RC:บทที่ 27 เศรษฐีทั้งสามกับคนอื่นๆ

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

 RC:บทที่ 27 เศรษฐีทั้งสามกับคนอื่นๆ


ลั่ว หยวน ในฐานะที่เป็นผู้จัดการทั่วไปของการแข่งครั้งนี้ต้องรับผิดชอบกับทุกอย่าง ดังนั้น เขาจึงมาที่หน้าถนนเพื่อกล่าวทักทายกับเศรษฐีหนุ่มทั้งสามคนซึ่งเป็นคนจัดตั้งการแข่งนี้ขึ้นมา


แล้วไม่นาน คนทั้งสามคนก็ก้าวลงมาจากรถหรูทั้งสามคัน พร้อมกับใส่แว่นกันแดด พวกเขาต่างไม่รู้ว่าพวกตนอยู่ที่ไหนเป็นเวลาชั่วครู่


หลังจากที่ทั้งสามคนมารวมตัวกัน เขาเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไร แล้วจากนั้นก็ไปหาหลิน เฟิง


คนทั้งสามนี้เป็นเจ้าของรถยนต์คันหรูทั้งสามคัน หรือถ้าจะให้พูดก็คือ พวกเขาคือคนที่จัดตั้งการแข่งขันนี้ขึ้นมา ตามมาด้วยคนสองคนข้างหลังพวกเขาซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนรับใช้ไม่ก็บอดี้การ์ด โดยแต่ละคนต่างจูงสุนัขมาถึงหนึ่งหรือสองตัว


หลังจากนั้นครู่เดียว ทุกคนที่อยู่ในรถก็พากันออกมา รวมเป็น 15 คนกับสุนัขอีก 10 ตัวในรถยนต์ห้าคัน


คนพวกนั้นล้วนเป็นผู้ชาย อายุราวๆยี่สิบต้นๆ ในตอนนี้ พวกเขาต่างจูงสุนัขล่าเนื้อแสนรักของพวกตนออกมา


“นายรู้ไหมว่าคนพวกนี้เป็นใคร” เมื่อลั่ว หยวนเดินออกมาทักทายกับคนที่ดูท่าทางร่ำรวยทั้งสามคน หลิน เฟิงจึงถามหวัง หาน


“รู้จักสิครับ แต่คนที่ผมฟังมีแค่ลั่ว หยวนคนเดียวนะครับ แล้วคนสามคนนั่นน่ะก็เจ๋งไปเลย พี่รู้ไหมว่านี่คือกลุ่มผู้มีอิทธิพลใหญ่สามกลุ่มในอำเภอจิ้งเฟิงเลยนะ” หวัง หานกล่าวขึ้น


“กลุ่มผู้มีอิทธิพลทั้งสามในอำเภอจิ้นเฟิงน่ะหรือ ที่ฉันรู้ก็มีกลุ่มเฟิงไห่ กลุ่มเติ้งจี้และกลุ่มซูหยางที่เป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลในอำเภอจิ้นเฟิง มีคนพูดกันว่าบัญชีทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขามากกว่า 80% จากทรัพย์สินทั้งหมดในอำเภอจิ้นเฟิงด้วย แล้วว่าแต่การแข่งนี้มันเกี่ยวอะไรกับสามคนนี้งั้นหรือ” หลิน เฟิงสงสัย


“แน่นอน เกี่ยวสิ นี่คือความบันเทิงที่ผู้สืบทอดในอนาคตทั้งสามกลุ่มร่วมกันจัดขึ้นมาเชียวนะ” หวัง หานอธิบาย


“นายหมายความว่าคนที่จัดการแข่งนี้ขึ้นมาคือผู้สืบทอดของสามกลุ่มนี้งั้นหรือ” ข่าวนี้สร้างความประหลาดใจให้เขาเล็กน้อย


“อ่าฮะ เจ้าของรถยนต์คันแรกนั่นก็คือซู หยวนเฟิง ทายาทในอนาคตของกลุ่มเติ้งจี้ แล้วพี่เห็นสุนัขสามตัวของเขาไหม พวกนั้นน่ะสุนัขมืออาชีพเลย


โดยเฉพาะตัวที่อยู่ด้านหน้านั่นน่ะที่หน้าตาดี สู้เก่งนั่นเห็นว่าได้แชมป์ด้วยนะเมื่อปีที่แล้วน่ะ” หวัง หานแอบชี้ไปที่ชายหนุ่มคนที่ลงมาจากรถคันแรก


มองเพียงแวบเดียว หลิน เฟิงก็ได้เห็นเด็กหนุ่มที่อายุยี่สิบต้นๆ อาจจะอ่อนกว่าเขาสักหนึ่งหรือสองปี ผมของเขาตัดสั้น รูปหน้าสวยและดูเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ


ส่วนสุนัขทั้งสามตัวของเขา ตู๋ เกาที่รูปร่างองอาจและแข็งแกร่ง จนถึงตอนที่ลงมาจากรถ เขาเห็นสุนัขล่าเนื้อและสุนัขต่อสู้หลายตัวอยู่ตรงนั้น พวกมันตื่นเต้น เห่าอย่างบ้าคลั่งพลางลากคนที่จูงพวกมันไปซ้ายทีขวาที แต่โชคดีที่คนที่จูงพวกมันนั้นแข็งแรงพอที่จะยึดพวกมันไว้


“ส่วนเจ้าของรถคันที่สองนั้นชื่อว่าเจิง ยี่ชาน ผู้สืบทอดในอนาคตของกลุ่มจู่หยง สุนัขสามตัวในมือเขาก็คือสุนัขสายพันธุ์มาสติฟฟ์ทิเบตแท้ๆ ตัวที่ใหญ่ที่สุดนั่นเห็นเขาว่ากันว่าเป็นสุนัขมาสทิฟฟ์ที่เป็นจ่าฝูงในพื้นที่นี้ และราคาเป็นล้าน” หวัง หานแนะนำคนที่สองขึ้นมาอีก


หลิน เฟิงตอบไป ก่อนจะเห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้ดูแล้วน่าจะอายุเท่าๆกับหลิน เฟิง เขาสวมแจ็คเก็ตหนังราคาแพง ดูท้วมเล็กน้อย แต่ก็ดูเป็นมิตรราวกับว่าเป็นคนที่ในชีวิตเจอแต่สิ่งดีๆมา


ส่วนสุนัขล่าเนื้อของเขานั้นเป็นสุนัขพันธุ์มาสติฟฟ์ทิเบตสามตัว ความสูงของไหล่เกือบจะเท่ากันกับเจ้าดำน้อยของหลิน เฟิง ยกเว้นแต่น้ำหนักที่ยังไงก็ต้องมากกว่าเจ้าดำน้อยของเขาอย่างแน่นอน


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สุนัขพันธุ์มาสติฟฟ์ตัวที่ใหญ่ที่สุด ขนของมันเป็นสีดำสลับเหลือง สะอาด ดูนิ่งๆและสัมผัสได้ถึงความหยิ่งยะโส


“และเจ้าของรถคันที่สามก็คือ...” ในขณะที่หวัง หานกำลังจะพูดต่อ จู่ๆหลิน เฟิงก็คว้าตัวเขามา


“คนนั้นคือเจา หลง ผู้สืบทอดในอนาคตของกลุ่มเฟิงไห่ใช่ไหม” หลิน เฟิงตอบแทน เสียงของดูเย็นชาและต่ำลงเล็กน้อย ส่วนดวงตาก็ประกายยะเยือก


เมื่อหวัง หานแนะนำคนที่สามนั้น หลิน เฟิงก็จำขึ้นมาได้ นี่คือเจา หลงคนที่เดินเข้ามาสะดุดหลิน เฟิง นี่เขาไม่คิดเลยว่าจะได้มาพบเขาที่นี่


“เอ่อ พี่เฟิง พี่รู้จักนายท่านเจา หลงด้วยหรือ” หวัง หานเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ


“รู้จักน่ะหรือ ใช่แล้ว เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วและไม่ถูกชะตากันมานานแล้วด้วย” หลิน เฟิงกล่าวขึ้นด้วย ในใจรู้สึกดูถูก แต่เขาก็ไม่ได้เล่าตรงนี้ออกมา


“ก็แค่เคยได้ยินแต่ก็ไม่ได้คุ้นเคยขนาดนั้น” หลิน เฟิงตอบไป โดยแกล้งทำเป็นว่าไม่รู้จักเขา ก่อนจะหันไปเพราะไม่อยากให้ชายคนนั้นจำเขาได้เร็วนัก ไม่เช่นนั้นอาจจะมีปัญหาได้


“อ้อ งั้นผมขอพูดเรื่องสุนัขของเขาเลยนะครับ เขามีสุนัขจอมกัดอยู่สี่ตัว ตัวที่ใหญ่ที่สุดเห็นว่ามาจากญี่ปุ่นเลยด้วย ใครๆก็เรียกมันว่าแชมป์จอมกัดสิบสมัย” 


“แชมป์สิบสมัย หมายความว่าไง” เมื่อได้ยินชื่อยาวๆแบบนั้น หลิน เฟิงก็นึกสงสัย ตั้งชื่อแปลกๆแบบนั้นได้อย่างไรกันน่ะ


“แชมป์สิบสมัยคือการที่ชนะเลิศในการต่อสู้ของสุนัขมืออาชีพ และชนะสิบครั้งติดกัน ดังนั้นจึงเรียกว่าแชมป์สิบสมัย นี่ต้องใช้เงินเป็นล้านเลยนะครับกว่าจะได้ตัวมันมา” 


เมื่อได้ฟังในสิ่งที่หวัง หานพูดแล้ว นั่นก็ทำให้หลิน เฟิงตะลึงไป เจ้าสุนัขร่างยักษ์ที่คว้าแชมป์ถึงสิบสมัยในการแข่งขันต่อสู้ระดับสุนัขมืออาชีพนั้นช่างน่าอัศจรรย์


ยิ่งไปกว่านั้น หลิน เฟิงยังได้ยินมาอีกว่าสุนัขจอมกัดซึ่งเป็นสุนัขมืออาชีพที่ดุร้ายนั้นยังขึ้นชื่อเรื่องความน่ากลัวและความเจ็บปวด เพราะไม่ว่าคู่แข่งของมันจะทรงพลังแค่ไหน  พวกมันก็จะพุ่งตัวเข้าสู้จนกว่าพวกมันจะพ่ายแพ้ หรือกัดพวกมันจนตาย


หลิน เฟิงนึกอยากรู้ว่านั่นจะเป็นสุนัขแบบไหนกัน จนเมื่อสุนัขตัวนั้นลงมาจากรถ หลิน เฟิงจึงได้เห็นสุนัขตัวมหึมานั่นในที่สุด


ไหล่ของมันสูง อาจจะน้อยกว่า 80 แต่อย่างน้อยต้องมากกว่า 75 เว้นเสียแต่ลำตัวของมันที่ดูกำยำมากกว่าเสี่ยว เฮยของหลิน เฟิง กล้ามเนื้อที่นูนขึ้นมาอย่างน่ากลัวและรอยแผลเป็นที่ได้มาจากการต่อสู้บนร่างของมันนั้นดูน่าหวาดกลัวไม่น้อย


เมื่อได้เห็นสัตว์ป่าที่น่ากลัวเช่นนี้ ผู้คนจึงรู้สึกกลัวก่อนที่จู่ๆจะถอยห่างออกมาเพราะกลัวว่าจะถูกกัดจนถึงแก่ชีวิต


 “ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ควรรู้ก็คือว่าตัวที่สองนั้นครั้งหนึ่งเคยเป็นจ่าฝูงนะ เจา หลงเป็นคนเลี้ยงมาเองกับมือ แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็แทบไม่เคยใช้มันต่อสู้เลยนะเดี๋ยวนี้ ผมได้ยินมาว่าเรื่องไล่คนออกเป็นเรื่องจริง...”


“แล้วนี่เสี่ยว เฮ่ย นายมั่นใจนะว่าจะเอาชนะเจ้าหมาจอมกัดยักษ์นั้นได้น่ะ” หลิน เฟิงถามขึ้น


“เจ้านาย ร่างกายของเจ้านี่มีทั้งฮอร์โมนและยา แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องลับๆ แต่ข้าก็เจอมันเข้าซึ่งนี่จะเพิ่มคุณภาพและความแข็งแกร่งในทุกส่วน ถ้ายังไม่เปลี่ยนเป็นร่างต่อสู้ ข้าจะสู้กับมันสุดได้แค่ 50-50” ในตอนนี้เอง ดวงตาของเสี่ยว เฮ่ยวาววับไปด้วยแสงสีดำ ก่อนจะจ้องไปที่ร่างของสุนัขจอมกัดตัวนั้น 


“แต่ว่าช่วงชีวิตของสุนัขนั้นไม่มากไปกว่าสองปีอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้ฮอร์โมนตัวนี้จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสุนัขอย่างมหาศาลรวมถึงความกลัวเวลาเจ็บปวดด้วยนั้น แต่มันก็คอยดูดกลืนชีวิตของสุนัขทางอ้อมเหมือนกัน” เสี่ยว เฮ่ยเล่าทุกอย่างให้หลิน เฟิงฟัง


“เข้าใจแล้ว เจา หลงนี่มันเสียสติไปแล้ว เขาซื้อเอาช่วงชีวิตสองปีของสุนัขนั่นไป นี่คงคิดว่าจะทำเงินให้ตัวเองได้มหาศาลล่ะสิ ฮ่าๆ” หลิน เฟิงหัวเราะในใจ


“ซู หยวนเฟิง (ร่ำรวย), เจิง ยี่ชาน (ขุนเขา) และเจา หลง (มังกร)”


เมื่อชายทั้งสามคนมาถึง พวกเขาก็ทักทายกัน ชายที่อยู่ข้างหลังพวกเขาเดินออกมาพร้อมกับสุนัขล่าเนื้อ


“เอ่อ ทุกคนมากันแล้วใช่ไหม” ซู หยวนเฟิงถามขึ้น


“คุณเฟิง  เราอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว รอพวกคุณกันอยู่นี่ล่ะครับ” ลั่ว หยวนว่าขึ้น


“โอ้ สายตั้งยี่สิบนาที ต้องขอโทษจริงๆ พอดีรถติดระหว่างทางน่ะ คงไม่สายเกินไปหรอกนะ” ลั่ว หยวนเพียงแค่พยักหน้าและน้อมตัวลงกับสิ่งที่อีกฝ่ายได้กล่าวมา


“นายน้อยทั้งสามมาได้เวลาที่เหมาะพอดีเลยครับ ไม่สายเกินไปหรอก” สิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้น ลั่ว หยานเพียงแค่พยักหน้าก่อจะน้อมตัวลง


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น