากำลังจ้องหน้าลู่หงอยู่


ผู้ชายคนนี้คือหัวหน้าแก๊งอินทรีย์เหินฟ้า หรือ จ้าวอิง


ว่ากันว่า ครั้นยังเป็นเด็ก จ้าวอิงได้ศึกษาศิลปะการต่อสู้ภายในตระกูล เขาได้ศึกษา "สุดยอดวิชากรงเล็บอินทรีย์" จากผู้เป็นพ่อ เขาเป็นเด็กที่รักในความยุติธรรม แต่เมื่อเขามีอายุ 18 ปี พ่อของเขาได้เสียชีวิตในตอนที่เขาออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก เหตุการณ์นี้กระทบกับจิตใจของจ้าวอิง คนที่มีความสัมพันธ์ดีๆกับพ่อมาตั้งแต่เล็ก ตั้งแต่นั้นมา จ้าวอิงได้เลิกเป็นเด็กที่สนใจการเรียน เขาเริ่มก่อเรื่องกับพวกเด็กเกเรในโรงเรียน เขาชอบสู้กับเด็กนักเรียนคนอื่นจนกลายเป็นกิจวัตรของเขาไปเสียแล้ว ผู้ปกครองของเด็กที่ถูกแกล้งและพวกอาจารย์เริ่มทนไม่ไหวกับเรื่องที่เขาก่อ จนในที่สุดเขาก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียน


ในตอนที่เขาเป็นอิสระจากโรงเรียน จ้าวอิงก็มีพลังมากขึ้น เขาอาศัยสุดยอดวิชากรงเล็บอินทรีย์เพื่อให้ตัวเองได้มีชื่อเสียงจากโรงเรียนมัธยม


ว่ากันว่า ครั้งหนึ่ง จ้าวอิงเคยใช้มือข้างเดียวยกเด็กอ้วนๆให้ลอยได้ ถ้าไม่ใช่เพราะลูกน้องของเขาห้ามปรามเขาเอาไว้ มีหวังเด็กอ้วนคนนั้นคงถูกเขาฆ่าตายไปแล้ว


ด้วยวิธีการต่อสู้และความกล้าหาญ จ้าวอิงได้สร้างแก๊งอินทรีย์เหินฟ้าขึ้นมา บางคนเป็นถึงอดีตนักสู้ พวกเขาต่างก็ร่วมมือร่วมใจกัน เนื่องจากในแก๊งของเขามีคนอยู่ไม่น้อย และคนพวกนั้นต่างก็มีความสามารถด้านการต่อสู้ทั้งหมด ทำให้คนกลุ่มน้อยไม่กล้าเหิมเกริมกับพวกเขา ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมีนิสัยเย่อหยิ่งและอวดดี จนพวกเขาเคยชินกับมันไปเสียแล้ว


"ฉันพูดเอง และมันก็เป็นสิ่งที่บอสของฉันต้องการ ทำไม มีปัญหาเหรอ?" ลู่หงจ้องหน้าจ้าวอิงกลับ


เขาได้ยินมาว่านานมาแล้ว จ้าวอิงมีวิชาที่สุดยอดช่วยเขาเอาไว้ แต่การที่เขายืนกรานกับจ้าวอิงว่าเจิ้งอี้ต้องการจะเปิดศึกกับเขา เป็นเพราะลู่หงต้องการศึกษาสุดยอดวิชากรงเล็บอินทรีย์ของคู่ต่อสู้ ในตอนนี้เขามีโอกาสแล้ว และความสามารถของเขาก็ได้รับการพัฒนาเป็นที่เรียบร้อยอีกด้วย เขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปเด็ดขาด


"ตัวใหญ่แล้วไง ไม่ได้แปลว่านายจะเก่งสักหน่อย คนอย่างฉันเล่นกับคนที่ฝึกสานต่าแบบนายได้ถึงสิบคนในคราเดียว ฉันจะแนะนำว่านายควรจะเรียกพี่ใหญ่ของนายมา แล้วให้เขาเป็นคนจัดการเรื่องนี้ซะ" ดูจากรูปร่างของลู่หงแล้ว จ้าวอิงรู้ว่าอีกฝ่ายฝึกสานต่า และสุดยอดวิชากรงเล็บอินทรีย์ของเขานั้นสุดยอดมาก เขาไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวลู่หงเลยแม้แต่น้อย


"จริงเหรอ น่ากลัวจัง เรามาหาที่ประมือกันสักตั้งเป็นไง เอาเป็นว่า ถ้าแกเอาชนะฉันได้ ฉันจะไปเรียกพี่หนึ่งออกมา แล้วถ้าแกแพ้ แกก็ไปจอดรถตรงนู้นนะ หรือไม่ก็ไปหัวไปไกลๆซะ" เห็นว่าจ้าวอิงกล้าพูดจาดูถูกเขาแล้ว ลู่หงก็มีน้ำโหขึ้นมาทันที


“หึ ไม่มีใครกล้าท้าฉันมานานแล้วนะเนี่ย ฉันหวังว่าแกจะอัดฉันได้สักหมัดนะ ฮ่าฮ่า” มุมปากของจ้าวอิงเหยียดยิ้มขึ้น เป็นรอยย้อมที่น่ารังเกียจจริงๆ


แล้วนั่นแกจะเดินไปไหนวะ ลู่หงจ้องหน้าจ้าวอิง ที่กำลังเดินไปยังที่ที่หนึ่ง


"ตรงนี้แหละ ตราบใดที่นายสามารถต่อยฉันได้ แล้วฉันจะเป็นฝ่ายไป ฉันจะไปจากที่นี่ในทันที" ด้วยเหตุนี้ จ้าวอิงได้หลอกล่อลู่หงได้สำเร็จ


ลูกน้องของจ้าวอิงที่เคยยืนล้อมรอบเขาอยู่ค่อยๆผละตัวออกห่าง เพื่อให้เขาได้มีพื้นที่ในการต่อสู้มากขึ้น


ทางฝั่งลู่หงหันหน้าไปมองลูกน้องของตน ออกคำสั่งให้พวกเขาอยู่ห่างๆจากตนเอาไว้ จากนั้นเขาก็เดินตรงไปทางจ้าวอิงทีละก้าวด้วยสีหน้าเย็นชา


จ้าวอิงยืนใช้มือทั้งสองข้างทำท่าไพล่หลัง แสร้งทำท่าราวกับว่าเขาถูกบังคับให้จ้องมองลู่หง


ลู่หงก้าวไปหยุดยืนอยู่ที่ตำแหน่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากจ้าวอิงครึ่งเมตร เขารีบใช้มือขวาส่งหมัดสอยดาวให้พุ่งตรงไปที่คางของจ้าวอิงด้วยความรวดเร็ว


หลังจากใช้ยาต้าหลี่เพิ่มความสามารถแล้ว หมัดของลู่หงทำให้จ้าวอิงแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาในทันที เดิมที เขาต้องการใช้วิธีที่เป็นธรรมชาติและวิธีที่ไม่ถูกจำกัด ทำให้ความตั้งใจเดิมของลู่หงได้หายไป


จ้าวอิงเอียงหัวหลบในทันที ทำให้หมัดของลู่หงทำได้แค่เฉี่ยวปลายจมูกของเขาไปเท่านั้น เขาส่งแรงลงไปใต้เท้าเพื่อให้ร่างของตนถอยห่างออกมาสองถึงสามเมตร เขาเว้นระยะห่างจากลู่หง เพื่อป้องกันการโจมตีอย่างต่อเนื่อง เขาจ้องหน้าลู่หงด้วยสีหน้าจริงจัง ในตอนนี้ จ้าวอิงเลิกทำตัวโอ้อวดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะความสามารถของลู่หงสามารถคุกคามเขาได้


หมัดแรกก็ไม่โดนเสียแล้ว ทางด้านลู่หงเองก็ตกตะลึงเหมือนกับอีกฝ่าย เขาแอบคิดว่าจ้าวอิงเป็นคนที่แข็งแกร่งจริงๆ เพราะถึงเขาจะได้รับการเพิ่มความสามารถแล้ว แต่เขาก็ยังโจมตีอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ถ้าให้เทียบกับความสามารถก่อนที่จะได้รับการพัฒนาแล้ว บอกเลยว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวอิงเลยสักนิด


"เก่งเหมือนกันนี่ ก่อนหน้านี้ฉันคงประเมินนายต่ำไปจริงๆ ถึงตาฉันเอาจริงบ้าง นายจะได้ภูมิใจ" พูดจบ มือทั้งสองข้างของจ้าวอิงเผยกรงเล็บออกมา มือข้างหนึ่งอยู่ด้านหน้า ส่วนอีกข้างหนึ่งอยู่ด้านหลัง เป็นท่าพื้นฐาน


ลู่หงรีบพุ่งเข้าใส่หน้าของจ้าวอิง


จ้าวอิงเหยียดกรงเล็บข้างซ้ายจับจุดชีพจรของลู่หงเอาไว้ จากนั้นก็ส่งมือขวาโจมตีที่คอของลู่หงโดยตรง


แต่ลู่หงไม่ใช่คนที่จะถูกโจมตีง่ายๆ เขาใช้มือขวากำหมัดสอยดาวแล้วต่อยเข้าไปที่กรงเล็บขวาของเจิ้งอิง จากนั้นก็ออกแรงดิ้นให้หลุดจากมือซ้ายของจ้าวอิงที่กำลังจับจุดชีพจรของเขาอยู่


ทันใดนั้นการเคลื่อนไหวของกรงเล็บขวาของจ้าวอิงได้เปลี่ยนทิศไปในทันที เขาหลบการโจมตีจากหมัดของลู่หง แล้วเปลี่ยนเป็นโจมตีใส่พลังของลู่หงต่อ


หลังจากสลัดกรงเล็บซ้ายของจ้าวอิงหลุด ลู่หงดึงมือขวาของตนกลับแล้วกางมืออก เพื่อป้องกันการโจมตีของจ้าวอิง จากนั้นเขาก็ส่งมือออกไป คว้าเข้าที่มือซ้ายของจ้าวอิง แล้วจับมันเอาไว้ให้มั่น ทันใดนั้นเขาก็ใช้เข่าที่อยู่ส่วนล่างกระแทกเข้าไปตรงช่องท้องของจ้าวอิง


อีกฝ่ายที่ถูกมือซ้ายของลู่หงยึดเอาไว้ ทำให้จ้าวอิงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีในครั้งนี้ได้ เขาทำได้เพียงแค่ยกขาขวาขึ้นมาป้องกันการโจมตีอีกฝ่ายเท่านั้น


หลังจากการปะทะกัน จ้าวอิงและลู่หงก็ได้ผละออกจากกันในทันที


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น