TB:บทที่ 45 เล่นเกม

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

 TB:บทที่ 45 เล่นเกม


เมื่อได้เห็นท่าทางของเฉินหลง ซ่งหยู่กลับรู้สึกลังเลขึ้นมาชั่วขณะ จริงอยู่ที่จำนวนเงินที่มากกว่าสองแสนหยวนสำหรับเขาแล้วยังถือว่าเล็กน้อย แต่ในเมื่อเฉินหลงต้องการเล่นเกมกับเขาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมเสียหน้าเป็นครั้งที่สอง!


หลังจากพิจารณาแล้ว ซ่งหยู่ก็ถอดใจไป


หลังจากนั้น ในเมื่อไม่มีใครเสนอราคาเพิ่มแล้ว ดาบเล่มนี้จึงตกเป็นของเฉินหลงไปโดยปริยาย


"ขอบคุณมากนะ คุณซ่ง" เฉินหลงประมูลดาบได้แล้วหันหน้าไปพูดกับซ่งหยู่


ทันใดนั้นซ่งหยู่ก็ได้หันหน้าไปทางอื่นในทันที เนื่องจากว่าเขาไม่ต้องการเห็นใบหน้าที่แสนจะภาคภูมิใจนักภูมิใจหนาของเฉินหลงเลยสักนิด


"นี่ เสี่ยวเฉิน เธอจะประมูลดาบที่มีตำหนิไปทำไมล่ะ?" ฮ่าวถามด้วยเสียงเบา


“ผมคงจะ ‘ชอบ’ มันละมั้งครับ ตามกฎหมายแล้วห้ามผู้คนพกมีดติดตัวใช่ไหมละครับ? แต่ถ้าเป็นดาบโบราณเล่มนี้แล้ว ผมคิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไร” เฉินหลงยิ้ม


เมื่อได้ฟังคำตอบที่สุดยอดของเฉินหลงแล้ว ฮ่าวฉางชิงถึงกับพูดไม่ออกอีกรอบ


เมื่อเห็นว่าฮ่าวฉางจริงไม่ตอบอะไรออกมาอีก มุมปากของเฉินหลงก็ได้กระดุกขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างชอบใจ


เฉินหลงประมูลดาบเก็บไว้ แน่นอนว่าเหตุผลนั้นไม่ได้เป็นไปตามที่เขาพูด หากแต่เป็นเพราะตอนที่ดาบได้ปรากฏขึ้นบนเวที แว่นตาวิเคราะห์คุณภาพต่ำของเขาก็ได้มีปฏิกิริตอบสนองเกิดขึ้น


สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะแว่นตาวิเคราะห์ได้ตรวจจับดาบของแม่ทัพหลี่ซือเย่แห่งราชวงศ์ถัง นอกจากนี้มันยังมีชื่อเรียกว่า ‘ป่ายผี’


ถึงเฉินหลงจะไม่รู้ว่าหลี่ซือเย่คือใครหรือเคยได้ยินชื่อ ‘ป่ายผี’ มาก่อน แต่ดาบที่ใช้ชื่อนี้ก็คงอยู่ไม่ไกลเอื้อม เพราะฉะนั้นเฉินหลงก็จะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป


หลังจากนั้นก็มีชุดเกราะของแม่ทัพ


“คงไม่ได้ไปขโมยมาจากหลุมฝังศพของท่านแม่ทัพจริงๆใช่ไหม” เฉินหลงจงใจพูดมันออกมาหลังจากที่ได้เห็นชุดเกราะ


เฉินหลงค่อนข้างมั่นใจว่าดาบโม่แห่งราชวงศ์ถังเล่มนี้จะต้องถูกขุดขึ้นมาจากหลุมฝังศพของแม่ทัพหลี่ซื่อเย่


"อาจจะเป็นไปได้นะ" ฮ่าวฉางชิงพยักหน้าหนึ่งครั้ง


หลังจากการประมูล ชุดเกราะนี้ก็ถูกเฉียนซานเจียช่วงชิงไปได้


หลังจากนั้น เขาก็ได้ประมูลยันห์แปดเหลี่ยม รูปปั้นสิบสองนักษัตรและอื่นๆอีกมากมาย ของทุกชนิดต่างมีราคาดี


ถึงอย่างนั้นเฉินหลงกลับไม่รู้ว่ามันเป็นของแท้หรือของปลอม


แม้แว่นตาวิเคราะห์คุณภาพต่ำจะมีราคาถูกมาก และเฉินหลงเองก็สามารถใช้คะแนนแลกเปลี่ยนซื้อมันได้หลายอัน แต่เขากลับไม่ต้องการเสียโอกาสในการใช้งานมันไปสักครั้งเดียว


"ทุกท่านโปรดทราบว่าของชิ้นสุดท้ายของการประมูลครั้งนี้ที่กำลังจะปรากฏขึ้น ไม่ได้มีเพียงแค่ชิ้นเดียว แต่มีมากถึงสามชิ้น ตามความต้องการของผู้เป็นเจ้าของมัน ของทั้งสามชิ้นนี้จะถูกประมูลออกไปพร้อมกันในคราเดียว ของชิ้นแรกในที่นี้คือ ไม้กฤษณาพันปี มีความยาวสามเมตรและเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งเมตร ของชิ้นต่อไปคือ กล่องหยกที่มีลูกไขผึ้งอยู่ข้างในนั้น ส่วนของชิ้นสุดท้ายคือตำราฉินที่แกะสลักบนแผ่นทองคำ ซึ่งอาจอาจจะสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิเสวียนจงแห่งราชวงศ์ถัง ที่ได้หายสาบสูญไปหลายพันปีแล้วครับ หนี่ซ่างหยู่อี้ชวี่’ " หลิวเฉิงหมิงกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น


ในฐานะผู้จัดประมูล ความรักของหลิวเฉิงหมิงที่มีต่อวัตถุบราณได้เอ่อล้นมาจากใจของเขา คราวนี้เขารู้ตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นเพลงหนี่ซ่างหยู่อี้ชวี่ ที่ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง


ในตอนนี้ สาวสวยในขุดกี่เพ้าสองคนเดินออกมาพร้อมกับรถเข็น ในรถเข็นนั้นมีสิ่งของสามชิ้นตามที่หลิวเฉิงหมิงได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้


เมื่อทุกคนได้ฟังคำกล่าวของหลิวเฉิงหมิง พวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าของชิ้นสุดท้ายนี้คืออะไรจนพวกเขาได้เข้าร่วมการประมูล นับว่ามันเป็นของที่ล้ำค่ามาก ในตอนนี้พวกเขาได้ยินว่ามันยังเป็นสมบัติที่หายสาบสูญไปนานนับพันปี พวกเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันช่างคุ้มค่า ถึงเขาจะไม่ได้เห็นมันกับตาแต่เขากลับมีความสุข เมื่อเขาได้เห็นของทั้งสามชิ้นปรากฏขึ้นและได้มองไปที่เหล่าแขกที่กำลังแสดงความตื่นเต้นออกมาที่ละคน


เมื่อของทั้งสามชิ้นปรากฏขึ้น ทันใดนั้นแว่นตาวิเคราะห์คุณภาพต่ำของเฉินหลงก็เกิดปฏิกิริยาขึ้นสองครั้งในทันที และของทั้งสองสิ่งนั้นก็คือไม้กฤษณาอายุหนึ่งพันปีกับกล่องหยกที่มียาไขผึ้งอยู่ข้างใน


"ในตอนนี้ของทั้งสองชิ้นที่ยังไม่ได้รับการระบุนั้นต้องเป็นของแท้แน่ๆ" แต่เฉินหลงกลับไม่ได้ระบุมันในทันทีที่ได้เห็น


ในเวลาเดียวกันนั้น เฉินหลงก็หันไปมองซ่งหยู่


ในฐานะหนึ่งในสี่ตระกูลที่สูงส่งแห่งเมืองหลวง คนในตระกูลซ่งที่คาดไม่ถึงว่าจะเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ จะต้องมีแผนการอะไรบางอย่างอยู่แน่นอน


และก็เป็นตามคาด เมื่อเฉินหลงมองไปทางซ่งหยู่ เขาพบว่าสีหน้าของซ่งหยู่ดูตกใจมากและมันแสดงออกถึงความปรารถนาอันแรงกล้าของอีกฝ่ายเช่นกัน


ในมุมมองของซ่งหยู่ เฉินหลงพบว่าอีกฝ่ายพุ่งความสนใจไปที่กล่องหยกที่มีลูกไขผึ้งอยู่ข้างใน


“เสี่ยวเฉิน ตอนนี้เรามาถูกที่แล้ว ฉันไม่คิดเลยว่านั่นว่าจะเป็นเพลงหนี่ซ่างหยู่อี้ชวี่ ที่หายสาบสูญไปนับพันปี คราวนี้มันอาจจะเป็นราคาที่สุดยอดจริงๆ” ใบหน้าของฮ่าวฉางชิงเปล่งประกายขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม หลังจากที่เขาได้ฟังคำอธิบาย


"ครับ" แต่เฉินหลงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกับฮ่าวฉางชิง


เพราะหลังจากนั้น แว่นตาวิเคราะห์ไม่ได้เกิดปฏิกิริยาใดๆ และที่มากกว่านั้นคือเฉินหลงไม่ได้รู้สึกกับโน๊ตเพลง แม้ว่ามันจะเป็นเพลงหนี่ซ่างหยู่อี้ชวี่ ที่หายสาบสูญไปนานนับพันปีก็ตาม เฉินหลงก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับมันเลยสักนิด


"ผมมั่นใจว่าทุกท่านคงรู้จักไม้กฤษณาพันปีกันดีอยู่แล้ว ดังนั้นผมจะไม่กล่าวอะไรให้มากความ แต่สำหรับกล่องหยกและลูกไขผึ้งที่อยู่ข้างในนั้นยังไม่ได้ถูกเปิดออกมาตั้งแต่ที่มันถูกค้นพบ นอกจากนี้ความโปร่งใสของกล่องหยกใบนี้มีค่าสูงมาก ทำให้ทุกท่านสามารถเห็นลูกไขผึ้งที่อยู่ข้างในได้อย่างชัดเจน และที่มากไปกว่านั้นคือกล่องหยกใบนี้ดูเหมือนจะสามารถปรับสภาพอากาศได้เหมือนกับตู้เย็น ในตอนแรกที่ผมได้เห็นมัน มันทั้งให้ความรู้สึกเย็นและวิเศษสุดๆไปเลยครับ"


"เพลงหนี่ซ่างหยู่อี้ชวี่ ท่อนสุดท้ายซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกของทำนองเพลงและการเต้นรำแห่งราชวงศ์ถัง แต่งโดยจักรพรรดิเสวียนจงแห่งราชวงศ์ถัง เมื่อเขาได้ไปขึ้นเสาสามหมู่บ้านในลั่วหยาง และได้ชมภูเขาแห่งธิดา มันถูกใช้สำหรับการแสดงครั้นที่เขาได้เคารพเล่าจื๊อที่วัดเทียนชิง จนถึงตอนนี้ มันก็ยังคงเลอค่าและเป็นดั่งไข่มุกที่ส่องประกายในประวัติศาสตร์ของดนตรีและการเต้นรำ แต่มันได้หายสาบสูญไปหลังจากการก่อกบฎของพวกซื่อ ในราชวงศ์ถังทางใต้ หลี่หยู่และราชวงศ์โจวผนึกกำลังเกือบจะทั้งหมด แต่เมื่อเมืองจินหลิงได้ล่มสลาย หลี่หยู่รับสั่งให้นำไปเผาทิ้งจนไม่เหลือซาก ในราชวงศ์ซ่งทางใต้ เจียงกุยพบทำนองเพลง 18 แผ่นของเพลงหนี่ซ่างในทำนองเพลงเชิงพาณิชย์ ซึ่งยังคงเก็บรักษาไว้ในบทเพลงแห่งเต๋า ป่ายซื่อ ของเขานั่นเอง


"ปัจจุบัน" หนี่ซ่างหยู่อี้ชวี่ " ประกอบด้วยชิ้นส่วนของเพลงตุนหวงแห่งราชวงศ์ถัง ถูกเก็บรักษาไว้ในถ้ำพระสูตรตุนหวงและเพลงพิณแห่งประเทศเกาะที่มีเพลงพิณแห่งราชวงศ์ถัง และท่อนแรกของ "บทนำกลาง" ของเพลงพื้นบ้านแห่งราชวงศ์ถังที่เลื่องชื่อ "หนี่ซ่างหยู่อี้ชวี่" ที่ถูกพบโดย เจียงกุย กวีแห่งราชวงศ์ซ่ง นอกจากนี้เรายังได้เปรียบเทียบมันแล้ว ดังนั้นเราจึงมั่นใจได้ว่าทำนองที่สลักไว้บนแผ่นทองคำนี้อาจจะเป็นเพลงหนี่ซ่างหยู่อี้ชวี่ ก็เป็นได้ครับ"


"สำหรับชิ้นแรกจากทั้งสามชิ้น ราคาเริ่มต้นของชิ้นแรกคือสามล้านหยวน และการเสนอราคาในแต่ละครั้งต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งแสนหยวน ถัดไปราคาเริ่มต้นของกล่องหยกที่มีเม็ดยาไขผึ้งคือห้าสิบล้านหยวน และการเสนอราคาในแต่ละครั้งต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านหยวน และสำหรับของชิ้นสุดท้ายนี้ ‘เพลงหนี่ซ่างหยู่อี้ชวี่ ’ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งร้อยล้านหยวน และการเสนอราคาในแต่ละครั้งต้องไม่น้อยกว่าสิบล้านหยวนครับ" หลิวเฉิงหมิงรู้สึกตื่นเต้น


หลังจากหลิวเฉิงหมิงพูดจบ ผู้คนมากมายได้ขึ้นไปชมสิ่งของทั้งสามรายการ


ในเวลาเดียวกัน เฉินหลงใช้โอกาสนี้ในการระบุสิ่งของทั้งสองชิ้น


"เจี้ยวเว่ย หนึ่งในสี่กู่ฉินที่มีชื่อเสียงในสมัยโบราณแห่งราชวงศ์สวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ ผู้สร้างซัวหยงแห่งราชวงศ์ฮั่นทางตะวันออก เป็นสมบัติที่หายากมาก"


"กล่องเก็บรักษาขนาดเล็กสามารถเก็บสิ่งของชิ้นเล็กๆได้เป็นเวลานาน ดังนั้นผลที่ได้คือสิ่งของข้างในจะไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา ยาเพิ่มพลังสำหรับยีนด้อยที่อยู่ข้างในนี้สามารถเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้ได้ และคนทั่วไปก็สามารถใช้ยานี้ได้เช่นกัน และความแข็งแรงของเขาจะเพิ่มขึ้นถึงห้าเท่าได้ในทันที"


"น่าแปลกจริงๆที่มีกู่ฉินอยู่ในไม้ ยาเพิ่มพลังสำหรับยีนด้อยในกล่องหยก และของพวกนี้ยังมาจากหลุมศพโบราณอีก นอกจากนี้ดูเหมือนว่ายาเพิ่มพลังสำหรับยีนด้อยในกล่องหยกใบนี้จะไม่เหมือนสิ่งของที่หาได้ในโลกใบนี้ หรือว่าแม่ทัพหลี่ซื่อเย่จะได้เจอกับพวกเอเลี่ยน? เห็นได้ชัดว่าซ่งหยู่มาที่นี่ก็เพื่อยาเพิ่มพลังสำหรับยีนด้อย หรือว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่ายาไขผึ้งในกล่องนี้เป็นยาเพิ่มพลัง?" หลังจากได้ระบุสิ่งของทั้งสองชิ้นแล้ว เฉินหลงจึงได้พิจารณาอะไรบางอย่าง


"เสี่ยวเฉิน กลับไปนั่งที่เดิมกันเถอะ" เมื่อเห็นท่าทางของเฉินหลง ฮ่าวคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสมบัติที่หายสาบสูญไปเป็นพันๆปี ดังนั้นเขาจึงพาเฉินหลงเดินกลับไปนั่งประจำที่


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น