RC:บทที่ 28 โลกนี้ช่างแคบนัก

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

 RC:บทที่ 28 โลกนี้ช่างแคบนัก


“เอ ดูเหมือนว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกคุณงั้นหรือ” ในตอนนั้นเอง เจิง ยี่ชานก็มองไปที่ผู้คนรวมถึงร่องรอยที่ทิ้งอยู่บนพื้น


“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่คนหนุ่มเก่งๆสองคนที่ยังไม่เคยมา พวกเขาใช้สุนัขต่อสู้กันเอง” ลั่ว หยวนตอบ


“หา งั้นหรือ ใครสู้กับใคร แล้วใครชนะล่ะ” ทันทีที่ซู หยวนเฟิงได้ยินเรื่องที่สุนัขล่าเนื้อต่อสู้กัน เขาก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีก่อนจะเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ


“เอ่อ เป็นการต่อสู้ของสุนัขสีเหลืองโต๋ปินกับสุนัขเด็กสีดำในหมู่บ้านลั่วหยางครับ” ลั่วหยวนตอบไป


เศรษฐีรุ่นเยาว์พวกนี้นึกถามอะไรกันนะ แต่เขาก็ตอบหมด เพราะเขาไม่กล้าจะขัดใจเด็กหนุ่มผู้ร่ำรวยพวกนี้อยู่แล้ว  ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่ไปพูดถึงเรื่องที่น่าสนใจเรื่องอื่น


“โดเบอร์แมนของฮวง หยูน่ะหรือ ต้องเป็นหมาตัวนั้นแน่เลยที่ชนะ ใช่ไหม สุนัขของเขานี่ก็ดีใช้ได้เลยนะ มันเป็นหมาที่กล้าหาญและปากก็แข็งแรง นี่ถ้าได้คนเก่งๆไปเลี้ยงและฝึกนะ มันคงกลายเป็นสุนัขหายากไปแล้ว” เจิง ยี่ชานว่าขึ้น


น่าแปลกใจที่เจิง ยี่ชานรู้ได้ว่านั่นคือโดเบอร์แมนของฮวง หยู เพราะมันเป็นสุนัขที่มีชื่อเสียงที่ดีเลยทีเดียว


“เอ่อ คือ โดเบอร์แมนของฮวงหยูแพ้ครับ ไม่ใช่เขาชนะครับ แต่เป็นหมาป่าเด็กสีดำของหมู่บ้านลั่วหยางครับที่ชนะ” ลั่ว หยวนกล่าวขึ้นด้วยเสียงอันต่ำ


“ว่าไงนะ สุนัขโดเบอร์แมนของฮวง หยูแพ้งั้นหรือ เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง นี่ฉันได้ยินถูกใช่ไหมนี่”


“ฉันเคยสนใจหมาตัวนั้นก่อนที่เจ้านั่นจะมาซื้อไปเสียอีก ไม่ว่าจะขนาด นิสัยที่กล้าหาญหรือรสนิยมนั้น ถึงว่าจะไม่ใช่ขั้นดีเลิศ แต่ก็ถือว่าดีมากอยู่ แล้วจะแพ้ได้ไง”


เมื่อเจิง ยี่ชานได้ยินว่าสุนัขโดเบอร์แมนของฮวง หยูแพ้นั้น เขาก็อึ้งไป ไม่นึกเชื่อ


“ได้ยินถูกแล้วครับ สุนัขโดเบอร์แมนของฮวง หยูแพ้ ทั้งไม่น่าเชื่อแล้วก็น่าอายจริงๆครับ” ลั่ว หยวนว่าต่อ


“กลายเป็นเรื่องเหลือเชื่อและน่าอับอายแบบนี้ไปยังไง แต่ก็นะ แล้วฮวง หยูกับหมาของเขาหายไปได้ยังไง” เจิง ยี่ชานดูมีท่าทีกังวลถึงสุนัขของฮวง หยู ถึงได้ถามไถ่เป็นเวลานานแบบนี้


“สุนัขของฮวง หยูแพ้ก่อนที่จะท้าสู้อีกครับ มันวิ่งหนีออกไปก่อนที่การสู้จะเริ่มขึ้นเสียอีก และฮวง หยูก็เป็นคนไปจับมันมาได้ตอนที่หนี แล้วจู่ๆ มันก็เปลี่ยนไปกัดฮวง หยูแทน เลือดไหลเป็นทางเลยครับ ก็เลยต้องพาพวกเขาออกไปก่อนที่พวกคุณจะมากันนี่ล่ะครับ” ลั่ว หยวนเล่าโดยละเอียด


“มันเป็นสุนัขแบบไหน แล้วใครเป็นเจ้าของ ถึงได้เอาชนะโดเบอร์แมนของฮวง หยูได้ง่ายดายแบบนั้น” เจิง ยี่ชานหันมามองผู้คนทั้งหมดแถวนั้นโดยละเอียด


ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงก็ได้พาเสี่ยว เฮยกลับไปที่กลุ่มหมู่บ้านลั่วหยาง เจิง ยี่ชานกับคนอื่นๆจึงไม่เห็นเขา


“เป็นเด็กหนุ่มจากหมู่บ้านลั่วหยางครับ ส่วนชื่อเขาหรือสุนัขของเขาผมไม่รู้”


ลั่ว หยวนมักจะขลุกอยู่ในวงการแข่งขันล่าสุนัข เขารู้จักคนโน้นคนนี้ทั่วไป ยกเว้นก็แต่หลิน เฟิง


“หมู่บ้านลั่วหยางงั้นหรือ อยู่ที่ไหนกัน” เจิง ยี่ชานชำเลืองมองไปทางซ้ายทีขวาที


“จะมีภูเขาอยู่สองสามลูก นั่นล่ะครับหมู่บ้านลั่วหยาง” ลั่วหยวนชี้ไปที่หลิน เฟิงและคนอื่นๆ 


จากนั้นเจิง ยี่ชานก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาทีละก้าว


“นายงั้นหรือ” เจิง ยี่ชานชี้ไปยังชายคนหนึ่ง


“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่”


“หรือนาย” จากนั้นอีกคนก็ว่าขึ้น


“ไม่ใช่ๆ”


“เวรกรรม ฉันกลัวการมาที่นี่จังเลย เรื่องแดงแล้วสิ” หลิน เฟิงกล่าวขึ้นในใจ


จริงๆแล้ว หลิน เฟิงไม่ได้ต้องการให้ใครสังเกตเห็นเร็วนัก เพราะในพวกเขายังมีศัตรูอีกคนหนึ่งซึ่งก็คือเจา หลง ผู้สืบทอดในอนาคตของกลุ่มเฟิงไห่นั่นเอง


แต่ในเมื่อไม่มีวิธีอื่นแล้ว เราจึงต้องให้พวกเขาเจอให้เร็วที่สุด การเผยตัวออกไปและใช้เวลาสนุกๆด้วยน่าจะดีกว่า


“หยุดหาได้แล้ว ผมนี่ล่ะ” ขณะที่เจิง ยี่ชานกำลังจะไปยังชายหนุ่มอีกคนอยู่นั้น หลิน เฟิงก็เดินออกมาก่อนจะยืนตรงนั้น


“หืม”  หลิน เฟิงออกมายืนเพื่อให้ผู้คนอึ้งไป เพราะในตอนนั้น หลิน เฟิงกลับไม่โค้งตัวให้กับเศรษฐีหนุ่มทั้งสามคนเหมือนกับคนอื่นๆที่รู้สึกว่าตนด้อยกว่า


“นายเองหรือเนี่ย สุนัขล่าเนื้อของนายใช่ไหมที่คว่ำเจ้าโดเบอร์แมนของฮวง หยูเสียอยู่หมัด” เจิง ยี่ชานถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ


“ก็ดีไม่ใช่หรือครับ แบบนั้น แต่ว่าสุนัขของผมยังไม่ทันได้สู้กับหมาตัวนั้นเลยนะครับ คงเพราะมันไม่กล้าพอที่จะเข้ามาสู้หมาของผม พอเห็นอย่างงั้น หมาของผมก็เลยไล่เจ้าหมาตัวนั้นกลัวจนวิ่งหางจุกตูดไปเลย” หลิน เฟิงตอบคำถามอย่างไม่ยี่หระนัก


“โห นายนี่น่าสนใจดีจังเลย” เมื่อเจิง ยี่ชานได้ฟังหลิน เฟิงพูด เขาจึงกล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกอัศจรรย์ใจ


“เอ๊ะ หลิน เฟิงงั้นหรือ นายน่ะหรือ”


แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เจิง ยี่ชานถามจบ ก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาด้วยความแปลกใจ  เป็นน้ำเสียงแสดงความประหลาดใจแต่ก็เย็นชาในเวลาเดียวกัน


“เจา หลง มีอะไรกับผมงั้นหรือ หรือว่าจะถามอะไร” หลิน เฟิงตอบกลับไปอย่างเย็นชา ไม่หันไปมองหรือชื่นชมสักนิด


“เออ เจา หลง นี่รู้จักกันแล้วงั้นหรือ” เจิง ยี่ชานและซู หยวนเฟิงถามเป็นเสียงเดียวกัน


“ใช่ แน่นอน ฉันอยากจะแนะนำพวกนายให้กับสหายอย่างหลิน เฟิง ประธานสโมสรนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเรา” เจา หลงแสร้งทำเป็นชื่นชม แต่ทว่าทุกคนกลับได้ยินเป็นน้ำเสียงอีกอย่างหนึ่ง


เมื่อหลิน เฟิงได้ฟังในสิ่งที่เขาพูดอย่างไร้ความรู้สึก แต่ที่มุมปากนั้นหยามเหยียด และในขณะเดียวกันนั้นเอง มือที่เขาไพล่ไว้ข้างหลังนั้นกำแน่น


“ประธานสโมสรนักศึกษาคืออะไร ทั้งหมดนั่นเป็นชื่อปลอมทั้งนั้น”


หลิน เฟิงกล่าวพอเป็นพิธีว่าเขาก็ไม่รู้ว่าเจา หลงจะแต่งเรื่องให้เขาเป็นอะไรอีก


เพราะไม่ว่าจะยังไง เขาก็ไม่นึกยินดีที่จะแนะนำหลิน เฟิงให้กับเศรษฐีหนุ่มทั้งสองคนอยู่แล้ว


“ท่านประธานหลินนั้นใจดี๊ใจดี แต่ว่า ไหงถึงมาโผล่ในสถานที่แร้นแค้นและห่างไกลแบบนี้ได้ล่ะ ไม่ไปทำงานหรือไง หรือว่าไม่มีงานทำแล้วถึงได้มาเข้าร่วมกับกลุ่ม นี่ถ้านายไม่มีงานทำล่ะก็ ทำไมไม่ลองไปหาเพื่อนเก่าดูล่ะ” เจา หลงกล่าวขึ้นอย่างดูถูก


อย่างที่หลิน เฟิงคาดไว้ เจา หลงไม่ได้มีเจตนาที่ดีอย่างแน่นอน


ผู้คนที่อยู่หน้าๆนั้นต่างคิดว่าเจา หลงกับหลิน เฟิงนั้นรู้จักกันและมีความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกันจริงๆ


แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ากำลังเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ


“งานหรือ แน่นอน ฉันมีงานทำ นายไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก  หน้าของเจาหลงต่างหากที่งอไปหมดแล้ว นี่ดูเขาจะพอใจกับสิ่งที่ฉันเล่นนะ ฮ่าๆ” แล้วหลิน เฟิงก็หัวเราะออกมา


แต่ทว่าเจา หลงกลับมีสีหน้าบึ้งตึง คิ้วขมวด เพราะเขาเป็นเพียงคนเดียวที่เข้าใจความหมายที่หลิน เฟิงพูดคำว่า “สิ่งที่เขาเล่น” 


ส่วนอีกสองคนคือซู หยวนเฟิงกับเจิง ยี่ชานนั้นก็ดูเหมือนจะเห็นอะไรบางอย่าง สิ่งที่ว่านั่นก็คือความไม่ลงรอยกันระหว่างหลิน เฟิงกับเจา หลง


ในตอนนี้ ไม่มีใครพูดอะไรกัน ทุกคนต่างเงียบและไม่รู้ว่าต้องทำอะไร


บางคนคิดว่าหลิน เฟิงนั้นช่างกล้าขัดใจเจา หลง หลิน เฟิงอาจดวงซวยแล้วงานนี้


ชาวบ้านคนอื่นๆในลั่วหยางก็เริ่มรู้สึกกังวลเกี่ยวกับหลิน เฟิง ยิ่งไปกว่านี้ ทุกๆคนก็มาจากหมู่บ้านเดียวกันและคอยช่วยเหลือกันอยู่เนืองๆ พวกเขาจึงไม่ต้องการเห็นหลิน เฟิงถูกกลั่นแกล้ง 


“โอ้ นี่ก็เก้าโมงสี่สิบห้านาทีแล้วสิ ฮ่าๆ เอาล่ะ หมดเวลารำลึกถึงความหลังของพวกเราทั้งสองคนซักทีนะ เดี๋ยวพวกเรามาเริ่มกันต่อดีกว่า เพราะนี่ก็เลยเช้ามามากแล้ว” เมื่อไม่เห็นว่ามีใครพูดอะไร เจิง ยี่ชานจึงรีบทำลายบรรยากาศชวนอึดอัดนี้ลง


“ฮึม ก็ได้”  เจา หลงพ่นลมหายใจออกมาทางจมูก ก่อนจะจ้องไปที่หลิน เฟิงอย่างนึกดูถูก ในขณะเดียวกันหลิน เฟิงก็ไม่ได้นึกสนใจว่าเจา หลงจะอยู่หรือไม่และนั่นก็ทำให้เขาโกรธขึ้นมาทันที


“ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะพูดถึงกฎและก็คำเตือนสำหรับการแข่งครั้งนี้...”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น