TB:บทที่ 41 สี่ตระกูลแห่งกรุงปักกิ่ง
"จริงอยู่ที่ว่าฉันเป็นเป่าจึพื้นเมืองที่หายาก แต่ว่าคนในเมืองที่เป็นที่รู้จักไม่ได้อยากนั่งทานอาหารเย็นกับเป่าจึพื้นเมืองอย่างนั้นเหรอ?" เฉินหลงไม่สนใจว่าสถานะของเขานั้นคืออะไร ในเมื่ออีกฝ่ายกล้ายั่วโมโหเขา เฉินหลงก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายอยู่อย่างสงบสุขอีกต่อไป
"แก..."
คำพูดที่แสนจะธรรมดาของเฉินหลงสามารถทำให้ชายคนนี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาได้
"นายเป็นใคร นายไม่ได้มาจากเมืองใหญ่หรอกเหรอ นี่นายสะกดคำว่า ‘มารยาท’ เป็นไหม? ทุกคนกำลังรับประทานอาหารอยู่ ถ้าจู่ๆนายลุกพรวดขึ้นมาแบบนี้ มันจะรบกวนการทานอาหารของคนอื่น อย่าบอกนะว่าคนในเมืองใหญ่สอนนายมาแบบนี้?" เฉินหลงไม่ให้อภัยอีกฝ่าย มิหนำซ้ำเขายังใส่ไฟมากขึ้นกว่าเดิมเสียด้วย
"เหอะ ฉันไม่ได้อยากทำความรู้จักหรือมีสานสัมพันธ์ที่ดีกับแกสักหน่อย" ชายคนนั้นกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ ก่อนที่พาหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายเดินออกไปจากห้องอาหารในทันที
เมื่อชายคนนั้นลุกขึ้นแล้วเดินจากไป มีสาวงามคนหนึ่งเดินนำข้างหน้าเข้า แล้วพาอีกฝ่ายเดินไปทางห้องน้ำ
“ ไม่ใช่ว่านายเพิ่งพูดสองประโยคนั้นออกมาหรอกเหรอ? ฉันจะไม่กินอาหารที่ฉันอยากกินสักอย่าง โถ่ ผู้คนในเมืองใหญ่นี่ไม่ได้อารมณ์ดีเสมอไปสินะ” เฉินหลงส่ายหัวไปมาแล้วเริ่มทานอาหารในจานต่อไป
สำหรับบางคนที่กำลังรับประทานอาหารค่ำอยู่ พวกเขาต่างจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเฉินหลงแล้วพิจารณาไตร่ตรอง พอได้มองดูอีกฝ่ายแล้ว พวกเขาจึงได้เข้าใจถึงสถานะของชายคนนี้ ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปเสียแล้ว
“ เสี่ยวเฉิน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าอะไรนายหรอกนะ แต่ในบางครั้งนายก็ควรระงับอารมณ์เอาไว้เสียบ้าง อย่าเที่ยวไปหาเรื่องคนไปทั่วจะดีกว่านะ”
เมื่อเขาเห็นเฉินหลงทำให้เด็กหนุ่มคนนั้นแสดงความไม่พอใจออกมา ในตอนที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาหาเขา ฮ่าวฉางชิงก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดๆขึ้นมาในทันที
"ลุงฮ่าว สบายมากครับ ผมไม่ได้จะหาเรื่องเขาในตอนนี้เสียหน่อย อีกอย่างคือฝ่ายนั้นก็เป็นแค่คนอ่อนหัดคนนึง ถึงเขาจะมีอำนาจหรือเขาอาจจะส่งคนมาจัดการผมได้ แต่ที่นี่มันเป็นถิ่นของพี่ลั่ว จะมีใครหน้าไหนกล้าทำตัวก้าวร้าวที่นี่กันละครับ ถ้าคนพวกนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับมัน? " เฉินหลงไม่ได้สนใจคำพูดพวกนั้นเลยสักนิด
สถานที่แห่งนี้อยู่ในถิ่นของลั่วฮุ่ย ตั้งแต่ชายคนนี้ได้รับการเชิญชวนจากลั่วฮุ่ย เขาไม่กลัวว่าตัวเองจะสร้างเรื่องอะไรเอาไว้ที่นี่บ้าง เว้นแต่เขาต้องการไว้หน้าลั่วฮุ่ย เฉินหลงรู้สึกเกรงกลัวอีกฝ่าย
ฮ่าวฉางชิงจ้องตากับเฉินหลงอยู่ครู่หนึ่ง เขาต้องการพูดบางอย่างออกมา แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่ยังคงเรียบสนิทของเฉินหลงแล้ว เขาจึงได้แต่เก็บคำพูดพวกนั้นเอาไว้และเลือกที่จะไม่กล่าวถ้อยคำใดๆออกมาอีก
หากชายคนนั้นไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น บรรยากาศที่นี่ก็คงจะดีกว่านี้เป็นเท่าตัว หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างพากันแยกย้ายกลับไปยังห้องของตนเพื่อพักผ่อน
ในวิลล่า แต่ละหลังประกอบด้วยห้องนั่งเล่นขนาดเล็กและห้องที่แยกออกไปอีกสองห้อง
เมื่อเฉินหลงกลับมาถึงห้องของตน เขาใช้เครื่องดักจับล็อคเป้าหมายไปที่ชายคนที่ทำตัวไม่ดีต่อเขา
ในไม่ช้า เฉินหลงก็ทราบข้อมูลต่างๆของชายคนนั้น และเฉินหลงเห็นด้วยว่าชายคนนั้นกำลังเล่นเกมอยู่ ‘เกม’ ที่เอาไว้เล่นกับผู้หญิง
"ซ่งหยู่ ชายอายุ 23 ปี สูง 182 เซนติเมตร น้ำหนัก 80 กิโลกรัม เขาเป็นลูกชายของซ่งเจียนห่าว หนึ่งในสี่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในปักกิ่ง ตอนนี้อาศัยอยู่ที่วิลล่าเฉินตู๋กวงฮุย"
“ ดูเหมือนว่าโชคของเรานี่มันดีเสียจริง ถ้าเราจะมีเรื่องกับอีกฝ่าย ก็เท่ากับว่าเรากำลังมีเรื่องกับตระกูลซ่ง หนึ่งในสี่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในเมืองหลวงไปด้วย หึ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็ตามแต่ ถ้าอีกฝ่ายไม่มายุ่งวุ่นวายกับเขา หรือไม่เขาเป็นฝ่ายที่ไม่ได้เจอกับอีกฝ่ายอีก อืม สิ่งนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับทั้งคู่"
เมื่อเขาได้ทราบถึงสถานะของซ่งหยู่ เฉินหลงไม่ได้เป็นกังวลกับเรื่องนี้ เนื่องจากว่าเขามีระบบอยู่ เฉินหลงจึงไม่สนใจเด็กที่ถูกขนานนามว่าเป็นลูกชายของตระกูลชนชั้นสูงคนนี้ต่อไป
หลังจากนั้น เฉินหลงตัดสินใจดูหนังสดอยู่ซักพัก
“ ซ่งหยู่นี่เล่นได้เก่งเสียจริง เขาได้รับสิ่งพิเศษ มันเหมือนกับกะหล่ำปลีดีๆหนึ่งหัวถูกหมูแทะโลม น่าเสียดาย” เฉินหลงอิจฉาตาร้อน
สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้ชาย ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด จะมีความปรารถนาที่ต้องการครอบครอง แต่ในตอนนี้เฉินหลงมองเห็นชัดเจนและเขาก็ไม่ต้องการเล่นเกมกับคนอื่น
หมั่นไส้ เฉินหลงปิดภาพนั่นไป แล้วเตรียมพร้อมที่จะเข้านอน
เนื่องจากว่าผู้ชายอกสามศอกร่างกายแข็งแรงอย่างเขาได้เห็นฉากต่างๆนาๆในเมื่อกี้ มันไม่ง่ายที่เขาจะสามารถข่มตานอนได้ เพราะทันทีที่เขาหลับตาลง ภาพเหล่านั้นก็โผล่เข้ามาในหัวของเขาในทันที และนั่นทำให้เฉินหลงรู้สึกโมโห
เฉินหลงเปลี่ยนท่านอน พลิกตัวไปมาสักพัก กลางดึกแล้วจึงผล็อยหลับไปในที่สุด
วันต่อมา เฉินหลงถูกเสียงเคาะประตูปลุกให้ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
"ลุงฮ่าว สวัสดีตอนเช้าครับ เอ่อ มีเรื่องอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?" เนื่องจากเมื่อคืนเขาพักผ่อนไม่เต็มที่ เฉินหลงที่ใต้ตาหมองคล้ำเปิดประตูออก
“ ตอนนี้แปดโมงเช้าแล้ว พ่อบ้านหลิวฝากมาบอกว่าอาหารเช้าพร้อมแล้ว เราไปทานอาหารเช้ากันเถอะ หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว การประมูลจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ” ฮ่าวฉางชิงยิ้ม
"อ่า ครับ ผมง่วงมากจนลืมเรื่องการประมูลไปเลยอ่ะ ลุงฮ่าว รอสักครู่นะครับ ผมจะรีบล้างหน้าล้างตาแล้วตามคุณไปในทันทีครับ" เมื่อได้ยินคำพูดของฮ่าวฉางชิงเฉินหลงก็นึกขึ้นมาได้ว่าในวันนี้จะมีการประมูล
"ไม่เป็นไร ฉันรอได้" ฮ่าวฉางชิงนั่งบนโซฟาแล้วพูด
ห้านาทีผ่านไป หลังจากที่เขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เฉินหลงและฮ่าวฉางชิงมุ่งตรงไปที่ร้านอาหารพร้อมกัน
เมื่อพวกเขามาถึงที่ร้านอาหาร ซ่งหยู่ไม่ได้อยู่ในร้านอาหารแห่งนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการที่จะร่วมโต๊ะกับเฉินหลง
เฉินหลงก็ไม่ได้ให้สนใจอีกฝ่ายสักเท่าไหร่ หลังจากนั่งลงเขาก็เริ่มทานอาหารแบบเป็นกันเอง
หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว พ่อบ้านหลิวก็นำพวกเขาไปยังห้องโถง
ในตอนนี้ ซ่งหยู่ได้มาถึงห้องโถงก่อนแล้ว เมื่อเห็นเฉินหลงเดินเข้ามาในห้อง เขาก็เบี่ยงหน้าหนีอีกฝ่ายในทันที
ในบรรดาแขกที่มาร่วมประมูลในครั้งนี้ มีเพียงซ่งหยูและเฉินหลงเท่านั้นที่ยังเยาว์วัย และแน่นอนว่าเฉินหลงดูมีภูมิฐานมากกว่าซ่งหยู่
ดังนั้นซู่หยู่จึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในทันทีที่เขาได้เห็นเฉินหลง ประกอบกับความขัดแย้งก่อนหน้านี้ ทำให้ซ่งหยู่นั้นเกลียดเฉินหลงไปโดยปริยาย
และทางเฉินหลงเองก็ไม่ได้มีความรู้สึกดีๆต่อซ่งหยู่สักเท่าไหร่ แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่จำเป็นต้องปั้นหน้าเป็นมิตรต่อซ่งหยู่อีกเช่นกัน
ในตอนนี้ สิ่งของมากมายได้ถูกรวมอยู่ภายในห้องโถงเรียบร้อยแล้ว
สิ่งแรกคือเวทีขนาดเล็กที่ผู้จัดประมูลสามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการประมูล
นอกจากนี้ยังมีหน้าจอขนาดใหญ่ที่ใช้ในการแสดงภาพให้คนทั่วไปได้เห็นมันอย่างชัดเจน
ในเวลานี้ ก่อนเริ่มการประมูล ผู้คนที่นั่งอยู่ในห้องโถงกำลังส่งเสียงพูดคุยกันอยู่
ในไม่ช้า นาฬิกาได้บอกเวลาเก้าโมงตรง
เป็นเวลาเดียวกันที่ชายอายุราวๆสามสิบห้าหรือสามสิบหก ซึ่งมีรูปหน้าเหมือนกับคนจีน คิ้วหนา ดวงตากลมโต ไว้หนวดเคราไม่ยาวนักเดินออกมาทางด้านหน้า
"ยินดีต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่เข้าสู่การประมูลลั่วโหม่วในครั้งนี้ ก่อนอื่นผมสงสัยว่าแขกทุกท่านพึงพอใจกับการต้อนรับของลั่วโหม่วหรือไม่" น้ำเสียงของลั่วฮุ่ยนั้นทรงพลังมาก มันสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจอันแรงกล้าของตัวเขาเอง
"คุณลั่ว เราได้รับการต้อนรับที่ดี"
"พึ่งพอใจเป็นอย่างมาก"
......
ทุกคนต่างหัวเราะออกมา
แต่มีเสียงหนึ่งที่ต่างออกไปดังขึ้นมา
"พี่สี่ แน่นอนว่ามันไม่มีปัญหากับการต้อนรับของพี่หรอก แต่อย่างไรก็ตาม มันกลับมีปัญหากับคนที่พี่เชิญมาต่างหาก พี่ให้ไอ้ก้อนซาลาเปาพรรค์นี้มาร่วมการประมูลด้วยได้ยังไงกัน?" ในที่สุดความไม่พอใจของซ่งหยู่ที่มีต่อเฉินหลงก็ได้ระเบิดออกมา
เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งหยู่ ลั่วฮุ่ยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
การที่ซ่งหยู่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาในเวลาแบบนี้ นี่ไม่ได้หมายถึงว่าเขากำลังฉีกหน้าตัวเองอยู่อย่างนั้นหรือ? ตระกูลซ่งปล่อยให้คนที่ไม่รู้จักมารยาทคนนี้เข้ามาที่นี่ได้อย่างไร? ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลซ่งต้องการส่งคนมาเพื่อเรียกเสียงหัวเราะโดยเฉพาะ
"ฉันขอบอกเลยนนะว่านายนี่เป็นคนที่ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย พี่สี่ปฏิบัติกับพวกเราด้วยความสุภาพมาก แต่ถ้านายคิดว่าพี่สี่ไม่ใช่คนสุภาพล่ะก็ แน่จริงก็พูดออกมาสิ พูดออกมาเลย แล้วอีกอย่าง คนที่พี่สี่เชิญมาที่นี่ ถึงเขาจะเป็นแค่ไอ้ก้อนซาลาเปาอย่างที่นายพูดไว้ แต่เขาก็ถือว่าเป็นแขกของพี่สี่เช่นกัน แต่ว่านายจะจ่ายได้มากกว่าอีกฝ่ายไหมล่ะ?" เฉินหลงได้ตอกกลับอีกฝ่ายในทันที
0 ความคิดเห็น