TB : ตอนที่ 38 การประมูล
เฉินหลงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา หน้าจอขึ้นเบอร์ไม่รู้จัก แต่ดูจากเลขแล้วน่าจะมาจากในเมืองซิงเฉิง
"ฮัลโหล ไม่ทราบว่าผมเรียนสายอยู่กับใครครับ?" เฉินหลงถาม
"เสี่ยวหลง จำฉันได้รึเปล่า?" เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากอีกด้านของปลายสาย
"โอ้ ลุงฮ่าวนี้เอง ทำยังไงถึงโทรมาหาผมได้ครับเนี่ย" เฉินหลงจำเจ้าของเสียงนั้นได้ เขาได้เงินตั้ง 150,000 หยวนจากฮ่าวฉางชิงเพื่อซื้อของเก่า
"เสี่ยวหลง วันนี้นายมีเวลาว่างไหม? ไปที่ที่หนึ่งกับฉันหน่อย" ฮ่าวฉางชิงพูด
"ได้ครับ ไม่มีปัญหา" เฉินหลงคิดอยู่ครู่นึงและตอบตกลงไป
จากนั้นฮ่าวฉางชิงก็บอกสถานที่นัดพบและวางสายไป
"ต้องขอโทษทั้งสองคนนะครับ พอดีว่าตอนนี้ผมมีธุระที่ต้องไปทำ ขอตัวก่อนนะครับ" ถ้าซวีหมิงเหม่ยอยู่ที่นี่เธอคงรับมือกับทุกอย่างได้ เพราะตอนนี้เฉินหลงก็คงยุ่งกับธุรกิจของเขาเองด้วยเช่นกัน
"เพื่อนเก่า นายกำลังยุ่งอยู่หรอ" เผิงตงดูกระตือรือร้นเมื่อเห็นว่าเฉินหลงจะไปในตอนนี้ และเมื่อเฉินหลงกำลังจะไปจากที่นี่เขาก็รู้สึกยินดี
ซวีหมิงเหม่ยได้รับคำสั่งมาจากเฉินหลงนานแล้ว ดังนั้นเธอจึงสามารถทำงานให้เสร็จลุล่วงไปได้แม้ไม่ต้องมีเฉินหลงอยู่ด้วย
เฉินหลงต้องใช้เวลาถึง 20 นาทีในการมาถึงจุดหมายที่ฮ่าวฉางชิงนัดไว้ ซึ่งเขาก็ยืนรออยู่หน้า
บ้านพักหรูในหมู่บ้าน
หลังจากที่จอดรถ เฉินหลงก็ลงจากรถ
หลังจากที่เห็นเฉินหลงลงมาจากรถ แววตาของฮ่าวฉางชิงก็มีความประหลาดใจอยู่เล็กน้อยเพราะตอนนี้เฉินหลงดูเปลี่ยนไปมาก
ตอนที่ได้พบกับเฉินหลงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเขายังดูเหมือนคนขี้แพ้อยู่เลย
แต่มาครั้งนี้ เขาไม่เพียงแต่สูงและหล่อขึ้นแต่เขายังมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นด้วยราวกับว่าเขาเปลี่ยนจากไอ้ขี้แพ้มาเป็นประธานาธิบดีผู้ทรงอำนาจ
"ลุงฮ่าว ผมไม่ได้เจอลุงมาตั้งสองสามวัน ลุงจำผมไม่ได้หรอครับ" เฉินหลงมองฮ่าวฉางชิงด้วยทีท่าประหลาดใจพร้อมกับยิ้มให้
"พูดตามตรงนะ ตอนแรก ลุงก็ดูนายไม่ออกหรอกก็นายเปลี่ยนไปตั้งเยอะ คนทั่วไปไม่เพียงแต่จะสูงขึ้นแต่นิสัยของพวกเขาก็เปลี่ยนไปตามอายุด้วย เสี่ยวหลง ลุงคิดว่านายในอนาคตคงจะไม่
จมอยู่กับความหลงใหลในตัวเองหรอกนะ" ฮ่าวฉางชิงก็เพิ่งเป็นครั้งแรกว่าคนๆนึงที่เพิ่งเจอไปเมื่อสองสามวันก่อนจะสามารถเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ ดังนั้นเขาจึงมองไปที่ใบหน้าของเฉินหลงทันที
"ลุงฮ่าว ยังไม่หยุดมองหน้าผมอีกหรอครับเนี่ย?" เฉินหลงมองฮ่าวฉางชิงอย่างแปลกใจ
"นิดหน่อยเอง" ถึงแม้ว่าปากของเขาจะตอบกลับมาอย่างสุภาพแต่เขากลับมองเฉินหลงเหมือนเป็นคนแปลกหน้า
"ลุงฮ่าว ครั้งนี้จะให้ผมทำอะไรครับ?" เฉินหลงไม่ได้ต้องการให้เขาพูดถึงเรื่องที่ว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปเยอะแบบนี้ เขาจึงพูดตัดเข้าประเด็นไปตรงๆเลย
"ดูลุงสิ เกือบจะลืมเรื่องธุรกิจไปละ คือยังงี้ พอดีมันมีการเปิดประมูล นายอยากจะเข้าร่วมประมูลกับลุงด้วยไหมละ?" ฮ่าวฉางชิงมองเฉินหลง
"งานประมูล งานประมูลอะไรครับ?" เฉินหลงอยากรู้
"การประมูลของโบราณ แต่ยังไงมันก็ไม่ใช้บริษัทประมูลทางการที่เป็นคนจัดแต่เป็นการประมูลแบบส่วนตัวเรียกว่าตลาดมืดหรือการประมูลใต้ดินก็ได้" ฮ่าวฉางชิงพูด
"การประมูลใต้ดิน?" เฉินหลงพูด
"ใช่ มันเป็นการประมูลสินค้าทั้งของแท้และของปลอมของการประมูลใต้ดินและราคาก็ถูกกว่าการประมูลทั่วไป ถ้านายซื้อของแท้ไป นายก็เอาไปขายเพิ่มราคาได้ แต่ถ้านายซื้อของปลอมไปนายก็ทำได้แค่ต้องด่าสายตาแย่ๆของนายเอง ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการพึ่งวงการการประมูล
ใต้ดินก็คือสายตาและโชค ฉันคิดว่านายน่าจะเป็นคนที่โชคดีมากๆเพราะนายก็เคยเลือกได้ขวดยานัตถุ์โบราณมา ดังนั้นลุงจึงอยากให้นายมากับลุงเพื่อมานำโชค" ฮ่าวฉางชิงพยักหน้า
"ได้ครับ ไม่มีปัญหา" เฉินหลงตอบตกลงทั้งที่ยังไม่ได้คิด
เมื่อเฉินหลงได้ยินว่าการประมูลใต้ดินจะต้องพึ่งสายตาเขาจึงถึงแว่นตรวจจับของเขาขึ้นมาทันที
และนั้นก็เป็นที่ที่ดีที่เขาจะจะหาเงินได้มาก ดังนั้นเฉินหลงจึงตอบตกลงไปทันทีโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก
แต่สุดท้ายยังไงการรักษาความลับเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการประมูลใต้ดิน ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าร่วมได้ หากไม่ได้ถูกเชิญไปก็เลิกคิดเลยว่าจะได้เข้างานประมูลครั้งนี้
หลังจากนั้นเฉินหลงก็จอดรถทิ้งไว้ที่โรงรถของฮ่าวฉางชิงและเรียกแท็กซี่ออกไปกับเขา
คนอย่างฮ่าวฉางชิง เฉินหลงไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะขโมยรถเขาไปหรอก
ในระหว่างทาง เฉินหลงก็ได้โทรกลับไปหาครอบครัวและบอกว่าจะออกมาทำธุระบางอย่างสักสองวัน ครอบครัวของเฉินหลงก็ไม่ได้พูดอะไรมากและปล่อยให้เฉินหลงไปทำธุระและอวยพรให้เขาเดินทางปลอดภัย สิบนาทีผ่านไป ฮ่าวฉางชิงและเฉินหลงก็ได้มาถึงสนามบิน
"ลุงฮ่าว พวกเราจะไปที่ไหนในเวลาแบบนี้ได้?" เฉินหลงถาม
" เมืองหลวงเทพเจ้า" ฮ่าวฉางชิงพูดออกมาสองคำ
เมื่อได้ยินว่า"เมืองหลวงเทพเจ้า?" ในความคิดของเฉินหลงก็นึกถึงเมืองหลวงโบราณที่มี 13 ราชวงศ์เคยปกครอง เฉิงตูเป็นเมืองหลวงในประวัติศาสตร์ที่มีอายุมากกว่า 1,500 ปี ที่นี่ปกครองโดย 13 ราชวงศ์มาก่อนนั้นก็คือราชวงศ์เซี่ย ชาง โจวตะวันตก โจวตะวันออก ฮั่นตะวันออก เฉาเว่ย จิ้น เป่ยเว่ย สุย ถัง โฮ่วเหลียง ถังยุคหลังและจิ้นยุคหลังซึ่งก็มีจักรพรรดิมากกว่า 100 พระองค์ชี้ให้เห็นถึงเมืองเจียงซาน ดังนั้นจึงเรียกเมืองนี้ได้ว่าป็นเมืองหลวงพันปี ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีชื่อหรือนามเรียกเมืองต่างๆในประวัติศาสตร์ของเฉิงตูมากมายอีก เช่น เจิ้นหลัว ซีห้าว ลั่วอี้ ลั่วซือ เฉิงโจว หวังเฉิง ลั่วหยาง จ้งจิง อี้หลัว เหอหลัว เหอหนาน ลั่วโจว ฉวนซาน เป็นต้น
ชื่อเสียงของหัวเซี่ย จงหยวน จงโจว จีน จงถู่ (中图ภาพวาดของจีน) ล้วนมาจากเมืองโบราณของเฉิงตูและจากลุ่มแม่น้ำอารยธรรมลั่วเหอ
ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงมีโจรปล้นสุสานจำนวนมากคอยเฝ้าดูอยู่
สุสานโบราณจำนวนไม่น้อยที่ถูกโจรพวกนี้ปล้นไปก่อนจะถูกค้นพบ นั้นจึงทำให้โบราณวัตถุหายไปเป็นจำนวนมากและการสูญเสียเหล่านี้ก็ยากที่จะประเมินค่าได้
เนื่องจากไม่มีเที่ยวบินตรงจากซิงเฉิงไปยังเฉิงตู เฉินหลงและฮ่าวฉางชิงก็ทำได้เพียงแค่ซื้อตั๋วไปชางตูแทน หลังจากที่มาถึงนครหลวงแห่งการค้าขายและที่นี่ก็มีการต้อนรับแบบพิเศษ สองชั่วโมงต่อมา เฉินหลงและฮ่าวฉางชิงก็ได้มาถึงสนามบินชางตู
เมืองเฉิงตูมีหมางซานอยู่ทางตอนเหนือ มีหลงเหมินซานอยู่ทางตอนใต้ มีจังหวัดลั่วซืออยู่ตรงกลาง มีหูหลางอยู่ทางทิศตะวันตก มีฮั่นกู่อยู่ทางทิศตะวันออกและเมืองนี้ถูกล้อมไปด้วยหุบเขาและมีเส้นทางที่ไว้ใช้สัญจรเป็นจำนวนมากซึ่งเป็นที่รู้จักในนามของ"เมืองหลวงแปดทางผ่าน" และ "ซุ้มประตูหุบเขาและแม่น้ำ"ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่าเที่ยวที่สุดในโลก อีกอย่างสถานที่นี้ตั้งอยู่บนโลก มีแม่น้ำแยงซีและแม่น้ำหวงเหอมาบรรจบกันในทางทิศตะวันตกและไหลผ่านไปจนถึงกวนหลงในทางทิศตะวันออกและเชื่อมต่อไปยังโยวเหยียน ในทิศเหนือและจิงเซียงในทางทิศใต้ มันจึงเรียกว่า"การบรรจบกันของทั้งแปดทิศ" " ผืนแผ่นดินหลังฝั่งทะเลเรือจูไห่" และเป็น"เส้นทางการสัญจรของทั้งสิบจังหวัด"
ดังนั้นราชวงศ์ทั้งหมดจึงกลายมาเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ ลุ่มแม่น้ำลั่วเหอเป็นศูนย์กลางของเมืองเฉิงตูและเป็นหนึ่งในลุ่มแม่น้ำที่เป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมจีน ทั้งฝูซี หนี่วา หวงตี้ พระเจ้าเหยา พระเจ้าซุ่น พระเจ้าอวี่ และเทพเจ้าหรือตำนานคนอื่นๆก็อยู่ที่นี่ ในเวลาเดียวกันเมืองเฉิงตูก็เป็นเมืองเหลวงที่มีอารยธรรมมากว่า 3,000 ปีของราชวงศ์จีนที่ยิ่งใหญ่
ตอนนี้ ฮ่าวฉางชิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและได้กดส่งข้อความ ไม่ช้ารถปอเช่ คาเยนสีดำก็มาจอดอยู่ตรงหน้าของฮ่าวฉางชิง
"ใช่ลุงฮ่าวรึเปล่าครับ?" เมื่อกระจกเลื่อนลงมา ก็มีผู้ชายที่สวมหมวกทรงแบนและแว่นตาอายุราว 27-28 ปีที่ดูท่าทางแข็งแรงมองไปที่ฮ่าวฉางชิงและพูดด้วย
"ใช่ครับ ผมฮ่าวฉางชิง" ฮ่าวฉางชิงพยักหน้า
"คุณฮ่าวครับ โปรดหยิบการ์ดเชิญของท่านออกมาให้ผมตรวจสอบหน่อยครับ" ชายคนนั้นพูดอย่างระมัดระวัง
ฮ่าวฉางชิงหยิบการ์ดเชิญสีม่วงจากในกระเป๋าและยื่นให้กับชายคนนั้น
0 ความคิดเห็น