TB:บทที่ 44 ดาบโม่
"ก็ตามที่ลุงบอกอ่ะ ผมมั่นใจว่ามันเป็นของปลอมแน่ๆ ชามลายไก่ของจักรพรรดิเฉิงฮว่าถูกสร้างขึ้นมามีมูลค่าสูงถึงสองร้อยแปดสิบล้านหยวน แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงที่จะเอาชามลายไก่ของหย่งเจิ้งมาขายในราคาเพียงสิบล้านหยวน? แถมราคาเริ่มต้นก็แค่หนึ่งล้านหยวนเองด้วย มันดูน้อยเกินไป ผมว่ามันต้องเป็นของปลอมแน่ๆครับ" เฉินหลงกล่าวออกมาชัดเจนทุกถ้อยคำ
"โอเค ฉันผิดเอง ฉันผิดเอง" เมื่อได้ยินเฉินหลงสรุปว่าของสิ่งนี้เป็นของปลอมจริงๆเนื่องจากราคาที่ต่ำเกินไปของมัน ฮ่าวฉางชิงรู้สึกเถียงไม่ออก
"สามล้านสองแสน"
ในตอนที่เฉินหลงกำลังพูดคุยอยู่กับเพื่อนของเขา ราคาในการประมูลครั้งนี้ก็ได้พุ่งไปถึงสามล้านสองแสนหยวนเสียแล้ว
"ฮ่าฮ่า ไอ้พวกบ้า!" เฉินหลงหัวเราะออกมาสองที
ไม่นานนัก จากการเสนอราคาของซ่งหยู่ ทำให้ราคาได้พุ่งไปถึงหกล้วนหยวนเป็นที่เรียบร้อย
ทันทีที่ซ่งหยู่เสนอราคาหกล้านหยวนออกมา ดูเหมือนว่าคนอื่นๆเริ่มรู้สึกลังเลที่จะเสนอราคาต่อ
"ของดีแบบนี้มีมูลค่าแค่หกล้านหยวนเองเหรอ ไม่ใช่ว่าแปดล้านหยวนรึไง?" ในเวลาเดียวกัน เฉินหลงก็ได้ถามถึงมูลค่าของมันในทันที
ฮ่าวฉางชิงมองไปที่เฉินหลงแต่เขากลับไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาคิดว่าเฉินหลงน่าจะกำลังแก้แค้นซ่งหยู่และเขาก็กำลังขุดหลุมฝังอีกฝ่ายอยู่แน่นอน
"ใช่ ก็แค่แปดล้านหยวน งั้นราคานี้สำหรับไอ้ซาลาเปาบ้านๆก็แล้วกัน ผมขอเสนอราคาสิบล้านหยวน" ซ่งหยู่ที่รู้สึกไม่พอใจในตัวเฉินหลงขึ้นมา แน่นอนว่าเขาจะไม่ทำให้อีกฝ่ายผิดหวังเด็ดขาด
"เหอะ ราคาที่นายเสนอมามันมากกว่าที่ฉันเสนอแค่สองล้านหยวนเอง ฉันว่านายเรียกฉันว่า ‘ซาลาเปาสะท้านภพ’ จะดีกว่านะ ฉันขอเสนอราคาสิบห้าล้านหยวน" เฉินหลงเพิ่มเงินจำนวนห้าล้านหยวนเข้าไป
ถึงของชิ้นนี้จะเป็นของปลอม แต่เฉินหลงกลับเชื่อสนิทใจว่าซ่งหยู่นั้นเป็นคนซื่อบื้อคนหนึ่ง หมอนี่จะต้องเสนอราคาต่อจากเขาแน่นอน
และมันก็เป็นไปตามคาด ซ่งหยู่ที่ถูกเฉินหลงยุยง ทำให้เขาเสนอราคาที่สูงที่สุดออกมา "ยี่สิบห้าล้านหยวน!"
ทันทีที่เขาเสนอราคาออกมา ซ่งหยู่กลับรู้สึกเสียใจกับการกระทำนี้ นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าชามลายไก่หย่งเจิ้งมีมูลค่าสูงที่สุดอยู่ที่สิบห้าล้านหยวนในการประมูลธรรมดาเท่านั้น
แต่เพราะในตอนนั้น เขาก็แค่อยากเอาชนะราคาที่เฉินหลงได้เสนอเท่านั้น ในเมื่อเขาได้ยินเฉินหลงเพิ่มเงินอีกห้าล้านหยวน เขาก็จะเพิ่มเงินถึงสิบล้านหยวนในทันที
"ตอนนี้ ราคาสูงสุดอยู่ที่ยี่สิบห้าล้านหยวนแล้วนะครับ ยี่สิบห้าล้านหยวนครั้งที่หนึ่ง ยี่สิบห้าล้านหยวนครั้งที่สอง ยี่สิบห้าล้านหยวนครั้งสุดท้าย!" หลิวเฉิงหมิงส่งเสียงดังขึ้นในทันที ราคานี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น ในฐานะผู้ประมูลที่ยอดเยี่ยม แน่นอนว่าเขารู้วิธีหาจังหวะที่เหมาะเจาะ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะหยุดมันไว้ในเวลาที่สำคัญที่สุด
หลังจากหลิวเฉิงหมิงเงียบไป ซ่งหยู่ที่กำลังเสียใจกลับคาดหวังว่าเฉินหลงจะเสนอราคาใหม่ และซ่งหยู่เองก็ตั้งใจทำท่าทางยุยงเฉินหลงอยู่เช่นกัน
"ในเมื่อนายชอบมันมาก ฉันก็จะยกให้นายเยอะๆ" เพราะเฉินหลงรู้ว่ามันเป็นของปลอม แน่นอนว่าเขาจะไม่เสนอราคาเพิ่มอีก สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าเขาไม่ใช่คนโอหัง
ทันทีที่ได้เห็นรอยยิ้มของเฉินหลง ซ่งหยู่ได้ระเบิดความโกรธออกมา
"ยี่สิบห้าล้านครั้งที่สาม ขอแสดงความยินดีกับคุณซ่งที่ได้รับชาวลายไก่หย่งเจิ้งด้วยนะครับ" หลิวเฉียงหมิงรู้ว่าไม่มีใครเสนอราคาต่อ จากนั้นเขาก็ใช้ค้อนเล็กทุบโต๊ะให้กับซ่งหยู่
ซ่งหยู่ทำได้เพียงแค่ปั้นยิ้มสุดความสามารถเพื่อรักษามารยาทไว้
เพราะในตอนนี้มีใครบางคนทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้ซ่งหยู่นั่นเอง
"ทุกคนบอกว่าฉันเป็นคนร้ายกาจ แต่ไม่ใช่ฉันคนเดียวสักหน่อย หึ" เฉียนซานเจียหันไปมองซ่งหยู่พร้อมส่งยิ้ม
คำพูดของเฉียนซานเจียประกอบกับรอยยิ้มนั่น ทำให้ซ่งหยู่ไม่สามารถปั้นหน้าได้อีกต่อไป
"ยินดีด้วยนะ! แต่วันนี้มีของปลอมเยอะ ถ้านายกลับบ้านไปแล้วก็ลองตรวจสอบมันดีๆล่ะ!" เฉินหลงพูดเสริมอีกประโยค
ซ่งหยู่ที่มีสีหน้าเย็นชาไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก
หลังจากได้ยินถ้อยคำของเฉินหลงแล้ว ลั่วฮุ่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ หันไปมองเฉินหลงด้วยความระมัดระวัง
เพราะเขาคิดว่าเฉินหลงอาจจะรู้ว่าชามลายไก่หย่งเจิ้งที่เขาตั้งใจนำมาร่วมการประมูลนั้นเป็นของปลอม
และเฉียนซานเจียก็หันไปมองเฉินหลงเช่นกัน ในตอนที่คนอื่นๆเสนอราคาออกมา เฉียนซานเจียไม่ได้เสนอราคาอออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจชามลายไก่ของหย่งเจิ้งเลยสักนิด
เหตุผลง่ายๆก็คือเขาเห็นว่าฮ่าวฉางชิงดูไม่มั่นใจในชามใบนี้ดังนั้นเขาจึงขอไม่เสนอราคาดีกว่า
"คุณเฉิน การประมูลของเรานั้นเปิดโอกาสให้แขกทุกคนได้ตรวจดูมันกับตา และถ้าสิ่งที่พวกเขาได้ประมูลไปเป็นของปลอม นั่นคงเป็นเพราะเขาคนนั้นโชคร้ายแล้วจริงๆ" หลิวเฉิงหมิงกล่าวเตือนเฉินหลง
"ผมเข้าใจครับ ผมแค่อยากจะเตือนเขาเท่านั้น" เฉินหลงยิ้ม
การประมูลได้ดำเนินต่อไป
แต่เฉินหลงกลับไม่สนใจในสิ่งของที่นำมาประมูลเลย ไม่ว่ามันจะเป็นของแท้หรือหรือปลอม ตราบใดที่แว่นตาวิเคราะห์คุณภาพต่ำยังไม่เกิดปฏิกิริยา เฉินหลงก็ไม่สนมันทั้งนั้น
นอกจากนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหลอกซ่งหยู่อีกหลังจากที่ฝ่ายนั้นขาดทุนไป เพราะสุดท้ายแล้วซ่งหยู่ก็ไม่ใช่คนโง่อยู่ดี
ในไม่ช้า กระประมูลรอบเช้าได้ผ่านไปด้วยความรวดเร็ว แต่เหลยหยงกลับกล่าวออกมาว่าโบราณวัตถุสมัยราชวงศ์ถังนั้นยังไม่ได้ปรากฏขึ้น
"ตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว ในเวลาสองชั่วโมงนี้เชิญแขกทุกท่านพักทานอาหารและพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย และในช่วงบ่าย เราจะเข้าสู่ช่วงสำคัญของการประมูลนี้ครับ" ตอนนี้ลั่วฮุ่ยก้าวขึ้นไปบนเวทีและกล่าวออกมา
หลังจากลั่วฮุ่ยกล่าวจบ แขกคนอื่นๆไม่ได้มีความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังจากรับประทานอาหารและพักผ่อนเป็นเวลาสองชั่วโมง การประมูลได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง
"สิ่งของชิ้นต่อไปที่จะนำมาประมูลในครั้งนี้คืออาวุธพกพาของแม่ทัพแห่งราชวงศ์ถัง ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนหยวน และการเสนอราคาในแต่ละครั้งจะต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นหยวนครับ" หลิวเฉิงหมิงเริ่มอธิบายสิ่งของชิ้นแรกที่ถูกขโมยไปจากหลุมศพแห่งราชวงศ์ถัง ‘ดาบโม่’
จากการอธิบายของหลิวเฉิงหมิง หญิงงามในชุดกี่เพ้าก้าวออกมาจากหลังเวทีพร้อมกับถือแท่งเหล็กยาวประมาณ 100 เซนติเมตรในมือ
ในตอนแรก เมื่อแขกได้ยินว่านั่นคือดาบคู่กายของแม่ทัพ ทุกคนต่างก็ให้ความสนใจกับมัน แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่ามันเป็นแค่เพียงเศษเหล็กแผ่นหนึ่ง พวกเขาต่างก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาในทันที
" ‘ดาบโม่’ เป็นดาบยาวที่ถูกครอบครองโดยแม่ทัพถัง มันได้รับการพัฒนามาจาก ‘ดาบสังหารม้า’ หรือ ‘ดาบเขียงม้า’* แห่งราชวงศ์ฮั่นทางฝั่งตะวันตก มันได้ซึมซับรูปร่างและวิธีการหลอมของดาบฮั่นลู่โม่และดาบยาวนานในยุคหกราชวงศ์ มีที่เฉพาะสำหรับการคัดเลือก การเก็บรักษาและการใช้งาน เนื่องจากว่ามันเป็นดาบที่แหลมคมมากและมีประสิทธิภาพในการฆ่าที่ยอดเยี่ยม ส่วนใหญ่เราจะใช้มันในการฆ่าทหารม้าของเหล่าศัตรูในสงคราม ประสิทธิภาพทางยุทธวิธีของมันนั้นเทียบเท่ากับรถถังในยุคปัจจุบันเนื่องจากพลังในการป้องกันที่สุดยอด ดาบเล่มนี้มีไว้สำหรับข้าราชการพลเรือน ทหารรบและทหารองครักษ์ชาวอี้ครับ" หลิวเฉิงหมิงเข้าใจว่าแขกทุกคนอาจจะรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังคงนำเสนอดาบโม่ต่อไป
หลังจากการแนะนำของหลิวเฉิงหมิงจบลง กลับไม่มีใครออกมาเชยชมมัน และในทำนองเดียวกันนั้นก็ไม่มีใครเสนอราคาออกมาเช่นกัน
"ลุงฮ่าว นั่นเป็นถึงดาบของราชวงศ์ถัง แต่ทำไมถึงไม่มีใครเสนอราคาเลยล่ะครับ?" เฉินหลงถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
"เพราะว่ามันยังมีดาบที่ยังไม่ถูกค้นพบอีกมากมาย มูลค่าของมันจึงไม่ได้สูงเสมอไป แต่ดาบเล่มนี้มีสนิมจับมากเกินไป พวกเขาจึงคิดว่ามันไม่มีค่าเลยละมั้ง" ฮ่าวอธิบาย
"แต่ถึงอย่างนั้น มันก็มาจากราชวงศ์ถัง มูลค่าของมันอยู่ที่หนึ่งแสนหยวนเท่านั้น ถ้าประมูลไปก็คงไม่ขาดทุนเท่าไหร่หรอกมั้ง" เมื่อเฉินหลงพูดจบ เขาก็ได้เสนอราคา
"หนึ่งแสนหยวน"
"ครับ คุณเฉินท่านนี้ได้เสนอราคาอยู่ที่หนึ่งแสนหยวน หนึ่งแสนหยวนครั้งที่หนึ่ง ท่านใดต้องการเสนอราคาที่มากกว่าหนึ่งแสนหยวนอีกไหมครับ หนึ่งแสนหยวนครั้งที่สอง หนึ่งแสนหยวนครั้งที่สาม..." ในตอนแรกหลิวเฉิงหมิงคิดว่ามันจะถูกปล่อยออกไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมีคนประมูลมันอีก และเขาคนนั้นเสนอเร็วกว่า คิดไม่ถึงว่าจะมีคนอื่นต้องการประมูลมันอีกเช่นกัน
"สองแสน" ทันใดนั้นซ่งหยู่ได้เสนอราคาออกมา
ก่อนหน้านี้เฉินหลงทำให้ซ่งหยู่ใช้เงินมากมายจนเกินจำเป็น ในตอนนี้โอกาสเป็นของเขาแล้ว ซ่งหยู่จะไม่ปล่อยให้เฉินหลงซื้อดาบเล่มนั้นไปอย่างราบรื่นแน่นอน
"เฮ้ บุตรชายตระกูลซ่ง นายก็อยากได้ดาบเหมือนกันเหรอ?" เฉินหลงหันมองซ่งหยู่ที่มีท่าทีใจเย็น
"เหอะ ไม่ใช่ ฉันแค่อยากให้นายจ่ายแพงๆ" ซ่งหยู่พูดออกมาตรงๆโดยไม่คิดที่จะปิดบังอีกฝ่าย
"ถ้างั้นฉันจะเสนอราคาสองแสนหนี่งหมื่นหยวน ถ้าคุณซ่งจงใจเสนอราคาที่สูงขึ้นอีก แน่นอนว่าฉันเองก็ยินดีที่จะเสนอราคาตามนายไปด้วยเหมือนกัน" เฉินหลงพูดด้วยรอยยิ้ม
และในตอนนีในหัวของเฉินหลง มีความคิดที่ว่า หากซ่งหยู่กล้าเสนอราคาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ครั้งต่อไปเขาจะเสนอราคาที่สูงถึงหนึ่งล้านหยวนเลย คอยดู!
ภาพประกอบ ‘ดาบสังหารม้า’ หรือ ‘ดาบเขียงม้า’
0 ความคิดเห็น