TB:บทที่ 57 พิณ

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

TB:บทที่ 57 พิณ


หลังจากฟังสองคนนี้พูดคุยกัน เฉินยี่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตอบอะไรออกมา เพราะเธอเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าพี่ชายมีเงินอยู่เท่าไหร่ แต่ดูจากที่แม่พูดแล้ว เธอเกรงว่าพี่ชายคงมีเงินไม่เยอะ


"แม่ ผมบอกว่าไม้กฤษณามีราคาสี่ล้านเก้าแสนก็จริง แต่ผมไม่ได้บอกว่าผมไม่มีเงิน ตอนที่ผมออกไปข้างนอก ผมหาเงินมาได้นิดหน่อย แล้วผมก็ไม่ได้มีเรื่องให้ใช้เงินด้วย ไม่ต้องเครียดนะครับ!" พอเห็นท่าทางของแม่แล้ว เฉินหลงรีบพูดออกมา


"หาเงิน?"


เฉินหลงเพิ่งออกไปข้างนอกสองสามวันแล้วก็ได้เงินมาแล้ว? เรื่องจริง? ไม่เชื่ออ่ะ หลิวซิงหลานไม่เชื่อว่าเจ้าลูกคนนี้มันจะหาเงินได้จริงๆ หลิวซิงหลานไม่เชื่อไอ้คำพูดที่ว่า ‘เฉินหลงหาเงินมาได้’ เหอะ ไอ้ลูกคนนี้มันจะหาเงินมาได้สักเท่าไหร่กันเชียว


"ผมไปหาเงินมาจริงๆ ผมหามาได้ตั้งหนึ่งร้อยล้านแน่ะ!" เฉินหลงตอบ


"ห๊า!? เท่าไหร่นะ?" หลิวซิงหลานรู้สึกไม่เชื่อหูตัวเอง นี่หูฉันฝาดรึเปล่า


"ผมบอกว่า หนึ่ง-ร้อย-ล้าน-หยวน" เฉินหลงตอบตามความจริง ถ้าแม่ไม่เชื่อ เฮ้อ เสียใจ


"ห๊ะ.. แค่กๆ อ่ะ หนึ่..หนึ่งร้อยล้าน!?" หลิวซิงหลานสำลักน้ำลายตัวเองเรียบร้อย


หนึ่งร้อยล้านหยวนนี่น่ากลัวเกินไปแล้ว ได้ยินเงินมากขนาดนี้ในคราเดียว หลิวซิงหลานไม่ได้ตื่นเต้น ในทางกลับกัน ออกจะกลัวเสียด้วยซ้ำ ตรงกันข้ามเธอกลัว จะว่าไปแล้ว ร้อยล้านหยวนนี่มันมากเกินไปจริงๆนั่นแหละ ถ้าเอาไปเขียนบนกระดาษต้องเขียนเลขศูนย์ลงไปตั้งหลายตัวหลายไม่ต้องพูดถึงเงินเลยว่าจะขนาดไหน



ส่วนเฉินต้าม่านกับเฉินยี่ที่ได้ยินเข้าก็ตกใจเหมือนกัน ทั้งสองคนจ้องเฉินหลงที่หาเงินมาได้หนึ่งร้อยล้านหยวนภายในสองวัน นี่ไม่ใช่กระหล่ำปลีขาวที่หาได้ง่ายๆ แต่เป็นเงิน ความเร็วนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ ข้าน้อยขอคารวะท่านพี่เฉิน


“เงินแค่หนึ่งร้อยล้านหยวน ต้องตกใจขนาดนี้เลยเหรอ?” สำหรับเฉินหลง หลังจากได้เห็นความบ้าคลั่งในการประมูล จริงๆแล้วเขาไม่คิดว่าเงินหนึ่งร้อยล้านหยวนจะเยอะขนาดนั้น


"อะแฮ่ม เฉินหลง บอกแม่มาว่าลูกไม่ได้ไปทำเรื่องไม่ดีมาใช่ไหม" หลิวซิงหลานมองเฉินมานานด้วยสายตาหวาดระแวง


ในช่วงเวลาสั้นๆ ลูกของเธอหาเงินหนึ่งร้อยล้านหยวนมาได้ ในความคิดของหลิวซิงหลาน อีกฝ่ายไม่มีทางทำอะไรไปได้นอกจากเรื่องไม่ดีแน่ๆ


"แม่ แม่คิดว่าผมเป็นคนไม่ดีเหรอ? ผมไปเข้าร่วมประมูลมา แล้วก็ได้ของหายากมาจากการประมูล ผมเอามันขายแล้วได้เงินมาหนึ่งร้อยล้านหยวนต่างหาก แล้วมันเป็นเรื่องไม่ดีตรงไหนเนี่ย ผมว่าแม่ต้องใจเย็นๆแล้วจริงๆนะ" หลิวซิงหลานคงคิดว่าเขาหาเงินหนึ่งร้อยล้านมาจากการทำเรื่องไม่ดีแน่ๆ เฉินหลงรู้สึกเจื่อนเล็กน้อย


"แม่ขา การประมูลที่พี่ชายพูดถึงอาจจะเป็นการประมูลของโบราณก็ได้นะคะ โบราณวัตถุนั้นมีมูลค่ามาก และโบราณวัตถุบางอย่างก็ขายได้ในราคาหนึ่งร้อยล้านหยวน คงไม่มีเรื่องไม่ดีอย่างที่แม่คิดหรอกค่ะ" เฉินยี่เองก็รู้ว่าในแต่ละครั้งโบราณวัตถุสามารถขายได้ในราคาที่สูงเสียดฟ้า


"น้องเล็ก พูดได้ดี" ดังนั้นเฉินหลงจึงบอกว่าเขาได้ดาบโบราณมาจากการประมูลแล้วก็ขายมันไปในราคาหนึ่งร้อยล้านหยวน


พอรู้ว่าเฉินหาเงินมาได้อย่างสุจริตแล้ว หลิวซิงหลานก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา แล้วก็เลิกบ่นที่เฉินหลงซื้อเศษไม้บ้าๆด้วยเงินสี่ล้านเก้าแสนหยวนในทันที เก่งมาก ลูกแม่


ในเวลาเดียวกัน เฉินหลงก็หอบไม้กลับไปที่ห้องของตน


หลังจากเฉินฟลงจากไป หลิวซิงหลานจำได้ว่าเฉินหลงใช้เงินซื้อไม้มา พอเทียบกับเงินหนึ่งร้อยล้านหยวนแล้ว หลิวซิงหลานก็ไม่สนใจมันอีก



เมื่อกลับมาถึงห้อง เฉินหลงก็เริ่มปฏิบัติการเอากู่ฉินออกมาจากไม้ทันที


ในสายตาของเฉินหลง เขาเห็นตำแหน่งของเจี้ยวเว่ยฉินที่อยู่ในไม้ชัดเจน ดังนั้นมันจึงไม่มีอุปสรรคใดๆเกิดขึ้นในตอนที่นำพิณออกมา


หลังจากนั้นไม่นาน เฉินหลงก็เอาเจี้ยวเว่ยฉินออกมาจากไม้ได้สำเร็จ


ในอู๋ถง เจี้ยวเว่ยฉิน เป็นเจ็ดซวนฉินที่ทำจากไม้อู๋ถง พิณบางตัวจะมีลวดลายสลักอยู่ที่ส่วนปลายของพิณ แต่พอเฉินหลงได้เห็นเจี้ยวเว่ยฉินแล้ว เขาก็พบว่าคำกล่าวนั้นไม่ใช่เรื่องจริง เพราะวัสดุที่ใช้สร้างฉินตัวนี้ไม่ใช่ไม้ธรรมดา แต่เป็นไม้ที่เฉินหลงไม่เคยได้ยินชื่อมากก่อน เนื่องจากไม้ชนิดนี้ ทำให้กู่ฉินคงอยู่ได้เป็นเวลานาน โดยที่มันไม่มีรอยขีดข่วนหรือดูเสื่อมโทรมเลยสักนิด เฉินหลงไม่เข้าใจว่าจนถึงตอนนี้ ทำไมสายของมันยังคงตึงไม่หย่อนลงเลย แล้วยังสามารถบรรเพลงบทเพลงได้ตลอดอีกด้วย คำเล่าลือที่บอกว่ามันถูกเผาทิ้งไปแล้ว ก็ไม่เห็นว่ามันจะมีลอยไฟไหม้ตรงไหนเลย หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะลวดลายไม้ที่ทำให้ดูเหมือนกับว่าพิณถูกไฟเผามากกว่า


เฉินหลงลองดีดสายพิณหนึ่งครั้ง เกิดเสียงชัดเจนดังออกมาจากสาย


เขาคงต้องบอกว่าชิ้นส่วนของเจี้ยวเว่ยฉินนี้สมควรเป็นหนึ่งในสี่กู่ฉินที่โด่งดังจริงๆ มันเป็นเสียงที่เฉินหลงไม่ได้ตั้งใจเล่นแต่กลับเพราะเสนาะหูจริงๆ


ในตอนที่เสียงของสายถูกดีด ทันใดนั้นเฉินหลงรู้สึกเหมือนตัวเองถูกดึงดูดให้บรรเลงบทเพลง ถึงเฉินหลงจะไม่เคยเล่นพิณมาก่อนก็ตาม


ตอนที่มือของเฉินหลงวางอยู่บนพิณ ทันใดนั้นเกิดพลังลึกลับไหลผ่านมือเข้าสู่สมองของเขาไป หลังจากได้ข้อมูลบางอย่างมาแล้ว แล้วก็หายไป สิ่งนั้นคือทำนองเพลง จากนั้นมือของเฉินหลงก็อดไม่ได้ที่จะบรรเลงบทเพลงที่สายพิณ


ค่อยๆเล่นไปทีละตัว ทำนองอันไพเราะดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ประสานเข้าด้วยกันจนกลายเป็นเสียงเพลงอันไพเราะ


ห้องของเฉินหลงที่มีเสียงพิณดังออกมา ทำให้ใครหลายคนรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลงในทันที เฉินยี่ เป็นคนนึงที่เดินไปทางห้องของเฉินหลง


ผลักประตูห้องเฉินหลงออก ปรากฏภาพของเฉินหลงที่นั่งอยู่บนพื้น กำลังตั้งใจเล่นกู่ฉินที่วางไว้บนขา และเศษไม่กฤษณาพันปีที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆตัวเขา


เฉินหลงปิดตา นิ้วทั้งสิบดีดสายพิณด้วยความเร็ว เฉินยี่กับคนอื่นๆที่อยู่ตรงนั้นไม่ได้รบกวนเขาเลยสักนิด


ความจริงแล้ว ไม่ใช่เฉินหลงหมุกมุ่นในเสียงเพลงจนทำให้เขาไม่สามารถหยุดการบรรเลงได้ แต่เป็นพลังของพิณต่างหาก ที่ทำให้เขาบรรเลงเพลงได้จนถึงท่อนสุดท้าย


เฉินหลงได้ยินเสียงเหมือนกับมีคนบังคับให้เขาอ่านและศึกษา ให้เป็นคณิกาแล้วไปที่เหลียงชาน แต่เขาถูกบังคับให้บรรเลงเพลงด้วยพิณ เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลยจริงๆ


หลังจากเล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้จบแล้ว ในที่สุดเฉินหลงก็สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มที่ผ่อนคลายออกมา เขากลัวว่าตัวเองจะต้องเล่นพิณเพื่อหาเลี้ยงชีพในอนาคตแล้วจริงๆ


แต่เมื่อพวกเขาเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินหลงแล้ว พวกเขาคิดว่ามันเป็นรอยยิ้มที่น่าถึงพอใจ หลังจากเพลิดเพลินกับการเล่นพิณ


"พี่ชาย พี่เล่นกู่ฉินเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่?" เฉินยี่ถามด้วยความสงสัย


บอกตามตรง พอได้ยินว่าเฉินหลงหาเงินหนึ่งร้อยล้านหยวนได้แล้ว พอเห็นเฉินหลงเล่นกู่ฉินได้ก็ไม่ตกใจแล้วอ่ะ


"แล้วเมื่อกี้ไม่เห็นเหรอ? เฉินหลงทำตัวไม่ถูก การเล่นพิณไม่ใช่ความฝันของเขาสักหน่อย


“แหม พี่เพิ่งเล่นมันไปอ่ะเนอะ สุดยอดจริงๆ ว่าแต่ พี่ไปเอาพิณมาจากไหน?”


รู้ใช่ไหมว่าในวิลล่าไม่มีกู่ฉิน แล้วตอนที่เฉินหลงกลับมาที่บ้าน เขาก็ไม่ได้หิ้วมันกลับด้วย เขาหิ้วมาแค่ไม้ท่อนหนึ่งเท่านั้น...


เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ ไม้???


พอเห็นเศษไม้ที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆเฉินหลงแล้ว เฉินยี่ก็นึกถึงความเป็นไปได้


“ พี่ชาย พิณนี้มันทำมาจากไม้เหรอ?” เฉินยี่เบิกตามองไปที่เฉินหลง


เฉินหลงหันไปมองเศษไม้ที่อยู่รอบๆตัว แล้วพยักหน้าตอบ


จากนั้น เฉินยี่ก็พุ่งเข้าไปคว้ากู่ฉินมาจากมือเฉินหลง เฉินยี่อยากเห็นมันให้ชัดเจนกว่านี้


"นี่ ระวังหน่อยสิ น้องเล็ก" นี่เป็นหนึ่งในสี่กู่ฉินโบราณของจีนเชียวนะ แล้วก็เป็นราชวงศ์จีนที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย เฉินหลงกลัวว่าเฉินยี่อาจจะเผลอทำลายมันได้


"พี่ไม่ต้องห่วงน่า" จากนั้นเฉินยี่ก็ลองใช้มือดีดสายพิณ


หลังจากเห็นเฉินยี่ดีดสายพิณเล่นแล้ว จู่ๆเฉินหลงก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาในทันที ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีคนที่ถูกพิณควบคุมเข้าเสียแล้ว


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น