TB:บทที่ 49 ปล้น

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

 TB:บทที่ 49 ปล้น


"วิธีสูบซิการ์นั้นง่ายมาก นายก็แค่สูดหายใจเข้าเบาๆและหายใจออกช้าๆ ถ้าสูดหายใจเข้าลึกๆก็จะสามารถรับควันของซิการ์เข้าไปอมไว้ภายในปากได้ แล้วนายจะได้รสสัมผัสที่กลมกล่อมและกลิ่นของซิการ์สักพัก จากนั้นก็ปล่อยควันพวกนั้นออกมาแค่นี้เอง"


เฉินหลงบอกว่าเขาไม่เคยสูบซิการ์มาก่อน และเฉียนชานเจียเองก็ไม่ได้อยากจะดูถูกเฉินหลง เขาจึงแนะนำวิธีสูบซิการ์ง่ายๆให้กับอีกฝ่าย


จุดไฟดวงเล็กๆและเว้นระยะห่างประมาณครึ่งนิ้วระหว่างหัวซิการ์กับเปลวไฟ เขาหมุนวนซิการ์ช้าๆเพื่อให้ส่วนของหัวของมันไหม้เสมอกัน


"ลองดูสิ" เฉียนชานเจียจุดซิการ์และส่งมันให้เฉินหลง


ตอนที่เขาได้พบกับเฉียนชานเจียเป็นครั้งแรก เฉินหลงคิดว่าคนๆนี้จะต้องคนที่เปิดเผยและตรงไปตรงมา แต่หลังจากที่เขาได้รู้จักอีกฝ่าย เฉินหลงถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วคนๆนี้เป็นคนที่มีลับลมคนนัย อย่างน้อยก็ตอนที่เขาสูบซิการ์อยู่


อันที่จริง การที่เฉียนชานเจียชอบสูบซิการ์แพงๆแบบนี้ มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ


เดิมที เฉียนชานเจียตัวอ้วนคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนเปิดเผยจริงๆ ถ้าเขาไม่รู้จักอีกฝ่ายดีพอ เขาคงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบนั้นแล้วจริงๆ


ในตอนนี้ ถ้าคุณรู้ว่าของแพงๆชิ้นนี้ใหญ่ขนาดไหนในสายตาของคนทั่วไป มันจะให้ความรู้สึกแตกต่างกันในทันที


เฉินหลงสูดลมหายใจเข้าแล้วส่งซิการ์ที่ถูกจุดแล้วเข้าไปในปาก รสที่เฉินหลงสัมผัสได้เหมือนกับมิลล์เชค ในไม่ช้า เฉินหลงก็รู้สึกถึงกลิ่นช็อคโกแลตที่รุนแรงและพริกไทยดำที่เผ็ดร้อนจากควันในปากของเขา เพียงแค่สูบมันหนึ่งครั้ง ก็ทำให้เฉินหลงหลงรักความรู้สึกแบบนี้ มันทำให้เขารู้สึกพิศวง


เฉินหลงรู้สึกเพลิดเพลินไปกับมัน เขาค่อยๆพ่นควันออกมาจากโพรงปาก


"หึ รสชาติดีละสิ" เฉียนชานเจียส่งยิ้มให้เฉินมานาน


"ดี ผมชอบ " เฉินหลงตอบ พร้อมกับส่งมือไปหยิบกล่องซิการ์ของเฉียนชานเจียมาไว้ในมือของตน


“ น้องเฉิน นายจะทำอย่างนั้นไม่ได้นะ ถึงนายจะชอบมันมากขนาดไหน นายก็ควรจะคืนมันมาให้ฉันนะ” เฉียนชานเจียมองไปทางเฉินหลงด้วยสีหน้าที่ขมขื่น


"พี่เฉียน พี่รวยจะตาย ผมรู้ว่าพี่ต้องมีซิการ์แบบนี้อีก อย่าใจร้ายใจดำกับผมนักเลย" เฉินหลงไม่ได้คืนมันให้กับเจ้าของ


"นายจะไปรู้อะไร? เกาซ์สเพียร์เลอซิการ์ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับฟิเดลคาสโตรโดยเฉพาะ คุณภาพ รสชาติและความสมดุลของมันถูกสร้างมาได้สมบูรณ์แบบ และมักมอบมันให้กับเจ้าหน้าที่อาวุโสและนักการทูตเพื่อเป็นของขวัญจากรัฐบาลคิวบา ขนาดฉันยังต้องขอมันมาจากเพื่อนนักธุรกิจเลย ถึงจะได้มันมาสักกล่อง" เฉียนชานเจียกล่าว


"ก็พี่รู้ว่าจะไปหามันมาจากที่ไหน พี่ก็สามารถหามันมาได้อีกไง อ้อ แล้วก็หามาเผื่อผมด้วยนะ ผมขอไม่มากหรอก สักห้าสิบกล่องก็พอแล้ว" เฉินหลงกล่าวเสียงเบา


หลังจากได้ร่วมเดินทางกับเฉียนชานเจีย เฉินหลงก็ได้เข้าใจว่าเฉียนชานเจียไม่ใช่พวกที่ชอบเสแสร้ง ดังนั้นเขาจึงพูดในสิ่งที่เขาต้องการออกมาโดยธรรมชาติ


"หา! ห้าสิบกล่อง? นายต้องการมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันหาให้ได้สูงสุดแค่สองกล่อง"


โดยสัญชาตญาณของนักธุรกิจ เฉียนชานเจียเริ่มต่อรองอีกฝ่าย


"สี่สิบเก้ากล่อง" ทันทีที่เฉินหลงได้ยินนี่คือโอกาสที่เขาจะได้มันมาครอบครอง เขาจึงลดจำนวนกล่อง


"สี่สิบเก้ากล่องก็ยังมากเกินไปอยู่ดี ฉันต้องทำงานหนักมากนะ ไม่เอาหรอก สี่กล้องก็พอแล้ว" เฉียนชานเจียตอบ


......


ในที่สุด เฉียนชานเจียก็ได้ให้สัญญาว่าจะหาซิการ์สิบกล่องมาให้เฉินหลง


ในหนึ่งกล่องมีซิการ์อยู่ยี่สิบห้ามวน ถ้าเขาได้มาสิบกล่อง ก็คงสูบได้สักพักใหญ่


หลังจากเจรจาต่อรองกันอยู่สักครู่ เฉียนชานเจียดูเสียใจ


แน่นอนว่าเฉียนชานเจียไม่ได้รู้สึกเสียใจจริงๆ มันก็แค่นิสัยตอนที่เขาทำธุรกิจเท่านั้น


รถโรลส์รอยซ์ แฟนธอม เฟิร์สคลาสสีดำเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ตามด้วยรถโตโยต้า แลนด์ครุยเซอร์สามคันที่ไล่ตามมาติดๆ


รถทั้งสามคัน คันหนึ่งอยู่ด้านหน้า อีกคันหนึ่งอยู่ด้านขวา และคันสุดท้ายอยู่ด้านหลัง รถทั้งสามคันนี้กำลังขับล้อมโรลส์รอยซ์ แฟนธอม เฟิร์สคลาสอยู่


"นายท่าน เหมือนจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลเลยนะครับ" ชายที่กำลังขับรถอยู่กล่าวทัก


"ไม่เป็นไร ขับต่อไป ไม่ต้องหยุด" สีหน้าของเฉียนชานเจียไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกเลยสักนิด


รถคันนั้นยังคงเคลื่อนที่ต่อไปและความเร็วในการเคลื่อนที่ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน


เมื่อรถโตโยต้า แลนด์ครุยเซอร์ทั้งสามคันเห็นเฉินหลง พวกเขาได้เร่งความเร็วและเริ่มขับเบียดที่อีกฝ่าย


ในไม่ช้ารถของเฉินหลงก็ถูกบังคับให้จอด


หลังจากที่รถของเฉินหลงได้จอดสนิทแล้ว คนมากกว่าสิบคนสวมหน้ากาก ในมือมีทั้งปืนพกขนาดเล็กและปืนลูกซองจ่อไปทางเฉินหลง


ในการเผชิญหน้ากับศัตรูที่พกอาวุธแบบนี้ ทำให้บอดี้การ์ดของเฉียนชานเจียไม่มีโอกาสได้ต่อต้านอีกฝ่าย


"ของอยู่ไหน? ฉันให้เวลาแกห้าวินาที บอกมาว่ามันอยู่ไหน ถ้าแกไม่บอกฉันล่ะก็ ฉันจะยิงไปที่หัวแกให้ระเบิดเป็นจุนไปเลย!" ชายคนหนึ่งที่ในมือถือปืนลูกซองจ่อไปที่ศีรษะของเฉียนชานเจียแล้วกล่าวด้วยเสียงต่ำ


ก่อนที่ชายคนนั้นจะเริ่มนับ เฉียนชานเจียก็นำของที่เขาได้จากการประมูลออกมา


ชายคนนั้นมองไปที่ของชิ้นนั้น แล้วเอาหยิบกล่องหยกที่เฉียนชานเจียต้องใช้เงินถึงห้าร้อยล้านหยวนประมูลมันมาไป


สำหรับแผ่นทองคำที่มี "เพลงหนี่ซ่างหยู่อี้ชวี่" พวกเขาไม่แม้แต่จะมองมันเลยสักนิด


จากนั้นเขาก็ได้หันปืนไปจ่อทางเฉินหลงแทนแล้วพูดว่า "แก เดินมาหาฉัน"


"ฉัน? ทำไม?" เฉินหลงถามขึ้น


"หรือว่าแกอยากตาย?" เขาถามขึ้นหลังจากได้ยินว่าเฉินหลงกล้าเค้นคำตอบจากเขา ทันใดนั้นชายคนนั้นก็จ่อปืนไปที่ศีรษะของเฉินหลงในทันที


และทางฝั่งเฉินหลงก็ได้มองข้ามดวงตาของชายคนที่จ่อปืนไปที่หัวของเขาต่อหน้าต่อตา แต่เมื่อเขาเห็นว่าอีกฝ่ายกล้าทำสิ่งที่เขาพูดเอาไว้ได้ เขาจึงค่อยๆก้าวลงมาจากรถช้าๆ


ทันทีที่เฉินหลงลงจากรถ ศีรษะของเขาก็ถูกฟาดจากทางด้านหลัง


ทันใดนั้นเฉินหลงก็ล้มลงไปกองที่พื้นในทันที


ในตอนที่เฉินหลงเห็นเท้าข้างหนึ่งกำลังเตะเข้ามาที่หน้าของเขา


เฉินหลงรีบยกมือมาบังมันเอาไว้แล้วขดตัวเพื่อปกป้องส่วนสำคัญบนร่างกายของตน


หลังจากนั้น เฉินหลงรู้สึกว่าร่างกายของเขาถูกทำร้ายจนไม่สามารถนับครั้งที่ถูกกระทำได้


โชคดีที่ร่างกายของเฉินหลงนั้นแข็งแรงขึ้นมาก มิฉะนั้นการโจมตีพวกนี้คงทำให้เฉินหลงต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มแหงๆ


ห้านาทีผ่านไป หลังจากชายพวกนั้นพอใจแล้ว พวกเขาจึงหยุดการกระทำนั้นแล้วผละออกจากอีกฝ่าย


"น้อง น้องเฉิน! เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม?" หลังจากคนพวกนั้นจากไปแล้ว เฉียนชานเจียรีบลงจากรถแล้ววิ่งไปหาเฉินหลงในทันที


"นายท่าน ผมว่าเราควรรีบพาคุณเฉินไปส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดดีกว่านะครับ" ซ่งเย่ หนึ่งในบอดี้การ์ดของเฉียนชานเจีย เดินมาบอกกับเฉียนชานเจีย


ซ่งเย่ได้เกษียณจากกองทัพ เขารู้ดีว่าเมื่อกี้คนคนนี้ถูกซ้อมอย่างหนัก อีกฝ่ายถูกทำร้ายร่างกาย ทั้งโดนเตะและโดนต่อยอย่างแรง อาการของเขาไม่มีทางดีขึ้นแน่นอน


"แล้วจะมัวพูดอะไรอยู่อีก? รีบพาเขาขึ้นรถสิ เร็วเข้า!" เฉียนชานเจียรีบตอบ


"เดี๋...เดี๋ยวก่อน ผ...ผมไม่เป็นไร..." ในตอนนี้เฉินหลงรู้สึกหมดแรง


"ใช่ นายไม่เป็นไรเลย... บ้ารึไง!? เด็กบ้า พูดออกมาได้ว่าไม่เป็นไรได้ยังไง เห็นๆอยู่ว่าอาการหนักขนาดนี้ ไม่ต้องมาทำตัวอวดดีเลยนะ ไป! นายต้องไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!" เฉียนชานเจียกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล


"ผมไม่เป็นไร ปล่อยผมสิ ผมลุกขึ้นเองได้" เฉินหลงฝืนยกมือขึ้นมาแล้วเขย่าเบาๆ


"นายท่าน กรุณาอย่าแตะตัวคุณเฉินสักครู่ครับ" เมื่อเห็นว่าเฉียนชานเจียกำลังจะคว้ามือของเฉินหลงไว้ ซ่งเย่ก็รีบหยุดเขา


ในตอนนี้ ซ่งเย่รู้สึกตกใจมากที่เฉินหลงสามารถขยับตัวได้ เฉินหลง คนที่ดูไม่แข็งแรงเท่าไหร่ ร่างกายสะบักสะบอมเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ นี่มันเกินความคาดหมายของของซ่งเย่มาก


เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งเย่ เฉียนชานเจียก็ไม่ได้เข้าไปฉุดกระชากเฉินหลงอีก


ภายในเวลาไม่กี่วินาที เฉินหลงค่อยๆหยัดตัวยืนขึ้น


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น