TB:บทที่ 46 ผู้มีชัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
หลังจากเฉินหลงกลับมานั่งประจำที่ พวกเขาก็เริ่มเสนอราคา
แขกส่วนใหญ่ต่างพากันเสนอราคาแผ่นทองคำที่แกะสลักทำนองเพลงเอาไว้ ไม่นานนัก ราคาของมันก็พุ่งสูงไปถึงสองร้อยล้านหยวนแล้ว
คุณควรเข้าใจว่าทำนองพิณ "เพลงหนี่ซ่างหยู่อี้ชวี่ " เป็นของชิ้นเดียวที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ ถ้าคุณได้ครอบครองมันแล้ว มันจะต้องเป็นที่โด่งดังในวงการนักสะสมอย่างแน่นอน
น้อยคนนักที่จะสนใจของอีกสองชิ้น แต่ในเวลาเดียวกัน ราคาของมันไม่ได้โหดร้ายเท่ากับทำนองเพลง แต่ถึงอย่างนั้นก็มีราคาที่สูงถึงสี่ล้านสามแสนหยวนและแปดสิบล้านหยวนตามลำดับ
"สี่ล้านห้าแสนหยวน" เฉินหลงเสนอราคาอีกครั้ง
"เสี่ยวเฉิน นี่เธอสนใจไม้กฤษณาเหรอ?" ฮ่าวถามขึ้น เมื่อเขาได้ยินเฉินหลงเสนอราคาออกมา
"ไม้กฤษณาพันปี แค่ได้ยินชื่อก็ทำให้คนอื่นตกใจแล้วละครับ" เฉินหลงได้ให้เหตุผลดีๆ ที่ทำให้ฮ่าวฉางชิงพูดไม่ออกอีกครั้ง
"ไม้บางส่วนก็เริ่มผุเป็นโพรงแล้ว มูลค่าของมันน่าจะอยู่ราวๆห้าล้านหยวน แต่ไม่ว่าราคาของมันจะสูงขนาดไหน แต่มันกลับไม่มีค่าเลย" ฮ่าวฉางชิงกล่าวเตือนเฉินหลงอีกครั้ง เขาเกรงว่าอีกฝ่ายไม่รู้ราคาและจะใช้เงินมากเกินความจำเป็น
"ผมรู้ครับ ถ้าราคามันสูงเกินไปจริงๆ ผมก็จะยอมแพ้ครับ" ถึงเฉินหลงจะกล่าวออกมาเช่นนี้ แต่เขากลับมั่นใจว่าเขาจะได้ไม้กฏษณาที่มีกู่ฉินซ่อนอยู่ในเนื้อไม้แน่นอน
มูลค่าของทำนองเพลงที่หายไปในตอนนี้สูงกว่าสองร้อยล้านหยวนแล้ว ราคาของเจี้ยวเว่ยฉินจะต้องสูงขนาดไหนกัน หนึ่งในสี่กู่ฉินโบราณแห่งราชวงศ์แห่งสวรรค์ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเครื่องดนตรีที่ยังคงมีราคาถูก ถ้าได้ประมูลมันไว้แล้ว จะต้องได้รับสุดยอดข้อมูลลับอย่างแน่นอน
และการแข่งขันเพื่อแย่งชิงกล่องหยกที่มียาไขผึ้งอยู่ข้างในในตอนนี้นั้นดุเดือดมาก เพราะในศึกนี้เหลือผู้ท้าชิงอยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้น นั่นก็คือซ่งหยู่และเฉียนซานเจียเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน เฉียนซานเจียยังคงประมูลทำนองเพลงอยู่เช่นกัน นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่รวยมากจริงๆ
“ เฉียนซานเจีย คุณอย่าหวังสูงไปหน่อยเลย ถ้าคุณยอมแพ้กับของชิ้นนี้ ผมก็จะไม่แข่งประมูลทำนองเพลงกับคุณอีก แต่ถ้าคุณไม่เห็นด้วย ผมก็จะแข่งกับคุณจนจบเลย ดีไหม” เนื่องจากเฉียนซานเจียเสนอราคาของยาไขผึ้งในกล่องหยกจนมีราคาสูงถึงหนึ่งร้อยล้านหยวน ด้วยเหตุนี้ซ่งหยู่ไม่สามารถทำตัวใจเย็นได้อีกต่อไป
"โทษที เผอิญว่าฉันไม่เห็นชอบกับข้อเสนอของนายเท่าไหร่ การประมูลคือการช่วงชิง ถ้านายอยากจะแข่งประมูลทำนองเพลงกับฉันล่ะก็ เอาสิ ฉันยินดี มิหนำซ้ำ ฉันยังรู้สึกตื่นเต้นอีกต่างหาก" เฉียนซานเจียพูดด้วยรอยยิ้ม
ในสายตาของเขา เงินก็แค่กระดาษแผ่นหนึ่ง ไม่ได้มีค่ามากไปกว่านั้น ในเมื่อนั่นเป็นสิ่งที่เขาสนใจ เพื่อให้ได้มันมาครอบครองแล้ว เขาก็ไม่สนว่าต้องใช้เงินมากมายขนาดไหนเพื่อแลกกับมัน
"หึ ถ้าอย่างนั้นก็มาดูกัน" ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมใส่น้ำมันหรือเติมเกลือ* ในตอนนี้ เงินก็คงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ซ่งหยู่จึงทำได้เพียงแค่แข่งกับอีกฝ่ายเท่านั้น
"หนึ่งร้อยยี่สิบล้านกับสามร้อยล้าน"
"หนึ่งร้อยสามสิบล้านกับสามร้อยสิบล้าน"
......
การประมูลยังคงดำเนินต่อไป แต่กลับเหลือเพียงแค่ซ่งหยู่และเฉียนซานเจียเท่านั้นที่ยังคงแข่งขันกันอยู่ ส่วนคนอื่นที่ถอนตัวออกจากการแข่งขันในครั้งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กำลังรับชมการแข่งของทั้งคู่อยู่
เฉินหลงประมูลมันมาในราคาสี่ล้านเก้าแสนหยวน
เมื่อไม่มีใครเสนอราคาแข่งกับเฉินหลงแล้ว เฉินหลงที่รู้สึกอึดอัดใจอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดก็รู้สึกโล่งอก
"สองร้อยห้าสิบล้านกับห้าร้อยล้านหยวน" เฉียนซานเจียกล่าวด้วยน้ำเสียงใจเย็น
เฉียนซานเจียมีทรัพย์สินมากถึงหมื่นล้านหยวน ถึงเขาจะใช้เงินไปหลายพันล้านหยวนก็ยังไร้ค่าสำหรับเขา
"ผมจะยอมแพ้และไม่ประมูลทำนองเพลงต่อแล้ว และผมจะให้เงินคุณสามร้อยล้านหยวนแลกกับกล่องหยกที่มียาไขผึ้ง ผมจะบอกอะไรให้นะ เฉียนซานเจีย ไม่ว่ายังไง ผมก็จะต้องได้ครอบครองของชิ้นนี้" ซ่งหยู่หันไปพูดกับเฉียนซานเจียด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ถึงตระกูลของซ่งหยู่จะเป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในเมือง ที่มีทั้งเงินและอำนาจ แต่ซ่งหยู่กลับมีเงินไม่มากพอที่จะมาแข่งกับเฉียนซานเจียได้ ในครั้งนี้ เขามาเข้าร่วมการประมูลของลั่วฮุ่ย เนื่องจากว่าเขาได้รับข้อความข้อความหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้ว่าการประมูลของลั่วฮุ่ยในครั้งนี้ มียาชนิดหนึ่งที่หลังจากใช้มันแล้วจะทำให้ร่างกายแข็งแกร่งได้
ดังนั้นซ่งหยู่จึงมาที่นี่คนเดียวโดยไม่ได้บอกคนในครอบครัวได้รับรู้
คิดไม่ถึงว่า เขาจะได้พบกับชายคนนี้ คนที่ไม่ได้ใช้เงินในฐานะเงินและกำลังปล้นเงินจากเขาเสียด้วย ถ้าเขาได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวแล้วล่ะก็ ซ่งหยู่ก็คงจะไม่รู้สึกเคร่งเครียดในเรื่องของการใช้เงินแข่งกับชายอ้วนคนนี้มากขนาดนี้ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้เงินที่มีอยู่แข่งกับคนที่มีเงินเยอะขนาดนี้ได้ เขาจะต้องใช้การช่วยเหลือจากตระกูลซ่งในการแข่งขันครั้งนี้เท่านั้น
"อืม คนอย่างฉันจะต้องไม่พลาดของดี" เฉียนซานเจียไม่ต้องการแสดงจุดอ่อนออกมาให้ใครได้รู้
ในที่สุด เฉียนซานเจียได้เสนอราคาที่สูงถึงห้าร้อยล้านหยวน และได้กล่องหยกและยาไขผึ้งไป นั่นเป็นเพราะกำลังทรัพย์ของเขานั้นมั่นคงมาก
กล่องหยกและยาไขผึ้งถูกเฉียนซานเจียประมูลไป ทำให้ซ่งหยู่รู้สึกโกรธแค้นอีกฝ่ายมาก จนเขาเดินออกไปจากการประมูลโดยที่เขาไม่ได้บอกกับลั่วฮุ่ยเลยสักคำ
‘หลานชายแห่งตระกูลซ่งคนนี้ช่างหยาบคายจริงๆ’ เมื่อเห็นว่าซ่งหยู่ลุกออกไปแล้ว ลั่วฮุ่ยได้พูดออกมาในใจ
"ขอแสดงความยินดีกับคุณฉียนด้วยครับ คุณได้รับทำนองเพลงและกล่องหยกไปครับ การประมูลในครั้งนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว เชิญคุณไปชำระเงินและรับของที่ได้ประมูลไว้กับเจ้าหน้าที่หลิวได้เลยครับ" หลิวเฉิงหมิงกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น เพราะของรายการสุดท้ายทั้งสองชิ้นนี้มีมูลค่าสูงถึงหนึ่งพันล้านหยวน
จากนั้นพวกเขาก็ไปชำระเงินกับเจ้าหน้าที่หลิว
ในตอนนี้ฮ่าวฉางชิงยังคงประมูลได้สิ่งของชิ้นเล็กๆสองชิ้นที่มีมูลค่าประมาณเจ็ดล้านหยวน
หลังจากชำระเงินเสร็จเรียบร้อย วัตถุที่ดูเหมือนกับไม้ผุและแผ่นเหล็กที่มีตำหนิได้ตกเป็นของเฉินหลงโดยสมบูรณ์
"ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี การประมูลในวันนี้ได้จบลงแล้ว ผมหวังว่าทุกท่านจะพักอยู่ที่นี่อีกคืน เนื่องจากว่าผมได้เตรียมดินเนอร์สุดหรูไว้ให้ทุกท่านเรียบร้อยแล้วครับ ในตอนนี้หากท่านใดต้องการกลับไปก่อน ผมจะจัดคนเพื่อไปส่งคุณที่โรงแรมที่ใกล้สนามบินที่สุดให้ครับ" หลังจากที่ทุกคนชำระเงินแล้ว ลั่วฮุ่ยจึงกล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“พี่สี่ ผมจะไม่พลาดการต้อนรับดีๆแบบนี้แน่นอนครับ” เฉินหลงเป็นคนแรกที่เห็นพ้องกับอีกฝ่าย
"ขอบใจนายมาก"
......
เดิมที แขกบางคนที่ตั้งใจจะขอตัวกลับ แต่พอได้ยินคำพูดของเฉินหลงเข้า พวกเขากลับรู้สึกละอายขึ้นมาที่จะจากไปทั้งอย่างนั้น
"เอาล่ะ นายควรจะกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนเถอะ แล้วฉันจะส่งคนไปส่งของที่นายได้ประมูลไว้ถึงห้องพักของนายเลย" ลั่วฮุ่ยคิดว่าเฉินหลงคงจะทำอะไรตามอำเภอใจตัวเองจริงๆ
เพราะถ้าแขกบางคนต้องการกลับไปก่อนจริงๆ งานเลี้ยงที่เขาได้เตรียมไว้จะต้องหมดสนุกแน่ๆ
เมื่อเฉินหลงและเพื่อนของเขากลับไปยังห้องพัก ลั่วฮุ่ยก็ส่งคนไปส่งของที่พวกเขาได้ประมูลไว้ถึงที่
"เสี่ยวเฉิน นายรู้สึกขาดทุนบ้างไหมที่ประมูลของทั้งสองชิ้นนี้มาในราคาที่สูงกว่าห้าล้านหยวน?" ฮ่าวฉางชิงมองไปที่เศษไม้และแท่งเหล็กที่เฉินหลงได้ประมูลมาในวันนี้ เขาไม่คิดว่ามันจะคุ้มค่ากับจำนวนเงินที่อีกฝ่ายเสียไปเลยสักนิด
"หืม ลุงฮ่าว ลุงคิดว่าผมเป็นคนที่ใช้เงินสิ้นเปลืองจริงๆเหรอครับ? " บนในหน้าของเฉินหลงมีรอยยิ้มประดับอยู่
"นี่นายยังหาเงินจากมันได้อีกเหรอ?" เศษไม้ผุเป็นโพนงกับแผ่นเหล็กขึ้นสนิม คงไม่มีใครอยากส่งมันไปขายที่ร้านขายเศษเหล็กหรอกมั้ง ฮ่าวฉางชิงไม่คิดว่าเฉินหลงจะสามารถทำเงินจากมันได้จริงๆ
"ลุงฮ่าว ผมขอถามอะไรหน่อยสิ ลุงเคยได้ยินชื่อหลี่ซื่อเย่มาก่อนไหมครับ? " เฉินหลงถาม
"หลี่ซื่อเย่? หรือว่านายกำลังหมายถึงแม่ทัพที่มีชื่อเสียงแห่งราชวงศ์ถัง สูงเจ็ดฟุต มีความแข็งแกร่งทางกายภาพ อีกทั้งยังสามารถใช้วิชาดาบได้สุดยอดมากอีกด้วย หลี่ซื่อเย่ผู้ไร้เทียมทานคนนั้นน่ะรึ?" ฮ่าวฉางชิงนึกสงสัย
"ไม่ผิด!" เฉินหลงขอนับถือในความรอบรู้ของฮ่าวฉางชิง
"เอ๊ะ เสี่ยวเฉิน ที่นายกล่าวถึงหลี่ซื่อเย่แบบนี้คือ? อย่าบอกนะว่าแผ่นเหล็กที่มีสนิมเกาะนี้จะเป็นของหลี่ซื่อเย่คนนั้น?" ฮ่าวฉางชิงรู้สึกแปลกใจกับคำพูดของเฉินหลง
"ลุงฮ่าว ลุงนี่เก่งจริงๆ ลุงเดาถูกด้วย ผมนี่นับถือลุงเลย" เฉินหลงพูดด้วยรอยยิ้ม
"นายพูดอย่างนี้แสดงว่า... เดี๋ยวก่อน! ไหนหลักฐานล่ะ!?" ฮ่าวฉางชิงกลับไม่เชื่อเฉินหลง
"ลุงฮ่าวครับ ถ้าดาบโม่เป็นดาบธรรมดาจริงๆแล้ว มันจะไปมีลายสลักบนใบมีดได้ยังไงกันละครับ!" เฉินหลงกล่าวเสียงเรียบ
ฮ่าวฉางชิงไม่ได้ตอบอะไร เขาทำเพียงแค่พยักหน้าตอบเท่านั้น
*ไม่ยอมใส่น้ำมันหรือเติมเกลือ หมายความว่า คนที่ไม่ยอมฟังคำพูดของคนอื่น
0 ความคิดเห็น