RC:บทที่ 60 ตู๋ กัง
“ถ้าอย่างงั้น ฉันจะให้นายยืม 20000 หยวนตอนนี้เลย นายไปจดพวกค่ารักษามาทั้งสองอย่างก่อนเลย แล้วเดี๋ยวเราค่อยมาพูดกันถึงเรื่องถัดไป” หลิน เฟิงให้เจา จื้อเฉิงยืมเงินจำนวน 20000 หยวนนั้นอย่างไม่ลังเล
“ขอบคุณนะ พี่เฟิง” เจา จื้อเฉิงเริ่มร้องไห้
เจา จื้อเฉิงได้ไปหาญาติหลายคนแล้ว แต่พอพวกเขารู้ว่าตนมาเพื่อจะขอยืมเงิน สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปในทันที แถมบางคนก็หายตัวไปเลยซึ่งนั่นทำให้เขาไม่สามารถจะเชื่อญาติพวกนั้นได้
จนในท้ายที่สุด เขาจึงถูกบีบให้มาที่บ้านหลิน เฟิง ด้วยความใจกล้า พ่อของหลิน เฟิงให้เงินเขายืม 3000 หยวน และก็ต้องการที่จะช่วยดูแลแม่ของเขาเป็นเวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์
ส่วนตอนนี้ หลิน เฟิงก็ให้เขายืมถึง 20000 หยวน โดยไม่พูดอะไรสักคำ ซึ่งนั่นทำให้เขาซึ้งใจราวกับว่าในที่สุดเขาก็คว้าเอาก้อนฟางมาพยุงชีวิตเขาได้ทันท่วงที
“ขอบใจๆ เอ้า ลุกขึ้นเก่อนเร็วเข้า” หลิน เฟิงพูดขึ้น
“แล้วนี่ เสี่ยวเฟิง เห็นแม่ของลูกบอกว่าลูกออกจากงานแล้วงั้นหรือ ทำไมล่ะ นี่พ่อกำลังพยายามขอให้ลูกแนะนำงานให้จื้อเฉิงเขาสักหน่อย” หลิน ต้าไห่ถอนใจ
“จื้อเฉิง นายไม่มีงานทำหรือ ตอนนี้”
“ผมเคยทำอยู่ที่ไซท์ก่อสร้าง แต่เพราะเมียกำลังจะคลอดในอีกไม่นานนี้ แถมแม่ของผมต้องอยู่ในโรงพยาบาลอีก ผมก็เลยต้องออกจากงานเพราะไม่มีเวลาทำงานเลย” เจา จื้อเฉิงว่าขึ้น
เจา จื้อเฉิงในตอนนี้จึงตกงาน ทั้งแม่และเมียต่างก็เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ด้วยเหตุนั้น หลิน ต้าไห่จึงต้องการให้หลิน เฟิงแนะนำงานให้กับเขา
“จื้อเฉิง ฉันมีงานให้นายแล้วล่ะ ตอนนี้ อยากจะมาทำกับฉันหรือไม่ ฉันจะจ่ายให้นาย 3500 หยวนต่อเดือน แล้วถ้าภายภาคหน้านายทำได้ดี ฉันก็จะขึ้นให้อีก”
หลังจากได้ยินว่าเจา จื้อเฉิงไม่ได้ทำงานแล้วนั้น เขาก็พอใจขึ้นมาทันใด เพราะเขาต้องการคนมาทำงานให้อยู่พอดี นี่เขากำลังจะออกไปหาคนมาสมัครด้วย แต่ตอนนี้คงต้องให้เจา จื้อเฉิงทำไปก่อน
“เอาสิ” เจา จื้อเฉิงพยักหน้าอย่างไว
“อย่ารีบร้อนสัญยิงสัญญาสิ เพราะงานนี้น่ะทั้งสกปรกและก็เหนื่อยด้วย นายจะเอาไหม”
หลิน เฟิงรีบเตือนก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงว่าเขาจะมาหาว่างานนี้สกปรกและเหนื่อยเกินไปในภายหลัง
“ไม่ว่าจะเป็นงานแบบไหน อาจจะสกปรกกว่าหรือเหนื่อยกว่าไซท์ก่อสร้างอีกอ่ะนะ”
เจา จื้อเฉิงทำงานในไซท์ก่อสร้างมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เขาต้องทำทุกอย่างตั้งแต่แบกอิฐถือปูน ในความคิดเห็นของเขา ไม่มีอะไรจะสกปรกหรือเหนื่อยไปกว่าสิ่งนี้แล้วล่ะ
“ไม่มีไซท์ก่อสร้างให้เหนื่อย แต่สกปรกกว่าไซท์ก่อสร้างแน่ๆ นายยังอยากจะทำไหม”
จากที่หลิน เฟิงพูด การสร้างโรงงานบำบัดและบ่อบำบัดขยะนั้นเป็นสิ่งจำเป็น พอถึงตอนนั้น หลิน เฟิงก็ต้องมีใครสักคนจัดการในส่วนนั้น เมื่อมอบให้เจา จื้อเฉิงทำนั้นก็ทำให้เขาอุ่นใจ
“ทำครับ” เจา จื้อเฉิงว่าขึ้นอย่างมั่นใจ
“เอาล่ะ จำในสิ่งที่นายพูดไว้นะ เดี๋ยวนายรับเงินนี้แล้วไปที่โรงพยาบาลก่อน จากนั้นก็ค่อยเข้างานพรุ่งนี้ แล้วฉันจะบอกว่านายต้องทำอะไรและอย่างไรบ้าง”
ในตอนนั้น หลิน เฟิงก็กำลังขาดคนช่วย แต่ทว่าลูกพี่ลูกน้องที่แสนน่ารักของตนก็มาได้ทันเวลาพอดี
ไม่นาน ลูกพี่ลูกน้องเขาก็กลับไปหลังจากเอ่ยขอบคุณหลิน เฟิงสำหรับทุกสิ่ง และหลิน เฟิงก็ได้คุยกับพ่อแม่ของตน
“เสี่ยวเฟิง นี่ลูกทำอะไรหลังจากออกจากงานแล้ว เหมือนลูกกำลังพูดถึงอะไรบางอย่างอยู่นะ นี่ไม่เห็นกันแค่ไม่กี่วัน ลูกไปได้เงินมากมายขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
พ่อของผมเห็นผมไม่มีงานทำ แถมตอนนี้กลับเอาเงินออกมาอีกเป็นจำนวนมาก ก็เลยกลัวว่าผมจะทำตัวเหลวไหล
“พ่อ ผมก็อยากจะคุยกับพ่อเรื่องนี้อยู่ เร็วๆนี้ ผมได้แนะนำชุดไก่ฟ้าและองุ่นใหม่ๆที่มีอยู่หลากหลายไป ตอนนี้ผมก็พร้อมที่จะขยายการผลิตแล้วครับ”
“ผมกำลังขาดคน แล้วตอนนี้เขาก็มา ลูกพี่ลูกน้องของผม จื้อเฉิงกำลังจะมาช่วยพวกเรา พอดีเลย ฮิๆ”
ในตอนแรก หลิน เฟิงรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการจัดการธุรกิจครอบครัว ดังนั้นพ่อของเขาจึงกลับมาพร้อมกับลูกพี่ลูกน้องนิสัยจริงใจคนนี้ด้วย ทีนี้หลิน เฟิงมีคนทำงานแล้ว เขาจึงเตรียมที่จะสร้างสถานีบำบัดขยะและสิ่งปฏิกูลที่เขาวางแผนไว้มาเป็นเวลานาน
“ไก่ฟ้ากับองุ่นงั้นหรือ ลูกไปได้มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ไหน เอามาให้พ่อดูซิ”
ทันทีที่หลิน ต้าไห่ได้ยินเกี่ยวกับของใหม่ๆหลากหลายๆที่หลิน เฟิงสร้างขึ้นมา จู่ๆเขาก็นึกสงสัยขึ้นมาอย่างรุนแรง ว่าภายในไม่กี่วันนี้ หลิน เฟืงจะทำเงินได้เป็นหมื่นๆหยวนแบบนี้ ทำเอาเขาคันปากยิบๆอยากถาม
“พ่อครับ นี่ก็มืดแล้ว เรามาทำข้าวเย็นกันก่อนดีกว่า แล้วมันก็อยู่ที่สนามหลังบ้านครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเอามาให้ดู” หลิน เฟิงว่าขึ้น
ตอนนี้ก็มืดแล้ว ไก่กลุ่มสุดท้ายก็อาจจะยังเปลี่ยนรูปร่างไม่เสร็จ ดังนั้น หลิน เฟิงจึงต้องการพาพ่อไปดูมันพรุ่งนี้ แล้วค่อยอธิบายบางสิ่งให้เขาฟัง
ไม่นาน ความมืดก็เข้ามาเยือน หลังจากที่ครอบครัวกินอาหารกันเสร็จแล้ว หลิน เฟิงก็ไปที่เตียงก่อนจะรอให้ถึงวันพรุ่งนี้
วันต่อมา เวลาเช้าตรู่ หลิน เฟิงก็ได้รับโทรศัพท์
“หวัดดี เจ้าบ้า บ้านนายอยู่ไหน ตอนนี้ฉันอยู่ในอำเภอแล้ว”
หลิน เฟิงที่กำลังให้อาหารไก่อยู่นั้นก็รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ยินเสียงนี้ เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่หายไปเสียหลายปี ในตอนนี้ ความตื่นเต้นที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ก็บังเกิดขึ้นในใจ
“นายรอฉันอยู่ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวฉันไปรับ”
หลังจากพูดจบ เขาก็วางสาย จากนั้นก็ขี่มอเตอร์ไซต์พังๆรีบเข้าไปในเมือง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลิน เฟิงก็เข้ามาถึงในตัวอำเภอ บริเวณข้างถนน ชายรูปร่างกำยำคนหนึ่งกำลังนั่งยองอยู่ใต้เสาไฟฟ้าพลางสูบบุหรี่ เขาไม่รู้เลยว่าชายคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่
“คิงคองหรือเปล่า” หลิน เฟิงเดินเข้าไปหาก่อนจะถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ
พวกเขาไม่เจอกันเลยมาเป็นเวลาห้าหรือหกปีแล้ว หลิน เฟิงจึงไม่มั่นใจว่าชายคนนี้จะใช่ตู๋ กังหรือไม่ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะรูปร่างกำยำสูงใหญ่ที่เขาคุ้นเคยล่ะก็ หลิน เฟิงคงไม่กล้าเข้ามาทักทายแน่
“ส่วนแกก็เจ้าบ้าสิ ใช่ไหม”
ชายร่างสูงกำยำจำหลิน เฟิงขึ้นมาได้ทันทีก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“ฮ่าๆ ไม่เจอกันนานเลย บึกบึนกว่าเดิมอีกนะนาย” หลิน เฟิงรีบเข้าไปกอดเขาเต็มแรง
“ฮ่าๆ ฉันสบายดี ช่วงนี้นายดูมีความสุขดีนะ เจ้าน้องชายตัวน้อย ผิวนายนี่ทั้งขาวทั้งเนียนอย่างกับผู้หญิง” หลังจากที่กอดกันแล้ว ตู๋ กังก็มองหน้าตาอันหล่อเหลาของหลิน เฟิงก่อนจะเอ่ยล้อ
“ฮ่าๆ ฉันก็เป็นแบบนี้ล่ะ คือฉันเพิ่งจะได้งานเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์สัตว์และพืชมาน่ะ แล้วก็กำลังจะขยายกิจการออกไปด้วย” หลิน เฟิงกล่าวขึ้น
ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงก็สังเกตตู๋ กังอย่างละเอียด เขาดูแข็งแรงและสูงกว่าแต่ก่อน สูงเกือบจะ 190 ซม.แล้ว เขาสวมเสื้อกั๊กสีดำและเสื้อคลุมบางๆที่กล้ามช่วงอกของเขาขึ้นมาอย่างชัดเจนมาก กล้ามเนื้อท้องนูนนั้นช่วยขับให้เสื้อกั๊กสีดำนั้นเด่นขึ้น เห็นเป็นเส้นๆได้ชัดจากที่ไกลๆ
นอกจากนี้ เส้นเอ็นที่แขนก็คล้ายกับงูตัวเล็กๆซึ่งเลื่อยอยู่เต็มแขน สร้างความกลัวให้ใครต่อใครที่ได้พบเห็น
“เดี๋ยวไปที่บ้านฉัน ที่นี่มันร้อน คุยลำบาก” หลังจากนั้น หลิน เฟิงก็ได้พาตู๋ กังไปยังบ้านของเขาด้วยมอเตอร์ไซต์โกโรโกโสของตน
บนเส้นทางเดียวกันนั้นเอง ชายคนหนึ่งในชุดดำ สวมแว่นกันแดดนั้นกำลังจ้องหลิน เฟิงและตู๋ กังออกไปจากมุมนั้นอย่างเงียบๆ ดวงตาของเขาช่างเย็นชาและหม่นหมอง
“นายน้อยครับ ผมเจอหลิน เฟิงแล้ว พวกเขาเพิ่งออกไป แต่เดี๋ยวก็จะกลับมา สถานที่ตั้งคือ...”
หลังจากนั้นครู่เดียว พวกเขาก็มาถึงบ้านหลิน เฟิง
“แม่ครับ ขอองุ่นสองจาน ให้เพื่อนร่วมชั้นของผมด้วยครับ พวกเราไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายปี เดี๋ยววันนี้ คงจะต้องเชือดไก่ฉลอง” หลิน เฟิงกล่าวกับแม่ของเขาที่กลับมาจากข้างนอก
“ดีเลย รอเดี๋ยวนะลูก” จากนั้นผู้เป็นแม่ก็เดินไปที่หลังบ้าน
“เจ้าบ้า ไม่ต้องใจดีขนาดนั้นมากก็ได้” ตู๋ กังว่าขึ้นอย่างเขินๆ
“เอาน่า บ้านฉันมีไก่หลายตัว เอามากินสักตัวสองตัวไม่เป็นไรหรอก การที่ได้มาเจอพี่ชายที่แสนดีในรอบหลายปีแบบนี้ จะไม่ให้ฉันฉลองได้ยังไง...”
0 ความคิดเห็น