TB:บทที่ 72 จงกินผลไม้นี่เข้าไปเสียเถอะ

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

TB:บทที่ 72 จงกินผลไม้นี่เข้าไปเสียเถอะ


พี่สองที่กำลังใช้พลังอยู่ เขาไม่มีความสามารถในการหลบการโจมตีได้เร็วพอ ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่คิดว่าคนอย่างเฉินหลงจะสามารถใช้พลังผ่านอากาศได้ ดังนั้นวิชากดจุดชีพจรตัดโลหิตของเฉินหลงจึงโจมตีเขาเข้าอย่างจัง


หลังจากถูกเฉินหลงโจมตีแล้ว ทันใดนั้นพี่สองก็รู้สึกว่าร่างกายของตนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป รวมไปถึงความสามารถในการพูดของเขาก็หายไปด้วย โชคดีที่พลังที่เขาใช้พลังจิตในการควบคุม ทำให้เขาสามารถใช้พลังต่อไปได้


ด้วยเหตุนี้ ทำให้พี่หนึ่งไม่นึกเอะใจเลยสักนิด ว่าน้องสองของตนถูกเขาโจมตีไปเรียบร้อยแล้ว อีกฝ่ายยังคงโจมตีเฉินหลงอย่างต่อเนื่อง


หลังจากที่เฉินหลงได้ถอยหลังไปได้สองเก้า เขาตระหนักได้ว่าพลังที่ควบคุมเขาอยู่ก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว ทำให้ความสามารถและความเร็วของตนกลับคืนมาทั้งหมดในคราเดียว อย่างไรก็ตามความเร็วที่เพิ่มขึ้นทำให้เขาสามารถหลบการโจมตีของพี่หนึ่งได้ และในตอนนี้ ความเร็วของอีกฝ่ายก็เริ่มลดลงเช่นกัน


เมื่อเห็นเหตุกราณ์ทั้งหมด ทันใดนั้นเฉินหลงก็ได้เข้าใจว่า พลังของพี่สองจะได้ผลก็ต่อเมื่ออยู่ในขอบเขตที่สามารถใช้พลังได้ โดยการใช้พลังของเขาจะต้องอยู่ภายในระยะห้าเมตรเท่านั้น ในขอบเขตนี้ ความสามารถของพวกพ้องจะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ความสามารถของคู่ต่อสู้จะลดลง ตราบใดที่เขาอยู่นอกเขตพลังของอีกฝ่าย เขาก็จะไม่ได้รับผลจากพลังนี้


พี่หนึ่งผู้โหดเหี้ยมไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่า ตอนนี้เขาได้อยู่นอกขอบเขตพลังของพี่สองแล้ว ดังนั้นเขาจึงฟันดาบไปที่ไหล่ของเฉินหลง


เฉินหลงไม่เพียงมีความลับที่เผิงเจิ้งฉางต้องการจะรู้ แต่อีกฝ่ายยังทำการกดจุดน้องๆของเขาอีกด้วย ดังนั้น พี่หนึ่งคนนี้จะไม่ยอมให้เฉินหลงได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป


เมื่อครู่ เขามีน้องสองคอยสนับสนุนเขาอยู่ ความเร็วของเขานั้นรวดเร็วมาก ทำให้เฉินหลงทำได้แค่เพียงหลบเลี่ยงการโจมตีเท่านั้น แต่ตอนนี้ความเร็วของเขากลับลดลง ทำให้เขาไม่สามารถคุกคามเฉินหลงได้อีกต่อไป เมื่อเห็นดาบกำลังพุ่งมาที่ไหล่ขวาของเขาแล้ว เฉินหลงยกมือขวาขึ้นและใช้สองนิ้วยึดใบมีดเอาไว้ พร้อมกับออกแรงบีบมันให้แน่นจน อีกฝ่ายไม่สามารถขยับดาบได้อีก


"เป็นไปได้ยังไง?!"


เมื่อเห็นว่าดาบของตน ถูกจับเฉินหลงยึดเอาไว้ด้วยสองนิ้ว พี่หนึ่งรู้สึกตกใจ ในตอนที่เขาถอยกลับ พี่สองยังคงยืนนิ่งอยู่ข้างหลังเขา


"โดนคุณฟาดดาบใส่ตั้งนาน คราวคงได้เวลาที่ผมจะออกคำสั่งกับคุณบ้างแล้วสินะครับ"


ในตอนที่พี่หนึ่งหันหลังกลับ ใบหูของเขาก็ได้ยินเสียงของเฉินหลง


หลังจากนั้น พี่หนึ่งก็รู้สึกว่า ร่างกายของตัวเองได้สูญเสียการควบคุมไปแล้ว


หลังจากที่ช่วยเหลือคนทั้งห้าคนให้กลับมาเป็นปกติแล้ว เฉินหลงได้หันไปมองเผิงเจิ้งฉางด้วยใบหน้าที่สับสน


เผิงเจิ้งฉางคิดไม่ถึงจริงๆ ก่อนหน้านี้เขามั่นใจมากว่าพวกเขาจะชนะเฉินหลง แต่เหตุการณ์ในตอนนี้กลับตาลปัตรไปหมดแล้ว


"ลุงเผิง ตอนนี้ลุงคิดว่าตัวเองยังมีสิทิ์ทำท่าทางเย่อหยิ่งต่อหน้าผมได้อีกเหรอครับ? " เฉินหลงเดินไปทางเผิงเจิ้งฉาง และมองเขาด้วยความรังเกียจ


สิ่งที่เผิงเจิ้งฉางพูดกับตัวเองตอนนี้คือ เขาควรจะหนีจากหมอนี่ยังไงดี


แต่เผิงเจิ้งฉางไม่ได้ตอบอะไรออกมมา ทำเพียงแค่คลี่ยิ้มอมทุกข์ออกมาเท่านั้น


เดิมที เขาคิดว่าเฉินหลงเป็นแค่คนธรรมดาๆ แม้แต่จะขยับตัวเพียงแค่เล็กน้อย เขาก็ไม่อนุญาตให้อีกฝ่ายทำ แต่ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่เขาคิดเอาไว้จะผิดไปหมด เฉินหลงไม่ใช่คนที่ปล่อยให้ตัวเองถูกบีบบังคับอยู่ฝ่ายเดียว ถ้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปก็อย่าไปตอแยเขาเลย


กว่าเผิงเจิ้งฉางจะเข้าใจว่าเขารู้อยู่แล้ว มันสายเกินไปเสียแล้ว


เฉินหลงมองไปทางเผิงเจิ้งฉางคนที่ไม่ยอมพูดคุยกับเขาอีก แต่พอคิดๆดูแล้ว ความสามารถของลุงเผิง เฉินหลงไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหนีจากเงื้อมมือของเขาไปได้ สร้างเรื่องเอาไว้ตั้งเยอะ เตรียมตัวรับกรรมเถอะ หึหึหึ


เฉินหลงนำผลซื่อสัตย์ออกมาจากแหวน และเดินไปทางหวูเหมย


ลักษณะของผลซื่อสัตย์คล้ายกับแอปเปิ้ลแดง การที่เฉินหลงยื่นผลซื่อสัตย์ให้กับหวูเหมย เหมือนกับนังแม่มดแก่หนังเหี่ยวยื่นแอปเปิ้ลอาบยาพิษให้สโนว์ไวท์ผู้ใสซื่อไม่มีผิดเพี้ยน แต่ดูเหมือนว่าสโนว์ไวท์คนนี้จะไม่ตรงปกสักเท่าไหร่ ... มองข้ามเรื่องหน้าตากับนิสัยของสโนวท์คนนี้ไปเถอะ


เห็นเฉินหลงเดินถือผลซื่อสัตย์เข้ามาใกล้ๆแล้ว หมูเหมยรู้สึกกลัวขึ้นมาจากกดบึ้งของหัวใจ ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ


“หืม นี่เธอ...กำลังกลัวเหรอ? ความจริงแล้ว ไม่ใช่ว่าพวกผู้ชายเห็นเธอแล้วจะต้องรู้สึกกลัวเหรอ?” พูดจบ เฉินหลงก็จัดการ กัดผลซื่อสัตย์ที่อยู่ในมือหนึ่งคำ เนื้อผลไม้ก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นน้ำหวานและถูกร่างกายของเขาดูดซึมไปในที่สุด "อืม อร่อยจัง"


หลังจากเห็นเฉินหลงกัดผลไม้แปลกๆที่ในมือของตัวเองแล้ว หวูเหมยรู้สึกหวาดกลัวอีกฝ่ายมากขึ้น ร่างกายถูกควบคุมโดยกดจุดเส้นเลือดสั่นเล็กน้อย


คนบางคนเกิดมาพร้อมกับสัญชาติญาณการระวังภัยที่รุนแรง หวูเหมยขอบอกเลยว่า เธอรับรู้ถึงมันได้ดีที่สุด


"ไม่ต้องห่วง มันไม่มีพิษ" เฉินหลงใช้ผลซื่อสัตย์คลอเคลียอยู่บริเวณริมฝีปากของหวูเหมย จากนั้นเขาก็ผงกหัวให้หวูเหมยสองครั้ง เพื่อให้ร่างกายของเธอสามารถขยับได้บางส่วน เขาปล่อยให้ศรีษะของเธอเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ


"ฮึก ไม่เอา ขอร้อง อย่า อย่าเอามาให้ฉันกินนะ อี๋ ไม่อยากกิน" หวูเหมยรีบส่ายหน้าพร้อมกับปิดปากแน่น เหงื่อที่เริ่มไหลออกมาทำให้เครื่องสำอางค์แน่นๆบนหน้าที่เธออุตส่าห์แต่งมาตั้งสองชั่วโมงเริ่มหลุดออกไป


"โอ๋ๆ เป็นเด็กดีก็ต้องว่าง่ายนะ" เฉินหลงหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กในที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมา เช็ดใบหน้าของหวูเหมย


หวูเหมยไม่ตอบ เธอเม้มปากให้ปิดสนิทพร้อมกับส่ายหัวไปมา


ในเวลาเดียวกัน เผิงเจิ้งฉางที่ได้โอกาสตอนที่เฉินหลงกำลังเช็ดหน้าให้หวูเหมย เขาใช้จังหวะนี้หลบหนี ... อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ ทันใดนั้น เฉินหลงใช้วิชากดจุดชีพจรตัดโลหิตกับเผิงเจิ้งฉาง ทำให้เขาตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีก


"จะไปทั้งที ไม่คิดจะบอกลากันสักคำเลยเหรอครับ รู้ไหมครับว่าทำแบบนี้เรียกว่าเสียมารยาท แต่ว่า ไม่ต้องห่วงนะครับ เรายังมีช่วงเวลาดีๆต่อกันได้หลังจากที่ผมจัดการพวกเขาเสร็จแล้ว" เฉินหลงหันไปมองเผิงเจิ้งฉางแวบนึง แล้วหันกลับมามองหวูเหมยดังเดิม


เฉินหลงที่ไม่ต้องเสียเวลากับหวูเหมยมากไปกว่านี้อีกแล้ว เขาใช้แรงบีบปากของเธอให้เปิดออกแล้วจัดการส่งผลซื่อสัตย์ให้เข้าไปอยู่ในปากของเธอ เพื่อที่เธอจะได้กินมันเข้าไป


ผลซื่อสัตย์จะละลายอยู่ในปาก ทำให้หวูเหมยกลืนมันลงไป


เฉินหลงรู้สึกดีขึ้นมาในทันทีที่เห็นหวูเหมยกินผลซื่อสัตย์เข้าไป ในตอนที่เฉินหลงจ้องมองหวูเหมย เขาเห็นสัญลักษณ์รูปแบบหนึ่งปรากฏทั้งอยู่ด้านในและด้านนอกของหวูเหมย ถึงมันจะเป็นแค่สัญลักษณ์สีแดงขนาดเล็กเท่ากับเล็บมือ แต่เฉินหลงก็สามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน


แน่นอนที่เฉินหลงมีความรู้สึกแบบนี้ ไม่ใช่เพราะเขามีความสามารถในการมองเห็น แต่เป็นเพราะฤทธิ์ของผลซื่อสัตย์ที่ทำให้คนทั้งสองคนสามารถเชื่อมโยงกันได้ นับจากนี้เป็นต้นไป หวูเหมยไม่สามารถมีความลับต่อเฉินหลงได้อีกต่อไป ไม่ว่าเฉินหลงจะสั่งให้เธอไปทำอะไร เธอก็จะทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายในทันที โดยปราศจากข้อกังขาใดๆ


ในตอนที่ ‘ลั่วเสวี่ย’ มองไปที่เฉินหลง แววตาแห่งความหวาดกลัวได้จางหายไปอย่างสมบูรณ์ มันถูกแทนที่ด้วยความเคารพที่ไม่มีที่สิ้นสุด ‘ลั่วเสวี่ย’ คือชื่อจริงของหวูเหมย


หลังจากรู้ว่าลั่วเสวี่ยซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อเขาโดยสมบูรณ์แล้ว เฉินหลงจัดการคลายจุดที่เขาสกัดไว้ตามร่างของเธอ และมอบอิสระให้กับเธออีกครั้ง


ลั่วเสวี่ยลุกขึ้นยืน เหมือนกับสุนัขที่ซื่อสัตย์ เธอยืนตัวตรงอยู่ด้านหลังเฉินหลง


จากนั้น เฉินหลงก็เดินไปทางพี่สามและพี่สี่ พร้อมกับผลซื่อสัตย์อีกสองผล


เพื่อประโยชน์ของลั่วเสวี่ยและลูกน้องทั้งห้าคน เฉินหลงตัดสินใจซื้อผลซื่อสัตย์มาห้าผล ให้คนทั้งห้ากัดมันคนละผล


เมื่อพวกเขาได้เห็นท่าทางของลั่วเสวี่ยแล้ว พี่สามและพี่สี่ก็ได้เข้าใจในทันทีว่า พวกเขาห้ามกินไอ้ผลไม้บ้าๆนี่เข้าไปเด็ดขาด เหอะ กินไอ้นี่เข้าไป มีหวังได้ร้องเอ๋งแน่ ... แต่พอได้เห็นเฉินหลงถือมันแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆแล้ว พวกเขากลับรู้สึกกลัวอีกฝ่ายขึ้นมาจนเกือบจะฉี่แตก ไอ้เด็กบ้า ไอ้แม่มดแก่หนังเหี่ยวเอ้ย แกอย่าเข้ามาใกล้พวกฉันนะว้อย


ถึงจะไม่เต็มใจยังไง พวกเขาทั้งสองคนก็ต้องพบกับจุดจบที่ต้องกลายเป็นบริวารที่ซื่อสัตย์และภักดีของเฉินหลงไป บัดนี้ คนแคระหมายเลขสามและคนแคระหมายเลขสี่ได้กลายเป็นทาสของแม่มดแก่หนังเหี่ยวไปเรียบร้อยแล้ว...


หลังจากจัดการให้คนทั้งสองกินผลซื่อสัตย์เข้าไป เขาจึงได้ทราบชื่อจริงของทั้งคู่ พี่สี่มีชื่อว่า ลู่หง ส่วนพี่สามชื่อ เทียซิน


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น