TB:บทที่ 73 ตระกูลเผิงล้มละลายแล้ว

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

TB:บทที่ 73 ตระกูลเผิงล้มละลายแล้ว


เช่นเดียวกับลั่วเสวี่ย ในตอนนี้ทั้งสามคนกำลังยืนอยู่ข้างหลังของเฉินหลง ใบหน้าที่บิดเบี้ยวของพี่หนึ่งดูน่าเกลียด เขารู้ว่าวันนี้คงถึงคราวซวยของเขาแล้ว ในตอนที่เขากำลังใช้ความคิด พี่หนึ่งหันไปมองเผิงเจิ้งฉางที่ถูกควบคุมอยู่ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาจากใจ ถ้าไม่ใช่เพราะคนๆนี้มอบหมายงานนี้ให้เขา พวกเขาทั้งห้าคนก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เจ็บใจนัก...


"บอส กินผลไม้สิคะ ถ้ากินเข้าไปแล้ว พวกเราจะได้กลับมาเป็นพี่น้องกันอีกนะคะ" ในตอนที่เฉินหลงยื่นผลซื่อสัตย์ให้เขา ลั่วเสวี่ยกำลังจงใจพูดโน้มน้าวพี่หนึ่ง ฝ่ายเทียซินที่มีสติดี เขาทำท่าราวกับว่าเป็นพวกล็อบบี้ยิสต์*


ผลของผลซื่อสัตย์แค่ทำให้ลั่วเสวี่ยจงรักภักดีต่อเฉินหลง แต่มันไม่ได้เปลี่ยนให้เธอกลายเป็นคนละคน เพราะนอกจากพวกเขาจะจงรักภักดีต่อเฉินหลงแล้ว พวกเขายังคงมีความรู้สึกนึกคิดเหมือนเดิมอยู่


พี่หนึ่งที่รู้ว่าเขาคงหนีอีกฝ่ายไม่ได้ จึงตัดสินใจกินผลซื่อสัตย์เข้าไปในที่สุด


ด้วยวิธีเดียวกันนี้ เฉินหลงได้มีบริวารผู้ซื่อสัตย์นามว่า เจิ้งอี้ เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน


ชื่อจริงของเขาคือ เจิ้งอี้


และคนสุดท้าย แน่นอนว่าเป็นชายมีอายุที่ไม่พูดไม่จา


ในตอนนี้ พลังของเขายังคงหลงเหลืออยู่ แต่แววตาของเขาที่ปกคลุมไปด้วยทะเลในตอนนี้ ได้กลายเป็นเถ้าถ่านที่มอดดับไปเสียแล้ว


เขาเห็นว่าพี่น้องของตนได้กลายเป็นคนของเฉินหลงไปเรียบร้อยแล้ว และเขาเองก็กำลังจะกลายเป็นคนของเฉินหลงเช่นกัน ถึงเขาจะรู้ว่าพลังของตัวเองจะอยู่เหนือกว่าคนธรรมดา แต่เขาไม่มีพลังมากพอที่จะหยุดยั้งอีกฝ่ายได้ พลังของเขาในตอนนี้ไม่สามารถทำอะไรได้เลย


เฉินหลงเดินเข้ามาในขอบเขตพลังของพี่สอง พร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนในหน้า


ในฐานะที่เขาเป็นคนที่มีพลัง เฉินหลงจึงให้ความสำคัญกับพี่สองมากกว่าเจิ้งอี้ ด้วยเหตุนี้ เฉินหลงจึงให้เขาได้กินผลไม้เป็นคนสุดท้าย เพื่อแสดงให้เขาเห็นถึงความสำคัญ


แน่นอนว่าเขายังมีเหตุผลอื่นอีก ถึงอีกฝ่ายจะเป็นคนที่มีพลัง แต่เขาก็ยังต้องเป็นบริวารของเขา ต่อหน้าเขาเหมือนกับคนทั่วไป


เฉินหลงนำผลซื่อสัตย์ผลสุดท้ายออกมา เขากัดมันเข้าไปหนึ่งคำ แล้วยื่นมันออกไปแตะริมฝีปากของเขา เฉินหลงใช้มือถูไถผลไม้อยู่ที่บริเวณปากของพี่สอง


จู่ๆปากของพี่สองเปิดออกโดยอัตโนมัติ เขาเผลอกัดผลซื่อสัตย์คำเล็กๆเข้าไป การที่เขายอมอ้าปาก ไม่ได้เป็นเพราะเขาต้องการให้เป็นแบบนั้น แต่เป็นเพราะสัญชาตญาณของร่างกายทำให้เขายอมเปิดปาก ในตอนนั้น สัญชาตญาณของร่างกายกำลังควบคุมร่างของเขาอยู่


หลังจากที่ ‘กู่เฟย’ ได้กินผลซื่อสัตย์เข้าไปแล้ว ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องยับยั้งพลังของเฉินหลงในขอบเขตพลังของตนอีก เขาเปลี่ยนเป็นส่งพลังให้กับเฉินหลงแทน หลังจากที่ได้รับพลัง ทันใดนั้นเฉินหลงก็รู้สึกถึงความแข็งแกร่งและความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่า


ชื่อของพี่สองคือ กู่เฟย


หลังจากที่เขาได้เป็นเจ้านายของเจิ้งอี้แล้ว ในที่สุดเฉินหลงก็มีวิธีจัดการกับตัวปัญหาอย่างเผิงเจิ้งฉางแล้ว


"ชายคนนี้ ผมอยากส่งเขาเข้าคุก คุณลองเสนอวิธีที่ดีที่สุดมาสิครับ" เฉินหลงหันไปพูดกับเจิ้งอี้


ความจริงแล้ว วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้เผิงเจิ้งฉางเข้าคุกเข้าตารางได้ คือให้เผิงเจิ้งฉางกินผลซื่อสัตย์ แล้วให้เขาสารภาพเรื่องคอรัปชั่นทั้งหมดออกมา


แต่เพราะคะแนนแลกเปลี่ยนไม่ได้หามาได้ง่ายๆ เฉินหลงไม่ต้องการใช้คะแนนแลกเปลี่ยนกับคนอย่างเผิงเจิ้งฉาง


ในเวลาเดียวกัน เขาเองก็อยากเห็นความสามารถของบริวารทั้งห้าคนที่เพิ่งอยู่ในโอวาทของเขาเช่นกัน


"นายท่าน เขาไม่ใช่คนดีครับ เขาเป็นพวกคอรัปชั่นและมีสินบน พวกเรามีวิธีที่จะทำให้เขาสารภาพเรื่องทั้งหมดออกมาได้ครับ หลังจากนั้นเราสามารถมอบหลักฐานให้กับคณะกรรมาธิการ เพื่อให้พวกเขาสามารถตรวจสอบและลงโทษได้ครับ วิธีนี้จะสามารถจับเขาเข้าคุกได้ครับ" เจิ้งอี้ตอบคำถามของเขาในทันที โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องคิดอะไรให้มากความ


ส่วนเหตุผลที่เจิ้งอี้รู้เรื่องทั้งหมด เป็นเพราะเขาได้ส่งคนไปสอบสวนเผิงเจิ้งฉาง ในครั้งแรกที่อีกฝ่ายติดต่อเขา เขาเล่ารายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับตัวเองทั้งหมด หลังจากที่รู้ว่าเขาเป็นเจ้าพนักงานที่ทำเรื่องทุจริตแล้ว เจิ้งอี้จึงให้ความร่วมมือกับเขา คนที่ท้าทายความซื่อสัตย์และซื่อตรง


ถึงอย่างนั้น ในทุกวันนี้เจ้าพนักงานที่ซื่อสัตย์และซื่อตรงมีอยู่ไม่เยอะเท่าไหร่


"ได้ ถ้าอย่างนั้น ผมจะให้คุณจัดการเรื่องนี้ ผมจะให้ค่าตอบแทนกับคุณ แล้วก็ อย่าเรียกผมว่านายท่าน ให้เรียกผมว่าบอสแทน ตกลงตามนี้นะครับ" เฉินหลงยิ้ม เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขามีลูกน้อง เขาต้องการทดสอบความสามารถของพวกเขา


"เข้าใจแล้วครับ บอส" เจิ้งอี้และคนอื่นๆตอบอย่างพร้อมเพรียง


จากนั้นเฉินหลงก็เดินออกไปจากโกดัง แต่ก่อนที่เขาจะจากไป เขาก็ไม่ลืมที่จะคลายการสกัดโลหิตให้กับเผิงเจิ้งฉางก่อน


เจิ้งอี้และคนที่เหลืออยู่ยืนล้อมรอบกายเผิงเจิ้งฉาง ในดวงตาของเขาเผยความหวาดกลัวออกมา


สามวันต่อมา เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่ซิงเฉิง เผิงเจิ้งฉาง อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาของหนานชูถูกลอบสังหาร เนื่องจากการยักยอกเงินและการติดสินบนมากกว่าสิบล้านหยวน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เผิงเจิ้งฉางกลายเป็นคนใบ้และเป็นอัมพาต และลูกชายของเขา เผิงตง ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลจิตเวชแห่งหนึ่ง เพราะเขาไม่สามารถรับมือกับความผิดปกติทางจิตได้


ในฐานะที่เป็นภรรยาของเขา หลี่เสี่ยวฮุ่ยได้เข้าใจว่าชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป คนภายนอกมองว่าเธอเป็นหญิงไร้ยางอาย เธอโดนไปสองข้อหา


และพวกของเผิงเจิ้งฉางยังมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เช่นกัน ทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กขึ้น


ครั้งหนึ่งตระกูลเผิงที่เคยอยู่อย่างสุขสบายในซิงเฉิง กลับล่มจมในทันที


หลังจากได้ยินข่าวนี้ จี้โม่ซีหันไปจ้องเฉินหลงด้วยสายตาแปลกๆ


"โม่ซี ฉันรู้ว่าฉันหล่อ แต่เธอไม่ต้องมองฉันขนาดนั้นก็ได้นะ ถูกจ้องมากๆแล้ว ฉันก็เขินเป็นเหมือนกันนะ" เฉินหลงแกล้งทำท่าทางเขินอาย เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นมาจับแก้มเอาไว้แล้วบิดตัวไปมาราวกับว่าเขาเป็นสาวน้อยที่กำลังถูกคุกคามทางสายตา


หลังจากเห็นท่าทางของเฉินหลงแล้ว จี้โม่ซีส่ายหัวไปมาอีกครั้ง เธอไม่ได้ตอบอะไรออกมา


ถึงในความคิดของจี้โม่ซีมีข้อสงสัยว่าเฉินหลงอาจจะเป็นคนทำเรื่องแบบนี้ แต่พอมองเขาดูดีๆแล้ว เธอไม่คิดว่าคนธรรมดาอย่างเฉินหลงจะโค่นเจ้าพนักงานอาวุโสแบบนั้นได้


"โม่ซี เธอรู้เรื่องที่ตระกูลเผิงล้มละลาย กับเผิงตงที่ถูกส่งตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชแล้วใช่ไหม งานเลี้ยงครั้งที่แล้ว เขายังดูปกติดีอยู่เลย ผ่านไปไม่กี่วัน ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะกลายเป็นแบบนั้นไปได้ ชีวิต อนาคตนี่ไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ" เฉินหลงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ น่าสงสารหมอนั่นจริงๆ


“พอๆๆ คิดว่าฉันไม่รู้จักนายเหรอ เขาเป็นแบบนั้น ฉันเกรงว่านายจะมีควาสุขมากกว่าละสิ” จี้โม่ซีจ้องหน้าเฉินหลงแล้วตอบ


เฉินหลงมีนิสัยยังไง ทำไมเธอจะไม่รู้ จี้โม่ซีเข้าใจดีว่าตอนที่อยู่โรงเรียนมัธยม เฉินหลงมักจะถูกเผิงตงรังแกอยู่บ่อยครั้ง ถ้าคนอย่างหมอนี่นึกสงสารเผิงตงขึ้นว่า วันนั้นพระอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตกไปแล้ว


“แต่ยังไงเขาก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉันนะ” ถึงเฉินหลงจะพูดอย่างนั้นออกไป แต่บนใบหน้าเขากลับเผยรอยยิ้มออกมา


เห็นเฉินหลงไม่สามารถปกปิดความรู้สึกของตัวเองได้อีกต่อไป จี้โม่ซีนิ่งเงียบไปชั่วขณะ


แต่ไม่ว่าเฉินหลงจะทำอะไร จี้โม่ซีก็ไม่เคยนึกโกรธเฉินหลงเลยสักครั้ง เพราะหลังจากที่ได้พบกับเฉินหลงอีกครั้ง ชีวิตของจี้โม่ซีราบรื่นไปได้ด้วยดี เฉินหลงดีกับเธอและครอบครัวของเธอมาก เฉินหลงถือเป็นคู่ครองที่ดีที่สุดทั้งทางกายและทางใจของเธอ


หลังจากที่คลุกคลีอยู่กับจี้โม่ซีอยู่เกือบค่อนวัน เฉินหลงตัดสินใจไปหาเจิ้งอี้และพวกพ้อง เป็นเพราะพวกเขาทำงานที่ได้รับมอบหมายได้ดี และตอนนี้ก็ถึงเวลาตอบแทนพวกเขาแล้ว


เจิ้งอี้และคนอื่นๆรอเขาอยู่ที่บาร์แห่งหนึ่งที่ชื่อว่า "ลอสท์(LOST)"


เฉินหลงขับรถไปที่บาร์ ใช้เวลาไม่นานเขาก็ถึงที่หมาย


หลังจากจอดรถเสร็จเรียบร้อย เฉินหลงก็เดินเข้าไปในบาร์


บาร์ "ลอสท์" แห่งนี้ ไม่ได้มีขนาดเล็กเท่าที่เขาคิดไว้ และการตกแต่งภายในร้านนับว่ามีรสนิยมทีเดียว ในความคิดของเขา เจ้าของร้านต้องใช้เงินอย่างน้อยสามล้านสี่แสนหยวนในการสร้างบาร์ขึ้นมา ถ้าเขามีเงินไม่ถึง ที่นี่ก็ไม่มีทางสร้างได้อลังการขนาดนี้หรอก


ในตอนที่เฉินหลงเดินเข้าไปในบาร์ เขาพบว่าเทียซินกำลังยืนรอเขาอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นเขาก็พาเฉินหลงขึ้นไปชั้นบน


ในเวลาเดียวกัน ในบาร์ก็มีแขกคนอื่นๆอยู่ก่อนแล้ว พวกเขาทุกคนต่างเป็นหนุ่มหล่อกับสาวสวย พวกเขาน่าจะเป็นลูกค้าประจำของบาร์แห่งนี้ พวกเขาทุกคนรู้จักกับเทียซิน ในตอนที่พวกเขาเห็นว่าเทียซินให้ความเคารพต่อเฉินหลง พวกเขาสามารถคาดเดาได้ว่าเฉินหลงเป็นใคร


*ล็อบบี้ยิสต์ คือ นักเคลื่อนไหวผู้ซึ่งหาทางจูงใจสมาชิกของรัฐบาล เพื่อให้ออกกฏหมายที่เอื้อผลประโยชน์ให้กลุ่มของพวกเขา


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น