RC:บทที่ 55 รวยชั่วข้ามคืน

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 55 รวยชั่วข้ามคืน


 “หลบหน่อยๆ พี่เบิ้มมาแล้วจ้า” ในขณะที่ผู้คนกำลังตกใจกับหมูป่ายักษ์ทั้งสี่ตัวตรงหน้าอยู่นั้น เจ้าร่างใหญ่ยักษ์นั่นก็โผล่เข้ามา


มันที่ว่าก็คือหมีดำร่างใหญ่นั่นเอง ใหญ่จนสามารถโอบได้รอบต้นไม้และต้องใช้คนถึงสี่คนแบกมา


พวกเขาวางหมีตัวดังกล่าวนั่นตรงกลางฝูงชน ทุกคนต่างก็เข้ามามุงดูในทันที


“พระเจ้าช่วย หมีจริงๆด้วย ดูกรงเล็บมันสิ ทั้งหนาทั้งคม จับมาได้ทั้งหนังทั้งเนื้อแบบนี้ ฉันไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าเจ้าหมาป่าดำนั่นจะฆ่าเจ้านี่ให้ตายด้วยการกัดเพียงครั้งเดียว”


“แม้แต่ตอนที่ฉันได้ดูวิดีโอ ฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหมีดำนั่นจะมาตายเพราะหมาได้” อีกคนว่าขึ้น


“ไม่มีอะไรแล้วครับ ไม่มีอะไรแล้ว ขออย่ามุงกันตรงนี้นะครับ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว” พิธีกรประกาศขึ้น


“ตอนนี้ ขอเชิญคุณชานและคุณเฟิงมอบรางวัลให้กับพวกเราด้วยครับ” จากนั้นเขาก็ออกไป


“สูญเสียครั้งใหญ่เลยนะคราวนี้” ซู หยวนเฟิงว่าขึ้น


“ก็เออดิ ฉันก็คิดว่านี่คือเกมของพวกเราสามคน ส่วนคนอื่นๆก็แค่มาเล่นๆเอา  ฉันก็ไม่ได้หวังว่าจะฆ่าคนอย่างหลิน เฟิงตอนที่เราออกมาได้ครึ่งทางหรอกนะ” เจิง ยี่ชานก็ถึงกับเครียดขึ้นมาเล็กน้อย


“ทุกอย่างล้วนเป็นความคิดแย่ๆของนายนั่นแหละ” เจิง ยี่ชานพูดขึ้น


เดิมที พวกเขาทั้งสามต่างก็เชิญมาล่ากันเอง แต่พวกเขาคิดว่านั่นคงจะน่าเบื่อเกินไปสำหรับพวกตน ซู หยวนเฟิงจึงเกิดความคิดที่จะจัดการแข่งขันการล่าขึ้นมา 


พวกเขาทั้งสามคนต่างออกเงินคนละสามร้อยและสามหมื่น รวมทั้งหมดเก้าหมื่นเก้าพันซึ่งถูกนำมาใช้ในการจัดการแข่งครั้งนี้


เงินเกือบ 700000 นั้นก็นำมาใช้เป็นเงินรางวัล ส่วนที่เหลือก็นำเอาไว้ใช้เชิญผู้คนรวมถึงทำสิ่งอื่นๆ


เดิมทีนั้น พวกเขาต่างคิดว่ายังไงซะสามอันดับแรกก็ต้องเป็นของพวกเขาสามคน แต่มาในตอนนี้ หลิน เฟิงกลับคว้าที่หนึ่งไป จะไม่ทำให้พวกเขากดดันได้อย่างไรกัน


 “ฉันต้องถูกด่าเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม แต่ฉันว่าผลที่ได้มันก็ดีนะ อย่างน้อย การที่หลิน เฟิงชนะที่หนึ่งไปก็ยังดีกว่าให้เจา หลงได้ไป” ซู หยวนเฟิงว่าขึ้น


“นั่นก็จริง และดูเหมือนว่าหลิน เฟิงจะไม่ใช่คนที่ทำอะไรได้ง่ายๆ สุนัขล่าเนื้อของเขาไม่ใช่ธรรมดา เป็นมิตรกับเขาน่าจะดีกว่า” เจิง ยี่ชานหันไปมองหลิน เฟิงก่อนจะว่าขึ้น


“เอ่อ อืม ก็ได้ งั้นไปให้รางวัลกันเถอะ” พวกเขาคุยกันขณะเดินไปยังตรงกลาง


 “เริ่มด้วยเงินตามด้วยลำดับหมายเลขนะ เงินหนึ่งพันนี่ให้ทุกคน และเงินหนึ่งพันนี้จะหักจากเงินของนายนะ” เจิง ยี่ชานหันไปพูดกับซู หยวนเฟิง


“หนึ่งพันงั้นหรือ ไม่ใช่สามร้อยหรือไง แล้วทำไมนายต้องเอาไปจากฉันล่ะ” ซู หยวนเฟิงรู้สึกงงกับคำพูดของเจิง ยี่ชาน


 “มันก็เคยสามร้อยอ่ะนะ แต่เพราะฉันต้องไปตามหานายที่ภูเขาเมื่อตอนเย็นด้วย ฉันก็ไม่รู้ว่าใครนะจะไปที่นั่น นอกจากนี้ นี่คือความคิดของหลิน เฟิงเขา ถ้านายอยากหาตัวเขา ก็ไปหาได้เลย” เจิง ยี่ชานจัดการโยนภาระนี้ให้กับหลิน เฟิงโดยทันที


“เฮ้อ โชคดีอะไรอย่างงี้” ซู หยวนเฟิงยอมรับเรื่องดังกล่าวอย่างไม่เต็มใจ


“อืม ความคิดนายต่างหากที่น่าเศร้า ถ้านายคิดว่าตัวเองโชคร้าย ให้คิดถึงเจา หลงสิ นายยังโชคดีกว่าเขามากนะ” เจิง ยี่ชานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม


 “ฮ่าๆ ก็ถูกของนาย เจ้าหมอนั่นต่างหากที่ไม่ได้ไปสักสตางค์แดงเดียว แถมยังกระดูกหักอีก แล้วก็ได้ยินมาว่าหมาของเจ้านั่นทุกตัวโดนหมูป่าฟาดเรียบ แค่คิดถึงเรื่องนี้ฉันก็รู้สึกมีความสุขมากกว่าเดิมแล้ว” ซู หยวนเฟิงว่าขึ้นพร้อมกับมอบเงินทั้งหมดให้กับผู้คนตรงหน้า


แม้ว่านี่จะเป็นเงิน 30000 หยวนสำหรับทุกคน แต่สำหรับเขา เงินนี้มันน้อยนิดมาก


“เพราะว่าสิบอันดับแรกนั้น ปริมาณของเงินจึงสูงขึ้นเล็กน้อย โอนไปให้ทุกคนเลย” เจิง ยี่ชานมอบเงินทั้งหมดนั่นราวกับนี่คือการมีชีวิตครั้งสุดท้ายของเขา


เมื่อเขาโอนเงิน 300000 หยวนให้กับหลิน เฟิง คนทุกคนต่างก็จ้องไปที่เขา เกือบจะไม่ถอนสายตาออกไปไหน


“ติ๊ง โอนเงินสำเร็จ” มือถือของเจิง ยี่ชานมีเสียงดังขึ้น จู่ๆนั่นก็ทำเอาใบหน้าของเจิง ยี่ชานกระตุกไปชั่วครู่ รู้สึกปวดใจ


เมื่อหลิน เฟิงเปิดมือถือของเขา มันก็โชว์ว่ามีเงิน 300000 เข้ามา ทำเอาเขาแทบจะกระโดดด้วยความดีใจ


“ขอบคุณครับ” แม้หลิน เฟิงจะรู้สึกตื่นเต้น แต่เขาก็ต้องแสร้งทำเป็นใจเย็นก่อนจะปกปิดเอาไว้อย่างดี เขากล่าวขอบคุณออกไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า  


หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นไปไม่นาน ก็เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว ทุกคนเริ่มกลับบ้านกัน


ในขณะที่หลิน เฟิงกำลังจะกลับนั่นเอง ซู หยวนเฟิงและเจิง ยี่ชานก็เข้ามาขัดเสียก่อน


“เอ่อ มีอะไรให้ผมช่วยอีกงั้นหรือครับ” หลิน เฟิงถามขึ้นพลางขมวดคิ้ว


“ไม่ต้องตกใจไป ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่จะมาถามนายว่านายอยากขายสุนัขตัวนี้ไหม ฉันเต็มใจที่จะจ่ายในราคาที่สูงเลยนะ” ซู หยวนเฟิงว่าขึ้น


 “ฉันจะให้เขาสักแสน ให้มากกว่านายเลย” เจิง ยี่ชานเอ่ยด้วยความรีบร้อน


“ทำไมนายถึงขี้โกงแบบนี้ นายต้องทำอะไรซึ่งๆหน้าสิ” ซู หยวนเฟิงว่าเจิง ยี่ชาน


“งั้น พวกเราจะพูดกันยังไงดีล่ะ นี่ก็แข่งแบบยุติธรรมแล้วนะ” เจิง ยี่ชานตอกกลับ


“จะแข่งแบบนี้ใช่ไหม เอางี้ ไม่ว่านายจะให้เท่าไหร่ ฉันจะให้มากกว่านาย หนึ่งล้านห้าแสน”


ซู หยวนเฟิงจึงโกงกลับบ้าง 


“เอ่อ...ถึงพวกคุณจะเถียงกันไป แต่ผมก็ไม่ขายครับ ฉะนั้นอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันเลย” จากนั้น หลินเฟิงก็หันกลับไปก่อนจะตามหวัง หานและคนอื่นๆออกไปให้พ้นจากที่ที่สองคนนี้อยู่


กลับบ้านเถอะ หลินเฟิงรู้สึกเหนื่อยแล้ว แต่พอเมื่อได้เห็นมือถือนั้นแวบแรก ชายสองคนนั้นใจป้ำสุดๆ เอาซะวันนี้น่าจะนอนหลับไม่ลงเลยทีเดียว


“แม้ว่าวันนี้จะเหนื่อยมากไปสักหน่อย แต่ผลที่ได้ก็คุ้ม ฮ่าๆ 300000 บวกอีก 100000 ที่พนันชนะเจา จินมาได้อีก หวัง หานก็ชนะมา 50000 กับเงิน 40000 ในตลาดเปิดอีก” 


“ฮ่าๆๆ ไม่เคยได้เงินเยอะแบบนี้มาก่อนในชีวิตเลย ฉันรวยแล้วๆ” ความตื่นเต้นของหลิน เฟิงยับยั้งเอาไว้ไม่อยู่เสียแล้วเมื่อล้มตัวนอนบนเตียง


ความรู้สึกของการที่รวยขึ้นมาชั่วข้ามคืนนั้นมันเยี่ยมสุดๆไปเลย หลิน เฟิงอดไม่ได้ที่จะกระโดดไปมาบนเตียงพร้อมกับตะโกน


“เจ้าลูกบ้า แกทำอะไรน่ะ หายใจเฉยๆบนเตียงไม่ได้หรือไง” ในตอนนั้นเอง แม่ของเขาก็ตะโกนขึ้นมา


“เอ้อ เปล่า ไม่มีอะไรครับ...”


โรงพยาบาลขนาดใหญ่ในอำเภอจิง เฟิงนั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียง มือข้างหนึ่งถูกมัดเอาไว้แน่นด้วยผ้าสีขาวผูกด้วยไม้ท่อนหนึ่ง


ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือเจา หลงที่แขนหักเพราะหมูป่าที่ป่าภูเขานั่นเอง เขาเพิ่งจะเข้ารับการผ่าตัดเสร็จและไม่สามารถขยับมือนั้นได้เลย


“นายน้อยครับ มานี่สิครับ อันดับการล่าออกมาแล้ว” ทันใดนั้นเอง บอดี้การ์ดคนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับกล่าวขึ้น


บอดี้การ์ดคนนี้คือคนที่ติดตามเจา หลง และเพราะเขาคนนี้อยู่กับเจา หลงนั่นเองจึงทำให้เขาไม่ถูกหมูป่านั่นฆ่าทิ้งเสียก่อน


 “นายเป็นยังไงบ้าง แล้วพวกเราติดสิบอันดับแรกหรือเปล่า ใครได้ที่หนึ่งไปล่ะ” คำถามผุดขึ้นมาในหัวของเจา หลงเจียงก่อนที่เขาจะถามออกไป


“เออ คือ... เราไม่ติดในสิบอันดับแรกครับ คะแนนของเรายังทิ้งห่างสิบอันดับแรกอยู่เลย” บอดี้การ์ดว่ากระซิบ ไม่กล้าที่จะให้เจา หลงได้ยิน


“แล้วใครได้ที่หนึ่งไป ซู หยวนเฟิงหรือเจิง ยี่ชานล่ะ” เจา หลงถามขึ้น


ครั้งนี้ เจา หลงได้สูญเสียทรัพสินของเขาไปแล้ว แล้วยังต้องมาเสียหมาของเขาไปอีก รวมถึงเงินและร่างกายของเขาด้วย


“ซู หยวนเฟิง ได้ที่สาม เจิง ยี่ชานได้ที่สองครับ” บอดี้การ์ดว่าขึ้น


“พวกเขาไม่ได้ได้ที่หนึ่งกันหรอกหรือ แล้วที่หนึ่งล่ะ ใครเป็นคนได้ไป” เมื่อเจา หลงไม่ได้ยินว่าสองคนนั้นได้ที่หนึ่ง จึงทำให้เขาสงสัยว่าใครกันที่คว้าที่หนึ่งไป


 “ครับ คือ...” บอดี้การ์ดลังเล


“ลั่วหยวนหรือ”


“ไม่ใช่ครับ”


“หรือว่าหวัง หาน ไม่น่าใช่นะ” เจา หลงถามขึ้นอีกครั้ง


“ไม่ใช่ครับ”


“แล้วใครกันล่ะ พูดออกมาเร็วๆสิ” เจา หลงกล่าวขึ้นอย่างหมดความอดทน


“ครับ คนๆนั้นก็คือหลิน เฟิง...”


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น