TB:บทที่ 71 พลัง
พี่หนึ่งรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินว่าอีกฝ่ายยอมจ่ายเงินเพิ่มอีกห้าแสนหยวนแต่โดยดี
"โอ้โห เงินแค่ห้าแสนเองอ่ะ ถ้าพวกพี่ปล่อยผม เดี๋ยวผมจัดให้สามล้านหยวนเลย เป็นไงครับ" เฉินหลงกล่าวขึ้น ในตอนนั้นเขาได้เงินสามล้านหยวนมาจากเผิงตง นอกจากนี้ คนทั้งห้าคนนี้กับ เฉินหลง อย่าบอกนะว่าแกกำลังจะฮุบลูกน้องของฉันไปน่ะ เงินสามล้านหยวนนี้นับว่าเป็นทุนให้พวกเขา
หลังจากได้ยินข้อเสนอของเฉินหลง สีหน้าของเผิงเจิ้งฉางไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย เพราะเขารู้ดีว่าพี่หนึ่งเป็นคนที่ไว้ใจได้มากที่สุด ตั้งแต่คนพวกนั้นรับเงินจากเขาไปแล้ว พวกเขาก็ไม่มีทางหันกระบอกปืนกลับมาทางเขาเด็ดขาด
"พวกเราคงต้องขออภัย แต่พวกเราเป็นคนที่มีจรรยาบรรณมากพอ เนื่องจากว่าเรายอมรับการจ้างงานของนายจ้างมาแล้ว เรื่องที่นายขอมันขัดกับสัญญาที่เราได้ทำไว้ ในทางกลับกัน ถ้าหากว่านายเป็นคนจ้างเราก่อน เราก็คงจะยอมรับข้อเสนอนั้นไปแล้วครับ" น้ำเสียงของพี่หนึ่งสุภาพมาก สุภาพซะจน เฉินหลงจะนึกโกรธ ก็ทำใจโกรธไม่ลงซะได้ นี่มันอะไรกันครับเนี่ย...
"หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว รีบๆถามเขาเร็วเข้า" เผิงเจิ้งฉางโพล่งขึ้นมา ขัดจังหวะในตอนที่คนทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่ เพราะเขาไม่ต้องการจะเสียเวลาไปมากกว่านี้อีกแล้ว
"ไม่ครับ เราจะลงมือก็ต่อเมื่อเราได้รับเงินมาแล้วครับ" พี่หนึ่งเป็นทั้งมืออาชีพและรอบคอบมาก และเขาจะทำงานบนพื้นฐานของเงินเท่านั้น
"ฮ่วย เรื่องเยอะจริง ก็ได้ๆ" เผิงเจิ้งฉางตอบ พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโอนเงินตามจำนวนเข้าบัญชีของพี่หนึ่งในทันที
บัญชีที่เขาใช้ในโอนเงินให้อีกฝ่ายในครั้งนี้ไม่ใช่บัญชีของเขาเอง มันเป็นบัญชีลับที่เขาแอบเปิดไว้โดยใช้ชื่อของหลี่เสี่ยวฮุ่ย พวกเงินสกปรกจำนวนมากมายที่เขาได้รับมาจากการติดสินบนจะถูกเก็บไว้ในบัญชีนี้ทั้งหมด ครั้งล่าสุดที่เขาให้เงินหกสิบล้านหยวนกับเผิงตง ทำให้ตอนนี้เขามีเงินคงเหลือในบัญชีอยู่เพียงแค่ยี่สิบล้านหยวนเท่านั้น
ทางด้านพี่หนึ่ง หลังจากเขาได้รับข้อความว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้ว เขาก็หันไปขยิบตาให้หวูเหมย
หวูเหมยคนเฉิ่มเดินเข้าไปใกล้ๆเฉินหลง
ในหมู่พวกเขา เธอเป็นเพียงคนเดียวที่มีความสามารถในด้านการลงโทษคน เมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็ก เธอเคยเจอไอ้โสโครกคนนึง เธอยกเงินทั้งหมดที่มีให้มัน แต่มันกลับไม่สนใจเงินหรือทรัพย์สินของเธอเลยสักแดงเดียว เธอถูกกระทำชำเรา และที่ร้ายแรงไปมากกว่านั้นคือ เพราะไอ้โสโครกคนนี้ เธอเกือบถูกคนอื่นฆ่าตายตรงนั้นเสียแล้ว แต่สุดท้ายเธอก็รอดมาได้ เพราะพีหนึ่งที่ผ่านมาเห็นเข้าพอดีได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้
หลังจากเหตุการณ์นั้น ตอนที่เธอได้ลืมตาตื่นขึ้นมา เธอก็จัดการฆ่าไอ้โสโครกด้วยมือของเธอเอง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็ไม่สามารถรักผู้ชายคนไหนได้อีกเลย จึงทำให้เธอกลายเป็นลิลลี่*
เพราะเธอเกลียดผู้ชายมาก เธอมีสารพัดวิธีในการจัดการพวกผู้ชาย และการใช้งานเธอบังคับขู่เข็นให้เขาสารภาพความจริงถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
"หึ พอแต่งตัวเฉิ่มๆแบบนี้แล้ว ก็ดูน่าเกลียดขึ้นมาทันทีเลยนะ" เห็นหวูเหมยเดินเข้ามาใกล้ๆเขาแล้ว เฉินหลงจึงบอกมุมมองของเขาที่มีต่อเธอด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“อุ้ยตาย จริงเหรอจ้ะ ผู้ชายนี่เหมือนกันจริงๆเลยนะ โสโครกเหมือนกันหมด! แม่งเอ้ย ไอ้ทุเรศ! … แต่ว่า ไม่ต้องกลัวไปนะจ้ะ เดี๋ยวพี่สาวคนสวยจะเป็นคนทำให้เธอได้เข้าใจถึงความเจ็บปวดและทรมาณก่อนตายเองจ้ะ” หวูเหมยกล่าวพร้อมกับแลบลิ้นสีแดงสดออกมาไล้เลียริมฝีปากที่ซีดจนขึ้นสีม่วง
"พี่ใหญ่ หวูเหมยเหมือนจะคุ้มคลั่งอีกแล้ว ปล่อยให้เธอเล่นกับมันจนถึงตายเลยได้ไหม?" พี่สามถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
ตอนนี้พวกเขาเป็นเพียงผู้ร้ายลักพาตัวเท่านั้น แต่ถ้าเกิดว่าพวกเขาฆ่ามัน เขาก็จะกลายเป็นฆาตกรไปโดยปริยาย เพราะถ้าว่าตามกฎหมายแล้ว ความหมายของผู้ร้ายลักพาตัวกับฆาตกรแตกต่างกันไม่น้อยเลยทีเดียว
"ไม่ต้องห่วง เธอรู้ว่าอะไรควรไม่ควร" พี่หนึ่งกล่าวด้วยท่าทีที่ใจเย็น
"จ่างจ๊าง! และนี่คือผงปลุกอารมณ์ มันจะทำให้คนธรรมดาไวต่อความรู้สึกถึงสิบเท่า ไวต่อความรู้สึกสุดๆไปเลยใช่ไหมล่ะ ถ้านายสูดกลิ่นของมันเข้าไป นายจะรู้สึกสบายมากๆเลยล่ะ" ในมือของหวูเหมยมีผงสีชมพูมากกว่าหนึ่งหยิบมืออยู่
หวูเหมยอยู่ในแก๊งเล็กๆของพี่หนึ่ง ไม่ได้มีอำนาจสูงสุด แต่มันเป็นเรื่องที่ยากที่สุดที่จะเข้าไปพัวพันกับปัญหา เพราะถ้าประมาทขึ้นมา มันก็จะวกกลับมาทำร้ายตัวเธอเอง
หลังจากที่เธอติดตามพี่หนึ่งแล้ว เขาแนะนำให้เธอเลือกทำในอาชีพต่างๆที่เธอโปรดปราน แต่ว่าเธอกลับให้ความสนใจกับสารเสพติดชนิดต่างๆเป็นอย่างมาก หลังจากทำการวิจัยมานานหลายปี ทำให้ตอนนี้เธอสามารถผลิตยาชนิดต่างๆได้ทุกเมื่อ
"เหอะ โทษที ผมไม่ได้ชอบผงบ้าบออะไรนี่อ่ะ" พูดจบปุ้บ เฉินหลงก็ปัดมือของหวูเหวยปั้บ ทำให้ผงยาหนึ่งหยิบมือในมือกระจัดกระจายไปทางเผิงเจิ้งฉางในทันที โดยไม่ทันตั้งตัว เผิงเจิ้งฉางก็เผลอสูดดมมันเข้าไปเสียแล้ว
หลังจากที่เผิงเจิ้งฉางสูดผงวิเศษของหวูเหมยเข้าไปเต็มปอด ทันใดนั้นสีหน้าเของขาได้เปลี่ยนไป เขารีบหันไปถามวิธีแก้พิษกับหวูเหมยในทันที แต่น่าแปลกที่หวูเหมยทำแค่หันหลังให้เขาแต่กลับไม่ได้ขยับเขยื้อนเลย ราวกับว่าเธอไม่ได้ยินคำถามของเขา
ในเวลาเดียวกัน พี่หนึ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไปจากเดิม ทันใดนั้นเขาก็เดินเข้าไปล้อมพวกเขาไว้
เร็วเท่าที่เฉินหลงได้พูดออกไป เขาใช้นิ้วกดจุดบนร่างของหวูเหมยที่อยู่ใกล้ๆ และปล่อยให้เธอเป่าผงในมือแต่โดยดี
"เกิดอะไรขึ้นกับหวูเหมย?" เมื่อเห็นความผิดปกติเกิดขึ้น เขาพยายามรักษาระยะห่างกับหวูเหมย และในที่สุดพี่หนึ่งที่สงบนิ่งได้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบและสุภาพมาก
"เปล่านี่ ผมก็แค่ทำให้ได้เธอพักสักหน่อย" เฉินหลงยิ้ม
ในเวลาเดียวกัน พี่สองที่ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติ ก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาบ้างแล้ว
"พี่หนึ่ง ดูเหมือนว่าหวูเหมยจะถูกเขากดจุดเข้าแล้ว แต่ผมไม่สามารถแก้มันได้" พี่สองที่ตรวจสอบร่างกายของหวูเหมย กล่าวขึ้นเสียงเบา
“กดจุด?! อย่าบอกนะว่านายเป็นหมอ” สีหน้าของพี่หนึ่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“จะว่ายังไงดี คือมันไม่เหมือนกับการฝึกบ้านๆธรรมดาๆครับ ผมรู้วิธีใช้พลังภายใน ประมาณนั้นครับ” เฉินหลงส่งยิ้มให้เขาอีกครั้ง แกล้งทำเป็นลูกแกะในกำมือถูกบังคับขู่เข็นนี่ เท่จริงๆ เป็นไงล่ะ ผมเก่งใช่มะ อึ้งไปเลยละสิ
พี่หนึ่งไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก เขาส่งสัญญาณให้ลูกน้องของตนเริ่มลงมือจัดการในทันที
ชายที่อาวุโสที่สุดสั่งน้องสี่และน้องสามให้พุ่งใส่เขาในทันที น้องสี่ใช้สานต่า** ในขณะน้องสามใช้วิชากังฟูและหมัดเหล็กเส้นสกุลหง***
ส่วนพี่หนึ่งและน้องสองก็ไม่ได้อยู่เฉยๆเช่นกัน เขาทั้งสองคนเดินเข้าไปใกล้ๆเฉินหลง และในตอนนี้ในมือของพี่หนึ่งกุมดาบเล่มหนึ่งอยู่
พี่สามและพี่สี่เป็นพวกที่แข็งแรงและมีความรู้เฉพาะตัว เฉินหลงทำได้เพียงแค่ป้องกันการโจมตีจากฝ่ามือทั้งสี่ของคนทั้งสองเท่านั้น เขากำลังรอจังหวะให้ฝ่ายตรงข้ามมีช่องโหว่
เป็นเพราะพวกเขาเห็นว่าพี่สามและพี่สี่นั้นรับมือไหว พี่หนึ่งและพี่สองจึงไม่ได้เขาร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ในทันที พวกเขายืนล้อมเฉินหลงไว้ เตรียมพร้อมเข้าสนับสนุนทุกเมื่อ
หลังจากที่พวกเขาปล่อยหมัดออกมาสองสามครั้ง ทันใดนั้นเฉินหลงสังเกตุเห็นส่วนกลางของทั้งสองไม่มีอะไรปิดกั้น ในขณะที่พวกเขาออกหมัด นี่แหละ ช่องโหว่ของพวกเขา
เมื่อพี่สามและพี่สี่ออกหมัดอีกครั้ง ทันใดนั้นเฉินหลงใช้สองนิ้วกดจุดบนแผงอกของคนทั้งสอง พลังของวิชากดจุดชีพจรตัดโลหิตที่อีกฝ่ายโดนเข้าไปเต็มๆ ทำให้คนทั้งสองคนรู้สึกถึงความเจ็บปวด จนต้องหยุดชะงัก และยืนนิ่งๆอยู่กับที่ราวกับคนโง่
"น้องสอง จัดการ" เมื่อเขาเห็นว่าน้องชายทั้งสองคนถูกจัดการไปเพราะความประมาท พี่หนึ่งจึงตัดสินใจลงมือฆ่าเขาเองในทันที
หลังจากพี่หนึ่งพูดจบ เฉินหลงรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง พลังนั้นทำให้ความเร็วในการเคลื่อนไหวของเขาลดน้อยลง
"พลัง" เฉินหลงมองไปที่คนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าด้วยความแปลกใจ
เกิดอะไรขึ้น? พลังนี้มันเหมือนกับผักกาดขาวในตลาดรึไง? เป็นพลังทั่วไปรึไงนะ ทำไมไปที่ไหนก็เจอเนี่ย ถ้าไม่ใช่อย่างที่เขาคิดแล้ว ทำไมเฉินหลงถึงได้พบเจอพลังทั้งสองรูปแบบ ในสองวันที่ผ่านมาได้ล่ะ
ทั้งพี่หนึ่งและพี่สองไม่ได้กล่าวถ้อยคำใดๆออกมา พี่หนึ่งกำลังแกว่งดาบ ในขณะที่พี่สองตามหลังเขาไปติดๆ
เนื่องจากการสนับสนุนของพี่สอง ความเร็วของพี่หนึ่งจึงว่องไวมากกว่า เขาใช้ดาบบังคับให้เฉินหลงถอยออกไป
“ฉันชนะไอ้นั่นไม่ได้ แต่ถ้าไม่ใช่มันล่ะก็ หึ สบายมาก ของแค่นี้จิ๊บๆ”
เฉินหลงยอมถอยกลับไปตั้งหลัก คิดหาวิธีเอาชนะอีกฝ่าย
หลังจากก้าวถอยหลังมาได้สองก้าว เฉินหลงใช้มือซ้ายส่งวิชากดจุดชีพจรตัดโลหิตผ่านอากาศไปทางพี่สองในทันที
*百合Yuri มาจากภาษาญี่ปุ่นที่หมายถึง ดอกลิลลี่ แสดงถึงความสัมพันธ์ของเลสเบี้ยน หรือ หญิงรักหญิง
**สานต่า (จีน: 散打; พินอิน: Sǎndǎ) หรือ ซ่านโฉ่ว (จีน: 散手; พินอิน: Sànshǒu) เป็นรูปแบบศิลปะการป้องกันตัวและกีฬามวยใช้เท้าอย่างหนึ่งของจีนซ่านโฉ่วเป็นศิลปะการป้องกันตัวที่พัฒนาโดยทหารซึ่งมีพื้นฐานการศึกษาและปฏิบัติจากกังฟูและเทคนิคการต่อสู้ป้องกันตัวสมัยใหม่ ทั้งการรวบรวมการต่อยและเตะระยะประชิดของกีฬาคิกบ๊อกซิ่งกับมวยปล้ำ, จับทุ่ม, โยน, เตะกวาด, จับลูกเตะ, และในบางการแข่งขันยังมีการใช้ศอกและเข่าอีกด้วย
*** Tie Xian Quan (铁线拳, Iron Wire Fist) - “หมัดเหล็กเส้นสกุลหง”
0 ความคิดเห็น