RC:บทที่ 26 สุนัขแว้งกัดเจ้านาย

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

 RC:บทที่ 26 สุนัขแว้งกัดเจ้านาย


สุนัขโดเบอร์แมนของฮวง หยูนั้นจริงๆแล้วนิสัยดี หลังจากปรับสภาพจิตใจไปเป็นเวลาครึ่งวันได้แล้วนั้น ในที่สุดมันก็ค่อยยังชั่วขึ้นมา เชื่อฟังคำสั่งของฮวง หยู และโดเบอร์แมนก็เริ่มเห่าใส่เจ้าดำน้อยของหลิน เฟิง


แต่ทว่าเสี่ยว เฮ่ยกลับยืนนิ่งๆอยู่แบบนั้นท่ามกลางฝูงชนที่รายล้อม ไม่มีการเคลื่อนไหว มันจ้องมองโดเบอร์แมนตัวนั้นกลับไปอย่างเงียบๆ ไม่ขยับไปไหน


 “พี่เฟิง นี่พี่คงไม่คิดที่จะสู้และให้ผมนำทางหรอกใช่ไหม” หวัง หานถามขึ้น


“ไม่หรอก เสี่ยว เฮ่ยจะแก้ไขเรื่องนี้เอง” หลิน เฟิงตอบกลับไป


หลังจากที่หลิน เฟิงเรียกเสี่ยว เฮ่ยมาที่กลางสนาม เขาก็ไม่ได้ออกคำสั่งใดๆ มันจึงเล่นได้อย่างใจต้องการ


และเพราะมีเพียงหลิน เฟิงเท่านั้นที่รู้ว่าไอคิวของเสี่ยว เฮ่ยนั้นไม่ได้ต่ำไปกว่าผู้ใด รวมถึงว่ามันก็มีความคิดของตัวเอง ทำอะไรก็ได้ และมันก็แค่อยากจะสั่งสอนบทเรียนให้กับสุนัขของฮวง หยูเท่านั้น


เมื่อสุนัขโดเบอร์แมนเห็นว่าเสี่ยว เฮ่ยไม่ได้ขยับหรือแสดงท่าทีอะไรตอบกลับมา ได้แต่ยืนนิ่งๆอยู่ตรงกลางนั่น ด้วยเหตุนั้นมันจึงกล้ามากขึ้น ก่อนจะเห่าใส่เสียงดัง


ในที่สุด มันก็วิ่งพุ่งตรงเข้าไปหา ราวกับว่าไม่เคยกลัวเจ้าดำน้อยของหลิน เฟิง


“ทำได้ดี เอาเลย พวกเรา” เมื่อพวกเขาเห็นสุนัขโดเบอร์แมนพุ่งตรงไปที่เสี่ยว เฮ่ย พวกเขาทั้งหมดต่างส่งเสียงเชียร์


“โอ้ จบสิ้นแล้ว” แต่ทว่ากรรมการอย่างลั่ว หยวนกลับครางออกมาเสียงต่ำ


ทันทีที่สุนัขโดเบอร์แมนของฮวง หยูพุ่งตรงไปหาเสี่ยว เฮ่ยนั้น จู่ๆเสี่ยว เฮ่ยก็ผงกหัวขึ้นมา และในตอนนั้นทุกคนก็ถึงกับตื่นเมื่อได้เห็นร่างใหญ่โตของสัตว์ร่างยักษ์ตัวนี้


“โฮก” ทันใดนั้นเอง เสียงคำรามที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ก็ก้องขึ้น จนคนที่อยู่แถวนั้นรู้สึกเหมือนกับจะเวียนหัวและมีอาการหูอื้อ


นี่คือเสียงคำราม ไม่ใช่เสียงเห่าหอน และเสียงแบบนี้จะเกิดจากสิงโตหรือเสือเท่านั้น แต่ทว่าในตอนนี้กลับเป็นเสี่ยว เฮ่ยที่คำรามออกมา


ในตอนนั้น ผู้คนต่างก็กลัวเกรงราวกับว่าสิ่งที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาไม่ใช่สุนัขแต่เป็นเสือหรือสิงโต


และเมื่อพวกเขามองสุนัขโดเบอร์แมนของฮวง หยูอีกครั้งนั้น หมาตัวดังกล่าวก็ล้มไปกองกับพื้นก่อนที่จะกระโจนไปถึงเสี่ยว เฮ่ยเสียอีก พลางปล่อยของเหลวสีเหลืองออกมาด้วย


กลัวจนฉี่ราดเลย


“เอ๋งๆ”


ในขณะที่ฉี่ราดนั่นเอง มันก็ร้องหงิง จากนั้นก็เบนหน้าออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งออกไปอย่างไวโดยไม่หันหลังกลับมาซึ่งทำให้ทุกคนถึงกับประหลาดใจ


“จบแค่นี้งั้นหรือ” ทุกคนต่างทำอะไรไม่ถูก เดิมทีนั้น พวกเขาต้องการจะเห็นการต่อสู้ระหว่างสุนัขตัวใหญ่ทั้งสองตัว แต่ใครจะรู้ล่ะว่าพวกเราจะต้องกลับไปตั้งแต่ที่การต่อสู้ยังไม่ได้เริ่ม


แต่อย่างไรก็ตาม ทันทีที่สุนัขโดเบอร์แมนวิ่งมาหาฮวง หยู มันก็รู้สึกอุ่นใจที่เจ้านายดึงคอมันกลับไป


“พอกันที สุนัขอะไรวะน่ะ ทำแกกลัวซะจนฉี่ราดตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มสู้แบบนี้เนี่ย”


“ฮ่าๆ ไม่หยิ่งแล้วหรอ มันดุมากเลยน้า แถมตอนนี้ฉันยังโดนตบกลับมาด้วย กลัวจนร้องไห้ฉี่แตกเลย ฮ่าๆ”


“ฮวง หยู ฉันคิดว่าฉายาผีขี้แงของนายน่าจะเปลี่ยนได้แล้วนะ น่าจะเป็น “ฉี่สะท้านฟ้า” จะดีกว่า ฮ่าๆ” หวัง ซื่อว่าขึ้นพลางหัวเราะร่วน


ตอนนี้ ฮวง หยูอยากจะบ้าตายก่อนจะพาลเกลียดทุกๆคนในหมู่บ้านลั่วหยาง เพราะทันทีที่ผู้คนจากในหมู่บ้านลั่วหยางเห็นเขาเป็นแบบนี้ คนพวกนั้นก็ทนไม่ไหวจนต้องล้มลงไปกองกับพื้น


แม้แต่คนใหมู่บ้านจิ้งชุยเองก็ยังรู้สึกว่าฮวง หยูนั้นสมควรโดนแล้ว ผู้คนหัวเราะเยาะใส่เขาซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกแย่ลงไปอีก อีกทั้งยังรู้สึกอับอาย


“สุนัขโดเบอร์แมนของฮวง หยูที่ชื่อเสี่ยว บินนั้นหนีออกจากการแข่ง งั้นผมขอประกาศว่าหมาป่าดำของหลิน เฟิง


“เดี๋ยวก่อน ฉันไม่ยอม ฉันยังไม่ได้สู้เลยนะ ฉันจะสู้อีกครั้งหนึ่ง” ในขณะที่ลั่ว หยวนกำลังจะประกาศชัยชนะของเสี่ยว เฮ่ย ฮวง หยูก็แทรกขึ้นมาอย่างไม่เห็นด้วย


แต่ทันทีที่เขาพูดจบ เสี่ยว เฮ่ยก็เหลือบมองไปที่สุนัขโดเบอร์แมนซึ่งนั่นทำให้เกิดแรงกดดันที่มองไม่เห็นจนสุนัขตัวนั้นต้องร้องหงิงๆอีกครั้ง


พร้อมกับมีท่าทีดิ้นรนจะกลับ ด้วยท่าทางหวาดกลัว เหมือนอยากจะออกไปจากที่นี่ทุกขณะ


“เจ้าหมา นี่แกกลัวอะไร ฉันซื้อแกมาด้วยราคาที่สูงลิ่วเลยนะ ไปจัดการไอ้เจ้านั่นสิ เร็วเข้า” ในตอนนั้นเอง ฮวง หยูก็รู้สึกโกรธจัดจนตะโกนใส่หน้าสุนัขของตน


“หงิงๆ”


แต่ทว่ามันยังไม่หายจากอาการตื่นกลัว พร้อมกับกระเสือกกระสนจะหนีซึ่งนั่นทำให้ฮวง หยูถึงกับโมโห


“แกเป็นหมาพันธุ์ไหนกัน พันธุ์ขาเป๋หรือไง นายจะไปมีประโยชน์อะไรถ้าไม่สู้ล่ะ ฮึ”


เขาจ่ายเงินไปถึงหมื่นหยวนเพื่อซื้อสุนัขตัวนี้ แต่พอมาตอนนี้ เขากลับอับอายเป็นอย่างมาก เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากโกรธพร้อมทั้งเตะเจ้าสุนัขของเขา


มาถึงตอนนี้ ฮวง หยูได้เสียสติไปเรียบร้อยแล้ว แม้แต่หมาตัวเองก็ไม่อยากมอง


แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ผู้คนกำลังเกลี้ยกล่อมเขาอยู่นั่นเอง จู่ๆก็มีแสงสีดำจางๆปรากฏขึ้นในตาของสุนัขโดเบอร์แมน จากนั้นมันก็เห่าราวกับรู้สึกโกรธ ก่อนจะกัดเข้าที่น่องของฮวง หยู


“อ๊าก” ฮวง หยูร้องลั่นก่อนจะล้มลงกับพื้น


สุนัขโดเบอร์แมนของเขาเป็นสุนัขที่แข็งแรง มาตอนนี้ แรงที่ออกไปนั้นจึงไม่เบาเลย มันทิ้งรูเล็กๆสี่รูบนน่องของเขาพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมา


แล้วมันก็ดิ้นออกมาจากมือของเขา ก่อนจะวิ่งกลับออกไปอย่างรวดเร็ว หายไปอย่างไร้รองรอย ทิ้งให้ฮวง หยูกุมน่องของเขา ทรุดลงกับพื้นอยู่เพียงคนเดียว


“นี่...”


เหตุการณ์ตรงหน้าเกิดขึ้นเร็วมากเกินกว่าที่ผู้คนธรรมดาจะแสดงปฏิกิริยากันออกมา ในวินาทีแรกนั้นเจ้านายเป็นคนตีหมา แต่พอวินาทีต่อมากลับเป็นหมาที่กัดเจ้านายของตน


จริงๆแล้วนี่มันเจ้านายแบบไหนกันล่ะนี่


ไม่มีใครสังเกตเห็นแสงสีดำในดวงตาของเสี่ยว เฮ่ยที่ค่อยๆหายไป ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน จากนั้นก็วิ่งกลับไปหาหลิน เฟิง


ต่อมา ทุกคนในหมู่บ้านผิงหยานต่างก็เข้ามาช่วยกับแบกฮวง หยูออกไป เพราะว่าเขาโดนกัดแบบนี้ นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเลือดออกแต่อาจจะติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้


“เสี่ยวเฮ่ย ได้ออกกำลังแขนกำลังขาบ้าง เป็นไง ดีไหม” หลิน เฟิงเอ่ยถามเสี่ยว เฮ่ยในใจ


โดยทั่วไปนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่สุนัขจะทำร้ายเจ้าของ แม้แต่ตอนที่ได้รับการฝึกสอนจากเจ้าของก็ตาม พวกมันก็แทบจะไม่ได้เข้าทำร้ายเจ้าของเลย ยกเว้นแต่หมาบ้าและตอนที่พวกมันอารมณ์ไม่ดี


“ดีเลย เจ้านาย เจ้านี่นี่มันเยอะชะมัด ข้ายังไม่เห็นเลยว่ามันจะทำอะไรได้บ้าง” เสี่ยว เฮ่ยตอบกลับไป


“อืม ก็ดีแล้วล่ะ เป็นบทเรียนที่ดีเลย เจ้านี่มันเยอะและยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องเจอกับอะไรจนกระทั่งถึงตอนที่ตัวเขาได้รับบทเรียนอันแสนเลวร้าย”


อีกอย่าง หลิน เฟิงเองก็ไม่ชอบเจ้านั่นเลย สอนบทเรียนให้เขายังจะดีซะกว่า


ในขณะที่ผู้คนแบกร่างของฮวง หยูออกไปนั้น จู่ๆก็มีเสียงเป่าขลุ่ยดังขึ้น จากนั้นก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามายังที่ราบแห่งนี้


มีรถยนต์ทั้งหมดห้าคัน แต่ละคนล้วนมีราคา โดยเฉพาะสามคันแรกซึ่งมูลค่าน่าจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านบาท


รถคันแรกก็คือบีเอ็มดับบลิว สีดำทั้งคันเป็นที่น่าดึงดูดใจ ส่วนคันที่สองเป็นเมอร์ซีเดสเบนซ์สีขาวซึ่งดูโดดเด่นออกมาจากสีเขียวของภูเขา และคันที่สามก็คือรถแลนด์ โรเวอร์ที่เป็นสีขาวเช่นกัน รถยนต์หลายคันที่ต่างรีบขับเข้ามายังที่ราบแห่งนี้ในทันทีนั้นทำใครต่อใครต้องหันไปมองในทันที


“ในที่สุด” ทันทีที่เห็นรถทั้งสามคันที่จู่ๆก็ขับเข้ามานั้น ลั่วหยวนก็พูดขึ้นมา


เมื่อได้ยินในสิ่งที่ลั่ว หยวนพูด ผู้คนก็รู้เลยว่าใครกำลังมา ซึ่งคงไม่ใช่ใครนอกจากเจ้าภาพซึ่งเป็นที่รู้จักในอำเภอจิ้งเฟิง


การแข่งล่าครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากเศรษฐีรุ่นเยาว์หลายคนในการจัดงานนี้ร่วมกัน หรือถ้าจะให้พูดก็คือ พวกเขาต่างต้องการหาอะไรทำสนุกๆโดยไม่สนใจเรื่องเงิน


เมื่อเห็นรถยนต์ที่วิ่งเข้ามา หลิน เฟิงก็นึกสงสัยว่าพวกที่เรียกตัวเองว่าคนรวยจะหน้าตาเป็นยังไง


สายตาของผู้คนกวาดไปรอบๆรถยนต์เหล่านั้นจนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลิน เฟิงและคนอื่นๆ


ทันทีที่รถจอด ผู้คนก็ลงมาจากรถ แต่ละคนใส่แว่นดำ เมื่อพวกเขามองมาที่หลิน เฟิง พวกเขาล้วนแต่มีท่าทีเย่อหยิ่ง ราวกับกำลังมองขอทาน


“ซู หยวนเฟิง (ร่ำรวย), เจิง ยี่ชาน (ขุนเขา) และเจา หลง (มังกร)...”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น