TB:บทที่ 56 ไม้ผุพัง
"แน่นอนสิ ผมจะโกงได้ยังไงล่ะ?" เฉินหลงเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของ "บิวตี้ครีม"
"น้องเฉิน นายมีของตัวอย่างไหม?" เฉียนซานเจียเอ่ยถาม
"มีอยู่แล้ว"
เฉินหลงว่าแล้วก็หยิบขวด "บิวตี้ครีม" ออกมาหนึ่งขวด
หลังจากรับครีมมาจากอีกฝ่าย เฉียนซานเจียเปิดฝาออกแล้วลองทาครีมบนหน้าอ้วนๆกลมๆของตัวเองทันที
ไม่ทันไร เขาก็รู้สึกถึงผลของ "บิวตี้ครีม" ได้
"น้องเฉิน การที่นายใช้ "ของ" ดีๆมาทำแบบนี้มันจะไม่สิ้นเปลืองไปหน่อยเหรอ"
แน่นอนว่าเฉินหลงไม่ได้บอกเฉียนซานเจียว่า "บิวตี้ครีม" สกัดมาจากกะหล่ำปลีกับหัวไชเท้าเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เฉียนซานเจียจึงคิดมันเป็นการสิ้นเปลืองที่จะใช้ "ของ" ดีๆมาทำของแบบนี้
"ผมต้านทานเด็กๆไม่ไหว แต่ผมก็ช่วยเขาไม่ได้ ถ้าผมอยากทำ ผมต้องทำให้เขาไม่เปลี่ยนใจ" สายตาของเฉินหลงจับจ้องไปยังซิงเฉิง
"น้องเฉินไม่ต้องห่วง ฉันจะทำเต็มที่" บนใบหน้าอ้วนกลมของเฉียนซานเจียมีรอยยิ้มแห้งๆประดับอยู่
สำหรับเฉินหลง เฉียนซานเจียมักจะมีจิตใจที่เป็นมิตรเสมอ ในตอนที่เฉินหลงออกปากว่าจะช่วยอีกฝ่าย เฉียนซานเจียจะต้องใช้โอกาสนี้แน่นอน ถึงจะไม่รู้ว่าเผิงตงคือใคร แต่เฉียนซานเจียก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ในสายตาของเขา เผิงตงจะเป็นใครก็เรื่องเขาเถอะ
"พี่เฉียน พี่อยากลดเนื้อกับไขมันบ้างไหม?" เฉินหลงมองดูร่างกายของฉียนซานเจียที่สั่นไหวหลังจากที่อีกฝ่ายก้าวเท้าเดินไปไม่กี่ก้าว
ถ้ามนุษย์อ้วนเกินไป โรคทุกชนิดจะถามหาแน่นอน มันทำให้เฉินหลงกังวลเกี่ยวกับร่างกายของเฉียนซานเจียไม่น้อย มียาลดน้ำหนักบางชนิดวิเศษมากอยู่ในระบบ ถ้าเฉียนซานเจียต้องการ เฉินหลงก็จะเป็นคนไปแลกมาให้เอง และค่าตอบแทนที่เขาจะขอจากอีกฝ่ายคือเชิญเขามาเป็นดารารับเชิญ
"ไม่อ่ะ ฉันไม่มีเวลาไปลดน้ำหนักหรอก ถ้าฉันลดน้ำหนัก ฉันก็จะไม่มีเวลาทำอย่างอื่น แต่ว่า ถ้าลดน้ำหนักได้จริงๆ คนอื่นก็จะได้ไม่ดูถูกฉันอีก…" เฉียนซานเจียส่ายหัวไปมา
ร่างกายอ้วนถ้วมของเขาอยู่กับเขามานานหลายปีแล้ว เขาหาเงินได้ตั้งหลายหมื่นล้านหยวน ร่างกายอ้วนนี้ยังมีเครดิตไม่น้อย ถ้าจะให้เขาลดน้ำหนักจริงๆ เขาก็ยังลังเลอยู่ไม่น้อย
เมื่อเห็นว่าเฉียนซานเจียดูไม่ค่อยเต็มใจนัก เฉินจึงไม่กล่าวอะไรออกมาอีก
เขาลองใช้เครื่องดักจับตรวจร่างกายของเฉียนซานเจียดู และก็ได้พบว่าสุขภาพของเฉียนซานเจียนั้นค่อนข้างดีทีเดียว ถึงจะอ้วน แต่ก็ไม่มีความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจกับเบาหวานที่คนอ้วนส่วนใหญ่ชอบเป็นกัน ก็ไม่มี ถ้าจะมีอาการผิดปกติ เท่าที่ลองตรวจดูแล้ว ก็คงมีแค่ไตบกพร่อง ดูเหมือนว่าคุณภาพชีวิตของสามีภรรยาของเขาจะไม่ค่อยสูง
พอรู้ว่าสุขภาพของเฉียนซานเจียไม่ได้สร้างปัญหาอะไร ความคิดที่จะช่วยอีกฝ่ายลดน้ำหนักก็ถูกลบออกไปจากสมองของเฉินหลงในทันที
"น้องเฉิน นายสามารถผลิต ‘บิวตี้ครีม’ เป็นจำนวนมากได้ใช่ไหม?” เพราะเฉียนซานเจียเป็นถึงนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เขาจึงเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจที่ยั่งยืนของบิวตี้ครีม
"พี่เฉียน ผมผลิตมันเป็นจำนวนมากไม่ได้ แต่ถ้าพี่ต้องการ ผมจะแบ่งมันให้พี่สักหน่อยก็แล้วกัน" นั่นเป็นเพราะเฉินหลงตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ผลิต "บิวตี้ครีม" อีก
"นี่ น้องเฉิน นายจะให้ฉันมากกว่านั้นก็ได้นะ สำหรับฉันแล้วบอกเลยว่า ‘เงิน’ ไม่ใช่ ‘ปัญหา’" เฉียนซานเจียรีบตอบ
ในฐานะนักธุรกิจ คุณต้องติดต่อกับผู้คนและเป็นมิตรกับเจ้าหน้าที่ ตอนนี้เป็นเวลาที่จะปราบพวกเขาให้อยู่หมัด ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนรับสินบน แต่ถ้าคุณต้องการส่ง "บิวตี้ครีม" เป็นของขวัญ คุณจะไม่ปล่อยให้คนอื่นครอบครองมัน และคุณก็จะได้รับความโปรดปราณจากคนพวกนั้นอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ เฉียนซานเจียจึงรีบกล่าวมันออกมา
"พี่เฉียน ผมจะพยายามหามาให้พี่ให้เยอะที่สุด อย่าพูดถึงเรื่องเงินเลย… แล้วถ้าเป็น…ซิการ์?" ได้ยินว่าเฉียนซานเจียต้องการซื้อมันด้วยเงินแล้ว ท่าทางเฉินหลงดูเขินอายเล็กน้อย เพราะครีมนี้ทำมาจากกะหล่ำปลีกับหัวไชเท้า มันไม่ได้ใช้เงินเยอะขนาดนั้น
"อย่าเอาบิวตี้ครีมไปเทียบกับซิการ์ ถ้านายไม่ขาย ฉันก็ไม่อยากได้มันแล้ว และนายก็จะไม่ได้ซิการ์ด้วย"
คำพูดของอีกฝ่ายน่าจะหมายความว่า ‘ถ้านายไม่ยอมรับเงินไป ก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก’ อืม… เฉินหลงทำได้แค่ตอบตกลง
หลังจากนั้น เฉียนซานเจียได้จ่ายเงินสามสิบล้านหยวนให้กับเฉินหลงเพื่อแลกกับ "บิวตี้ครีม" สามสิบ ขวด เขาบอกว่าขวดละ 300,000หยวนนั้นน้อยเกินไป ต้องขวดละ 1 ล้านหยวน
ให้ตายสิ ถ้าไม่ใช่เพราะถูกบังคับให้รับเงินมา วันนี้เขาก็คงไม่ได้เงินมาง่ายขนาดนี้ นี่สินะที่เรียกว่าเงินสั่งได้
ถ้าเฉียนซานเจียรู้ว่าเฉินหลงกำลังคิดอะไรอยู่ เขาคงต้องเปลี่ยนความคิดแน่นอน เพราะอีกฝ่ายคงคิดว่าบิวตี้ครีมมีส่วนผสมของสมุนไพรอย่างโสมและสมุนไพรโชวูอยู่ แต่จริงๆแล้วบิวตี้ครีมมีแค่กระหล่ำฟีกับหัวไชเท้าเป็นส่วนผสมเท่านั้นละก็ อีกฝ่ายคงไม่ให้เงินเฉินหลงสักแดงเดียวแน่ๆ
สิบชั่วโมงต่อมา ทั้งสามคนกลับมาที่ซิงเฉิง เฉียนซานเจียมาส่งเฉินหน้าวิลล่าแล้วบอกลาในทันที
เดิมที เฉินหลงอยากให้เฉียนซานเจียเป็นแขกของบ้านเขาสักหน่อย แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธออกมาด้วยเหตุผลง่ายๆว่า เขาต้องใช้เวลาขับรถกลับวิลล่าของตัวเองอีกสิบกว่าชั่วโมง บวกกับเขารู้สึกว่าสารรูปของตัวเองไม่ค่อยเหมาะที่จะพบปะผู้คนเท่าไหร่ วันนี้เขาจึงขอตัวลากลับไปพักก่อน แล้ววันหลังค่อยมาเยี่ยมบ้านของเฉินหลงใหม่
ถ้าเฉียนซานเจียว่าอย่างนั้น เฉินหลงคงทำได้แค่หิ้วไม้กฤษณากลับวิลล่าด้วยความระมัดระวังเท่านั้น
"เฉินหลง ลูกเอาไม้ผุพังแบบนี้ไปทำอะไรเหรอจ้ะ?" เห็นเฉินหลงกลับมาพร้อมกับไม้ผุพัง หลิวซิงหลานมองเฉินหลงด้วยสายตาแปลกๆ
เขาหายออกจากบ้านไปสองสามวันแล้วกลับมาพร้อมกับไม้ผุพัง ไม่แปลกใจว่าทำไมมันดูผิดปกติ
เพราะเฉินต้าม่านกับเฉินยี่ต่างก็มองมาที่เฉินหลงด้วยสายตาแปลกๆเหมือนกับแม่ไม่มีผิด
“ แม่ครับ มันไม่ใช่ไม้ผุพังสักหน่อย มันคือไม้กฤษณาพันปีต่างหาก ผมประมูลมันมาได้ด้วยเงินเกือบห้าล้านหยวนแน่ะ” เฉินหลงมองแม่ที่กำลังแสดงสีหน้าอย่างกับว่าไม่ค่อยได้เห็นของแปลก
"หา!? ลูกบอกว่าไม้ผุพังนี้มีราคาเท่าไหร่นะ?" หลิวซิงหลานเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
"สี่ล้าน...เก้าแสน..หยวน" เฉินหลงกล่าวเสียงเบา
"ห๊า!!? สี่ล้านเก้าแสนแลกกับเศษไม้ผุพัง โอ้ย ตายแล้วลูกฉัน นี่ลูกแม่สมองกลับไปแล้วเหรอ แม่จะเป็นลม” ได้ยินว่าเฉินหลงใช้เงินเกือบห้าล้านหยวนซื้อเศษไม้มาแล้ว หลิงซิงหลานก็โมโหขึ้นมาในทันที แต่ในเวลาเดียวกันนั้นธอกลับดีใจที่เธอเก็บเงินสามล้านหยวนไว้ให้ลูกแล้ว ไม่อย่างงั้นเธอต้องบ้าตายแน่ๆ ให้ตายสิ เจ้าลูกคนนี้
“โธ่ แม่ครับ ผมบอกว่ามันไม่ใช่เศษไม่ผุพังไง มันคือไม้กฤษณาพันปี” เฉินหลงที่ตัวสั่นพยายามแย้งอีกฝ่าย
เฉินหลงรู้ดีว่าถ้าแม่กลายเป็นไทรันโนซอรัสเร็กซ์แล้ว เขารู้ว่าการเจราเป็นทางออกที่ดีที่สุด บางทีถ้าแม่ยอมใจเย็นๆแล้วฟังผมสักหน่อย…
"ถึงจะเป็นไม้กฤษณาพันปีอะไรนั่นจริง ห้าล้านมันไม่คุ้มนะลูก ลูกบอกว่าลูกมีเงินห้าล้าน แสดงว่าลูกไม่สามารถซื้อของอย่างอื่นได้อีกแล้วนะสิ แม่ว่าลูกเอาไปซื้อรถอีกซักคันยังมีประโยชน์มากกว่าเศษไม้นี่อีก เฮ้อ เศษไม้ห้าล้าน ห้าล้าน… เฮ้อ ดีนะ แม่เก็บเงินไว้ให้ลูกสามล้าน เอาเงินนั่นไปใช้สิลูก " หลิวซิงหลานพูดเหมือนกับคนไร้วิญญาณ
ห้าล้าน ไม่ใช่ห้าร้อย หรือห้าหมื่น จู่ๆเงินก้อนใหญ่ก็หายวับไปกับตา ทันใดนั้นหลิงซิงหลานเหมือนสูญเสียอะไรบางอย่างไป
“เสี่ยวยี่ พี่เธอนี่รวยจริงจริ๊ง ใช้เงินตั้งห้าล้านซื้อไม้ชิ้นหนึ่งมา ถ้าเธอให้เงินฉันห้าล้าน ฉันจะไม่เรียนหนังสือละ ฉันจะออกไปเที่ยวทุกวันเลย ฮิฮิ” เสี่ยวเจี่ยกระซิบบอกเฉินยี่
"นี่ ไม่เรียนหนังสือไม่ได้นะ ฉันว่าทางที่ดีเราเอาเงินนั่นไปซื้อของที่ชอบกันดีกว่าอีก" เสี่ยวฮุยที่อยู่ข้างๆพูดออกมา
0 ความคิดเห็น