TB:บทที่ 70 กดจุดชีพจรตัดโลหิต

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

TB:บทที่ 70 กดจุดชีพจรตัดโลหิต


หลังจากรถเคลื่อนที่ไปตามท้องถนนประมาณ 20 นาที ในตอนนี้รถก็จอดสนิทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


หลังจากนั้นเฉินหลงก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกคนหลายคนหามลงจากรถ


"หวูเหมย ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าเขาจะตื่น" กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ


"ฉันไม่ได้ใช้อะไรกับเขามากนัก อีกประมาณครึ่งชั่วโมง เขาก็น่าจะตื่นแล้วค่ะ" หญิงสาวตอบ


เฉินหลงที่นอนอยู่บนพื้นรู้สึกประหลาดใจ ในตอนที่เขาได้ยินน้ำเสียงของหวูเหมย ดูเหมือนว่าเธอจะให้ความเคารพกับชายที่มีน้ำเสียงสุภาพคนนี้ เฉินหลงชักอยากจะเห็นหน้าตาของชายที่มีน้ำเสียงสุภาพคนนี้ซะแล้วสิ


เวลาครึ่งชั่วโมงได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในครึ่งชั่วโมงนี้ เฉินหลงรู้ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในโกดังแห่งหนึ่ง นอกจากตัวเขาเองแล้วยังมีคนอีกห้าคนยืนอยู่ในโกดังแห่งนี้ด้วย เป็นผู้หญิงหนึ่งคนและผู้ชายสี่คน ผู้หญิงหนึ่งคนคือหวูเหมย ส่วนผู้อีกชายสี่คนคือพี่สามและพี่สี่ที่พูดคุยกันตอนอยู่บนรถ ส่วนพี่หนึ่งคือพี่หนึ่งที่มีน้ำเสียงที่สุภาพ และคนสุดท้ายคือพี่สอง พี่สองที่ไม่ได้เอ่ยถ้อยคำใดๆออกมาเลยแม้แต่น้อย



ในเวลาครึ่งชั่วโมง พี่หนึ่งถูกเผิงเจิ้งฉางเรียกตัวมาและขอให้เขามาตรวจสอบอะไรบางอย่าง


เมื่อได้ยินว่าพี่หนึ่งไม่ต้องการจับตัวคนในครอบครัวของเขาแล้ว เฉินหลงก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา ตอนนี้เขาพร้อมจะเล่นกับคนพวกนี้แล้ว


ได้เวลาที่เฉินหลงจะต้องตื่นนอนแล้ว เขาขยับขนตาอยู่สองสามครั้ง และค่อยๆลืมตาขึ้นมา


"พวกคุณเป็นใคร?" หลังจากที่เฉินหลงตื่นขึ้นมา ใบหน้าของเขาดูตกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาแสร้งทำเป็นคนใจเย็นแล้วหันไปจ้องมองคนทั้งห้าคน ในตอนนี้ เผิงเจิ้งฉางยังไม่มาถึงที่นี่


หลังจากลืมตาขึ้นมา ในที่สุดเฉินหลงก็รู้ว่าพี่หนึ่งมีรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง เขาสูงประมาณ 170 เซนติเมตร เหมือนคนทั่วไป เขาดูผอมนิดหน่อย สวมแว่นตา เขาดูเหมือนพนักงานออฟฟิศธรรมดาๆคนนึง ปัดโธ่ ไอเราก็นึกว่าจะเป็นคนเจ๋งๆคูลๆ ตัวสูงมีกล้ามเป็นมัดๆดูน่ากลัวสักหน่อย ที่แท้ก็เป็นแค่ไอ้แว่น....


หวูเหมยในตอนนี้ดูเฉิ่มมาก ธรรมดาและข้างหน้าเธอมีคนสองคนยืนอยู่


พี่สี่ มีส่วนสูงมากกว่า 180 เซนติเมตร และดูแข็งแรง เขาเป็นผู้ชายที่มีกล้ามเป็นมัดๆ


พี่สาม มีร่างสูงโปร่ง เขามีส่วนสูงที่สูงกว่า 180 เซนติเมตร และตัวสูงกว่าพี่สี่เล็กน้อย กล้ามเนื้อเส้นเอ็นบนมือของเขาชัดเจนมาก ดูเหมือนว่าวิชากังฟูของเขาจะสุดยอด บางทีอาจจะเป็นแขนของยูนิคอร์นในตำนานก็เป็นได้


เฉินหลงรู้สึกประทับใจที่ได้เห็นรูปร่างของพี่สองอย่างแรง เขาตัวสูงกว่าพี่หนึ่ง แต่ผมของเขายาวปกคลุมดวงตา ถ้าฝ่ายนั้นยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ เขาคงไม่ทันสังเกตอีกฝ่ายเลย


"คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าพวกเราเป็นใคร เราเป็นแค่มีความรับผิดชอบและความภักดี คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าพวกเราเป็นใคร อีกไม่นายคุณก็จะได้พบกับนายท่านแล้ว" พี่หนึ่งกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ


"เผิงเจิ้งฉางสินะ" เฉินหลงจ้องหน้าพี่หนึ่ง


"คุณก็รู้นี่" รอยยิ้มที่อ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา


เฉินหลงไม่ถามอะไรออกมาอีก ทันใดนั้นเขาก็นั่งลงบนพื้นให้เมื่อนก้น แทนที่จะยืนขึ้นให้เมื่อยขา ส่วนทางพี่หนึ่ง เขาก็ไม่ได้ให้สนใจอะไรต่อเฉินหลง พวกเขาทั้งห้าคนมีทั้งคนที่พอใจจะนั่งหรือพอใจจะยืน และพอใจที่จะอยู่เงียบ


พี่หนึ่งดูเหมือนจะเป็นคนที่มั่นใจในเขามาก พวกเขาไม่ได้มัดตัวเฉินหลงเอาไว้ แต่ตำแหน่งที่พวกเขานั่งหรือยืนของคนทั้งห้ากำลังขวางทางเฉินหลงอยู่ เอาเถอะ อยากทำอะไรก็เชิญ


ก่อนที่เผิงเจิ้งฉางจะมาถึงที่นี่ เฉินหลงตัดสินใจเข้าไปในระบบอีกครั้ง ครั้งนี้คนทั้งห้าคนของพี่หนึ่งดูเหมือนว่าจะจัดการไม่ง่ายสักคน เห็นทีเขาคงต้องรีบหาของที่จะใช้รับมือกับคนพวกนี้ให้ได้เร็วที่สุด


ถ้าเกิดว่าเขาใช้ยาต้าหลี่ขึ้นมา ใครจะรู้ว่ามันจะใช้เวลาในการออกฤทธิ์นานแค่ไหน เพราะยาตัวนี้ไม่ได้มีคำอธิบายในการใช้งานกำกับเอาไว้ การที่สารพันธุกรรมระดับสูงจะผ่านเข้าไปได้นั้นลำบากเกินไป


......



ในที่สุด เฉินหลงก็เลือกเคล็ดลับที่มีชื่อว่า "กดจุดชีพจรตัดโลหิต" ผู้ขายเคล็ดลับเล่มนี้คือ หวันจูจือ จากดาวอู๋ที่เก่าแก่ ราคาอยู่ที่ 300 คะแนนแลกเปลี่ยน


เคล็ดลับนี้อยู่ในทักษะระดับต่ำบนดาวเคราะห์อู๋ที่เก่าแก่ การฝึกจำเป็นต้องมีความสามารถถึงระดับ "แข็งแรง" ก่อนการฝึก แต่หลังจากเปลี่ยนกฎของระบบแล้ว เมื่อระดับความแข็งแกร่งถึง "แข็งแรง" คุณก็สามารถศึกษาและใช้งานมันได้ในทันที


เฉินหลงไม่รู้ว่าระดับความสามารถของตัวเองอยู่ในระดับไหน แต่เขาก็อยากจะลองดูสักครั้ง เพราะพลังของเคล็ดลับเล่มนี้สูงจนน้ำตาไหล*เลยจริงๆ


"กดจุดชีพจรตัดโลหิต" ค่อนข้างแตกต่างจากเทคนิคการกดจุดแบบทั่วไป เทคนิคการกดจุดแบบทั่วไปนั้นคือการหาจุดชีพจรของคน คนๆนั้นไม่สามารถยืนได้เหมือนกับท่อนไม้และขอให้คุณกดจุดให้ แต่ว่ามันแตกต่างกัน เพราะวิธีนี้จะตัดเส้นเลือดของคน เมื่อเลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ ร่างกายก็จะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ไม่นานก็จะทรุดลงไปที่พื้นและหมดแรง


หลังจากใช้คะแนนแลกเปลี่ยน 300 คะแนนซื้อเคล็ดลับมาจากร้านค้าของหวันจูจือ เคล็ดลับที่ส่องแสงได้ ปรากฏขึ้นในวงแหวนมิติของเฉินหลงเป็นที่เรียบร้อย


ด้วยวงแหวนมิติ ของทุกชนิดที่เขาทำการซื้อผ่านระบบจะปรากฏในพื้นที่ในวงแหวน มันจะไม่ปรากฏขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง เพราะหลังจากที่เขาซื้อวงแหวนมิติมา เฉินหลงก็ได้ทำการตั้งค่ามันเอาไว้เรียบร้อยแล้ว


เฉินหลงใส่เคล็ดลับเล่มนี้เข้าไปในความคิดของตัวเอง จู่ๆเคล็ดลับสีทองก็เปล่งแสงสีทองเข้ามาในความคิดของเฉินหลง


ใช้เวลาไม่นาน เฉินหลงก็ได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับ การกดจุด หลอดเลือด เส้นลมปราณและข้อมูลอื่นๆอีก หลังจากที่เขาได้รับข้อมูลทั้งหมดจากเคล็ดลับแล้ว เฉินหลงสามารถเข้าใจโครงสร้างของร่างกายมนุษย์ได้ มากกว่าแพทย์ที่นั่งทำงานบนโต๊ะมานานหลายทศวรรษเสียอีก


ในทำนองเดียวกัน การทำงานของ "กดจุดชีพจรตัดโลหิต" เป็นเหมือนกับสัญชาตญาณ หลังจากที่ได้รับข้อมูล


"กดจุดชีพจรตัดโลหิต" สามารถใช้งานกับคนได้โดยตรง และยังสามารถใช้ลมปราณเพื่อโจมตีคนผ่านอากาศได้ ในตอนนี้ความสามารถของเฉินหลง เขาสามารถกดจุดผ่านอากาศได้เพียงแค่สิบครั้งเท่านั้น ถ้าหากเขาใช้พลังไปมากกว่านี้เขาก็จะไร้เรี่ยวแรง


แม้ว่าระดับ "แข็งแรง" จะสามารถฝึกได้ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่เช่นกัน


‘โอโห้ คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าความสามารถของเราจะอยู่ในระดับ ‘แข็งแรง’ ไม่เลวเลยแหะ’ หลังจากได้ศึกษาการกดจุดชีพจรตัดโลหิตแล้ว เฉินหลงถึงได้เข้าใจว่าเขาได้มาถึงระดับ "แข็งแรง" เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


ถึงเขาจะไม่รู้ว่าระดับ "แข็งแรง" จะเป็นแบบไหน แต่อย่างน้อยมันก็เป็นระดับที่ใกล้เคียงกับ ‘ปรมจารย์แห่งดาวเคราะห์’ ... ละมั้ง?


สิบนาทีต่อมา เผิงเจิ้งฉางก็ได้มาถึง


"ฉันบอกแล้ว ถ้านายยอมร่วมมือกับฉัน นายก็ไม่จำเป็นต้องมาเจอเรื่องแบบนี้" เผิงเจิ้งฉางที่ถือกระเป๋าสีดำ เดินเข้าไปพูดกับเฉินหลง


พูดจบ เผิงเจิ้งฉางก็ส่งกระเป๋าที่อยู่ในมือให้กับพี่หนึ่ง


พี่หนึ่งรับกระเป๋ามาแล้วรูปซิปเปิดกระเป๋า เขามองดูเงินที่อยู่ข้าง และพยักหน้าให้กับลูกน้องของตน


พี่สาม พี่สี่และหวูเหมยต่างก็มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า พวกเขามีความสุขมาก เพราะการหาเงินนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย คงมีเพียงพี่สองที่ไม่ได้แสดงท่าทางใดๆออกมา


"การที่เจ้าหน้าของรัฐบาลชั้นสูงระดับจังหวัดมาลักพาตัวผมแบบนี้ มันไม่ดูน่าอัปยศไปหน่อยเหรอครับ? ผมก็บอกคุณไปแล้วว่าเงินกับคนไม่ได้อยู่กับผม ต่อให้คุณบีบบังคับผมยังไง ผมก็จะตอบว่าผมไม่รู้" เฉินหลงลุกขึ้นยืนและจ้องมองเผิงเจิ้งฉาง


"ไม่รู้สิ ช่างมัน ยังไงมันก็ไม่สำคัญแล้ว ให้พวกเขาเตือนความจำให้นายก็แล้วกันนะ" เผิงเจิ้งฉางไม่คิดว่าเฉินหลงจะพูดความจริงออกมา


"คุณเผิงครับ เงินห้าแสนหยวนเป็นค่าแรงในการจับตัวเขามา ถ้าคุณอยากให้เราทำให้เขาสารภาพความจริงออกมา เห็นทีทางเราคงต้องคิดค่าแรงเพิ่มเสียแล้ว" พี่หนึ่งยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สุภาพมาก


"ถ้าพวกนายทำให้เขาพูดในสิ่งที่ฉันอยากรู้ได้ ฉันก็จะให้เงินเพิ่มอีกห้าแสนหยวน" ถ้าเขารู้ได้ว่าเงินกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหนออกมาจากปากของเฉินหลงแล้วละก็ กับเงินแค่หนึ่งล้านหยวนก็ไม่ใช่ปัญหา


*สูงจนน้ำตาไหล – สูงมากๆ สูงกว่าปกติมากหรือสูงกว่าที่คาดหวังมาก ในเนื้อเรื่องหมายถึงพลังสุดยอดมากกกก


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น